ที่มา ประชาไท
Wed, 2012-08-22 18:16
22 ส.ค.55 ศาลอาญานัดสอบถามนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช. จำเลยที่ 2
ในคดีร่วมกันกับพวก 19 คนก่อการร้าย กรณีที่นายเชาวนะ ไตรมาศ
เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง
พรรคประชาธิปัตย์
ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว
พร้อมด้วยนายวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ซึ่งเป็นเลขานุการ รมช.มหาดไทย
และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย
กรณีมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดเงื่อนไขให้ประกันตัว
โดยขึ้นเวทีปราศรัยที่หน้ารัฐสภา กล่าวโจมตีพาดพิง
ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้องให้วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2550 ม.291 ขัด ม.68 ของรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่
ในช่วงเช้าก่อนเข้าเบิกความต่อศาล เจ๋งให้สัมภาษณ์ว่า
เตรียมทั้งพยานบุคลและเอกสารเพิ่มเติมมามอบให้ศาล โดยพยานบุคลนั้น ได้แก่
นายเหวง โตจิราการ,พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
(รองผบช.น. 1) , นายฐานิต เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย,
นายจริน สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ 5 ธันวาเป็นพยานเพิ่มเติม
นายยศวริศ กล่าวว่า
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยืนยันว่าตนไม่มีเจตนายุยงปลุกปั่น
หรือคุกคามตุลาการ และยังได้ขึ้นเวทีห้ามปรามประชาชน ส่วน
รมช.มหาดไทยจะยืนยันถึงพฤติกรรมเรื่องการทำงานของตนว่าเป็นอย่างไร
ส่วนนายจรินนั้นจะยืนยันว่าตนได้ทำงานเพื่อสถาบัน อย่างไรก็ตาม
ยืนยันว่าไม่มีเจตนายุยงปลุกปั่น
และมั่นใจในความยุติธรรมของศาลจึงไม่กังวลอะไร เพราะตนมีเจตนาที่ชัดเจน
แต่คำวินิจฉัยจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยอมรับ
ภายหลังการไต่สวนกว่า 2 ชั่วศาลอาญามีคำสั่งถอนประกันและให้คุมตัวนายยศวริศ
โดยให้เหตุผลว่าเข้าข่ายยั่วยุปลุกปั่น ขณะที่แกนนำนปช.ที่เหลือ 18 คน
ปล่อยตัวชั่วคราว
โดยศาลอาญาได้อ่านเหตุผลว่า
กรณีนายจตุพรนั้นศาลได้ดูเอกสารประกอบกับของเลขาสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
โดยข้อเท็จจริงว่านายจุตุพรนั้นได้ปราศรัยแล้วคำกล่าวปราศรัยเป็นคำเสียดสี
ประชดประชัน ไม่พอใจ และปราศรัยด้วยถ้อยคำไม่สุภาพหยาบคาย
แต่ไม่มีคำใดที่กระทบต่อการดูหมิ่น เหยียดหยาม
การกระทำของนายจตุพรยังฟังได้ว่าเป็นคำวิจารณ์ที่รุนแรงไปบ้าง
แต่ยังไม่ถือว่าทำการใดกระทบต่อความเดือดร้อนที่จะกระทบต่อการปล่อยตัวชั่ว
คราว จึงยังไม่เห็นเหตุผลอันสมควรให้ยกคำร้องของเลขาฯ ศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีของนายวริศนั้น
ศาลฟังข้อเท็จจริงได้ว่านายวริศขึ้นปราศรัยหน้ารัฐสภาซึ่งจำเลยไม่ได้ปฏิเสธ
และเห็นว่าพูดด้วยความสนุกสนานและชวนให้ขบขัน
โดยเจตนาของนายวริศมีการชี้นำให้ผู้ฟังรู้สึกดูหมิ่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ก่อนจะมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลของตุลาการรัฐธรรมนูญและครอบครัวมาเปิดเผยใน
เวลาไล่เลี่ยกัน และยังมีตอนหนึ่งว่า “ให้แวะเวียนไปเยี่ยม
เอาดอกไม้ไปเยี่ยม โทรศัพท์ไปคุยและให้ไปจัดการ”
อันเป็นการพูดที่อาจทำให้ผู้ฟังที่กำลังอยู่ในอารมณ์ที่เกลียดชังตุลาการศาล
รัฐธรรมนูญ เข้าใจได้ว่านายวริศประสงค์จะให้มีการก่อความวุ่นวาย
สร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือกระทำการอันตรายต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและครอบ
ครัว และถือได้ว่าเป็นการคุกคามกดดันแก่บุคคลที่ถูกกล่าวอ้าง
อีกทั้งเป็นการกดดันการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ซึ่งการนำข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นมาเปิดเผยโดยไม่มีเหตุจำเลยก็ไม่ใช่
วิสัยปกติของบุคคลทั่วไป แม้ภายหลังจะขอโทษก็ไม่อาจทำให้พ้นความผิด
ทำให้ผิดเขื่อนไขการประกัน ส่วนที่อ้างว่าระลึกได้ในภายหลังจึงขอโทษ
แต่นายวริศไร้ความช่างใจ
จึงไม่แน่ว่าถ้าปล่อยตัวชั่วคราวอีกต่อไปแล้วจะทำเหตุการณ์ใดอีก
และถ้อยคำดังกล่าวยังไปละเมิดผู้อื่นด้วย ทั้งยังเป็นการยั่วยุ
จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดเขื่อนไขตามที่กำหนดไว้
จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว
เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายยศวริศไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
โดยรถตู้ของกรมราชทัณฑ์
ซึ่งนำขบวนด้วยรถเก๋งและรถมอเตอร์ไซค์ของกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และมีรถกระบะซึ่งบรรทุกเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธเพื่อรักษาความปลอดภัย
และปิดท้ายขบวนด้วยรถตำรวจกองปราบอีกเช่นกัน
นายวิญญัติ ชาติมนตรี
ทนายความของนายยศวริศเปิดเผยว่าพร้อมยื่นขอประกันตัวใหม่ในทันที
โดยใช้เงินสดสองล้านบาทเป็นหลักประกัน ส่วนแกนนำ น.ป.ช. 5 คนที่เป็น ส.ส.
ยังคงใช้แนวทางเดิม ยันไม่กระทำการละเมิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากแกนนำ นปช.ได้หารือกัน นายวิญญัติระบุว่า
ไม่สามารถยื่นประกันตัวได้ทันวันนี้ โดยต้องรอคำสั่ง
รวมทั้งหาลักฐานใหม่เพื่อยื่นประกันตัว และจะหาคนในรัฐบาล รัฐมนตรี และ
หัวหน้าพรรคมารับรองพฤติกรรม
เรียบเรียงจาก เว็บไซต์ไทยรัฐ เว็บไซต์เดลินิวส์ เว็บไซต์คมชัดลึก