ที่มา uddred
ข่าวสด 22 สิงหาคม 2555 >>>
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ และแกนนำคนเสื้อแดง
ให้สัมภาษณ์ว่า
แกนนำทำความเข้าใจกับประชาชนที่จะมาให้กำลังใจว่าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่
ศาลกำหนดอย่างเคร่งครัด
ขณะที่แกนนำที่เป็นส.ส.แม้ศาลจะเลื่อนการไต่สวนไปวันที่ 29 พ.ย.
ก็จะเดินทางไปให้กำลังพรรคพวก ซึ่งแกนนำ 19 คน ศาลไต่สวนแล้ว 18 คน
เหลือเพียงนาย ยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการรมว.มหาดไทย
ที่จะเตรียมข้อมูลเอกสาร พยานหลักฐานเพิ่ม โดยศาลนัดไต่สวนช่วงเช้า
ก่อนอ่านคำวินิจฉัยช่วงบ่าย
มั่นใจว่าศาลจะให้ความเมตตาและให้โอกาสทุกคนได้มีอิสรภาพและทำกิจกรรมของตัว
เองต่อไป แต่อาจมีเงื่อนไขการปฏิบัติตัวเพิ่มเติม จึงต้องรอฟังศาลก่อน
ทั้งนี้ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือลบ พวกตนพร้อมน้อมรับและเคารพ
และพร้อมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้หารือกับ
นายยศวริศหรือไม่ว่ายังต้องหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติม นายณัฐวุฒิกล่าวว่า
คุยกันตลอด
ประเด็นที่ศาลยังติดใจสอบถามคือการขึ้นเวทีประกาศหมายเลขโทรศัพท์ตุลาการศาล
รัฐธรรมนูญ ซึ่งนายศวริศเตรียมคลิปวิดีโอและคำกล่าวขอโทษบนเวทีปราศรัย
และการห้ามปรามประชาชนว่าอย่าไปคุกคามกดดันตุลาการ
นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าตุลาการไม่ได้ติดใจและไม่มีกลุ่มบุคคลใดคุกคามครอบ
ครัวของตุลาการ เพื่อชี้แจงต่อศาล
อยากเห็น'มาร์ค-เทือก'มาศาล
เมื่อ
ถามว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนแกนนำระวังการปราศรัยหรือไม่ รมช.เกษตรฯ
กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องตระหนักเรื่องนี้
เพราะสถานการณ์การเมืองยังอยู่ในช่วงขัดแย้ง
โดยเฉพาะแกนนำอยู่ในฐานะผู้ถูกดำเนินคดีและอยู่ระหว่างการพิจารณา
ดังนั้นเราต้องรอบคอบระมัดระวัง ต่างจากฝ่ายตรงข้ามคือนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่ถูกกล่าวหาคดี 98 ศพ แต่จนขณะนี้ยังไม่ปรากฏเป็นคดีใดๆ
แม้ศาลจะมีหมายเรียกไปเบิกความการเสียชีวิตของประชาชนหลายราย
ซึ่งทั้งสองคนพูดว่าพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ล่าสุดขอเลื่อนเข้าไป 2
สัปดาห์ อ้างต้องเตรียมข้อมูล ทำให้ตนประหลาดใจเพราะทั้งสองพูดทุกวัน
ทุกเวที พูดจนขึ้นใจ
แต่พอถึงเวลาศาลเรียกกลับออกอาการและหน่วงเหนี่ยวดึงเวลา
'ผมขอเรียก
ร้องให้กล้าหาญเหมือนกับปาก และเดินเข้าไปพูดความจริงในศาล
ไม่ใช่เฉพาะคนไทย
แต่คนทั้งโลกอยากได้ยินเสียงหน้าบัลลังก์ศาลของคุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ
ว่าจะอธิบายอย่างไรเกี่ยวกับกรณีนี้' นายณัฐวุฒิกล่าว
เอาผิดผู้สั่งการไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวถึงข้อกังวลเรื่องการเปิดเผยคำสั่งใช้สไนเปอร์
อาจกระทบกับฝ่ายกองทัพจนบานปลายว่า คิดว่าไม่
ทุกฝ่ายต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เป็นการตัดสินใจของฝ่ายการเมือง และเป็นความรับผิดชอบของ ผู้บริหารประเทศ
ส่วนกองทัพหรือทหารเป็นกลไกในการปฏิบัติ
ฉะนั้นใครที่สั่งการหรือมีอำนาจในการลงนามและมอบนโยบาย
บุคคลเหล่านั้นจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
แต่พรรคประชาธิปัตย์พยายามสร้างกระแสว่ารัฐบาลกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพ
เพื่อที่ตัวเองจะเอากองทัพมาเผชิญหน้าเพื่อหวังประโยชน์การเมือง
จึงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าคดีความกำลังเดินหน้าและนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ
กำลังจะขึ้นเบิกความต่อศาล ดังนั้นขอให้สไนเปอร์
รวมทั้งผู้ปฏิบัติร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม
โดยพูดความจริงทั้งหมดเพื่อให้ความจริงไปถึงผู้บงการและความยุติธรรมจะเกิด
ขึ้นกับประชาชน
เมื่อถามว่าในฐานะแกนนำเสื้อแดงมองว่าเจ้าหน้าที่ที่
ปฏิบัติงานไม่ต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า
ตนพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมจะพิจารณา
ส่วนตัวเห็นว่าฝ่ายบริหาร ฝ่ายการเมือง
ซึ่งมีอำนาจขณะนั้นปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
แต่ถ้าเรื่องเข้าสู่ศาลแล้วต้องรอดูต่อไป และรอเวลาจนกว่าความจริงจะปรากฏ
พวกเรารอได้ เพราะรอมากว่า 2 ปี ตอนนี้ถือว่าคืบหน้าที่สุด
และคาดว่าเรื่องนี้น่าจะจบได้ภายในรัฐบาลนี้
ต่อข้อถามว่าฝ่ายค้าน
ตั้งข้อสงสัยการทำงานของดีเอสไอ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า
ดีเอสไอเป็นหน่วยงานของรัฐ
และสิ่งที่กำลังทำคืออำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน และอธิบดีดีเอสไอคนนี้
พรรคประชาธิปัตย์เคยบอกว่าเป็นข้าราชการตัวอย่าง ที่ต้องสนับสนุนและปกป้อง
แล้วทำไมวันนี้ท่าทีของประชาธิปัตย์จึงจงเกลียดจงชังอธิบดีคนนี้
หรือกลัวว่าความจริง สิ่งที่พูดหรือทำอะไรไว้จะปรากฏ ถ้านายสุเทพ
และนายอภิสิทธิ์ บริสุทธิ์ใจก็ไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องนี้
ขอให้พูดความจริงต่อศาลทุกอย่างก็จบ
'ก่อแก้ว'ห่วงตู่-เจ๋งกว่าคนอื่น
นาย
ก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง
กล่าวว่า วันที่ 22 ส.ค.ตนอาจจะไม่ได้ไปศาลอาญา
เนื่องจากติดประชุมหลายคณะที่รัฐสภา แต่ก็เป็นกำลังใจให้พรรคพวกอยู่แล้ว
เชื่อมั่นว่าศาลไม่น่าจะถึงขั้นถอนประกัน
เพราะการจะถอนหรือไม่ถอนประกันคงไม่ได้หมายถึงการกระทำแค่ตรงนี้
แต่หมายถึงการกระทำที่รุนแรงมาก ซึ่งตนห่วงใยทุกคน
แต่กรณีของนายเจ๋งไม่คิดว่าจะไปไกลขนาดนั้น
จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยหรือร่ำลา
ยังรู้สึกเฉยๆเพราะมั่นใจว่าไม่ถึงขั้นนั้น
'จริงๆ แล้วมี 2 คน
คือนายจตุพรและนายยศวริศที่น่าตื่นเต้นกว่าคนอื่นๆ
แต่ยืนยันว่าทั้งสองยังอยู่เมืองไทย
ไม่ได้หนีไปไหนเพราะเรายังเชื่อมั่นในศาล อีกทั้งติดคุกยังมีวันได้ออก'
นายก่อแก้วกล่าว
'เจ๋ง'พร้อมทั้งร่างกาย-จิตใจ
ทาง
ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยที่ 7 คดีร่วมกันก่อการร้าย
กล่าวว่า
ทีมทนายความเตรียมพยานบุคคลเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมพื้นที่และได้ฟัง
คำปราศรัยของ ตนมาขึ้นเบิกความ
รวมทั้งหลักฐานแผ่นวีซีดีพร้อมเอกสารถอดเทปปราศรัยยื่นต่อศาล
เชื่อว่าศาลจะมีความยุติธรรม
และเมตตาตนเพราะตนแสดงความคิดเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเป็นศาลการเมืองไม่ใช่ศาลยุติธรรม
อีกทั้งผู้ร้องก็ไม่มีมูลเหตุเกี่ยวข้องในคดีจึงเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องการ
เมือง และที่ตนปราศรัยก็ไม่ได้มีเจตนาปลุกปั่น
ถึงแม้จะสุ่มเสี่ยงผิดเงื่อนไขประกันตัวไปบ้าง
เชื่อว่าศาลจะว่ากล่าวตักเตือนและเพิ่มเงื่อนไขมากกว่าจะมีคำสั่งถอนประกัน
เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง
ทั้งนี้ตนพร้อมทั้งสภาพร่างกายและจิตใจและจะไม่ขอเลื่อนฟังคำสั่ง
เพราะศาลคงไม่อนุญาตให้เลื่อนอีก
เจ๋ง ดอกจิก กล่าวด้วยว่า
แม้ผลจะออกมาทางลบก็ขอน้อมรับคำวินิจฉัย
แต่เชื่อว่าศาลจะมีความยุติธรรมและเมตตา
ทั้งนี้คิดว่าช่วงเช้าจะมีจำเลยคนอื่นรวมทั้งจำเลยที่เป็นส.ส.ที่มี
เอกสิทธิ์คุ้มครอง เดินทางมาฟังการไต่สวน ให้กำลังใจ
และคาดว่าแนวร่วมนปช.จะมาศาล