ที่มา ประชาไท
Wed, 2012-08-22 14:48
21 ส.ค. 55 เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ห้องพิจารณาคดี 405
มีการสืบพยานในคดีเลขดำที่ 2478/2553
ซึ่งพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นาย
สายชล แพบัว จำเลยที่ 1 อายุ 28 ปีอาชีพรับจ้าง และนายพินิจ จันทร์ณรงค์
จำเลยที่ 2 อายุ 26 ปี อาชีพรับจ้าง
ในความผิดะร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นซึ่งเป็นโรงเรือนที่เก็บสินค้าจน
เป็นเหตุให้นายกิติพงษ์ สมสุข
ซึ่งอยู่ในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ถึงแก่ความตายและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เหตุเกิดที่ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ บ่ายวันที่ 19 พ.ค.53
ช่วงที่มีการสลายการชุมนุของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.) โดยในวันนี้(21 ส.ค.) มีการสืบพยานโจทก์คือ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล
พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าว
ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล เบิกความว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนมายัง DSI เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.53 ซึ่งขณะนั้น สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็น สน.ในท้องที่เกิดเหตุได้ฝากขังจำเลยไว้แล้ว ในชั้นพนักงานสอบสวนจำเลยทั้ง 2 ได้ให้การปฏิเสธ และจากนั้นดีเอสไอได้มีการสอบสวนผู้เสียหายทั้งจากห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ห้างเซนและร้านค้าที่เป็นผู้เช่าพื้นที่ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ประมาณ 300 คน ส่วนผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุคือนายกิติพงษ์ สมสุข ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ พบสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องมาจากการขาดอากาศหายใจ นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบถังแก๊สและขวดเครื่องดื่มชูกำลังบรรจุน้ำมัน เชื้อเพลิง และทางเจ้าหน้าที่ของ เซ็นทรัลเวิลด์ ได้มอบซีดี 3 แผ่นที่เป็นภาพถ่ายมาให้เป็นหลักฐานด้วย
อัยการได้สอบถามว่าทำไมดีเอสไอถึงไม่ทำคดีนี้แต่แรก ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ตอบว่า โดยหลักการรับคดี เมื่อเหตุเกิด พนักงานสอบสวนในท้องที่จะรับเรื่องและหากพิจารณาแล้วว่าคดีดังกล่าวเป็นคดี พิเศษก็จะส่งสำนวนมาให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ส่วนคดีนี้เป็นคดีพิเศษตามมติของคณะกรรมการคดีพิเศษในการประชุมที่ 3/2553 ลงวันที่ 16 เม.ย. 53 และตามคำสั่งนายกฯ ขณะนั้นได้ให้พนักงานสอบสวนในท้องที่ร่วมเป็นทีมสอบสวนคดีพิเศษด้วย
จากการสอบสวนจำเลยที่ 1 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันได้มีการจับตัวมาดำเนินคดี โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ชี้ตัวยืนยันว่าเป็นผู้กระทำความผิด ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ให้การปฏิเสธ แต่ไม่ได้อ้างพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน จึงทำให้มีความเห็นส่งฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ได้ถูกจับกุมในคดีปล้นทรัพย์ ในวันและที่เกิดเหตุเดียวกัน โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ได้ชี้รูปถ่าย พนักงานสอบสนของ สน.ปทุมวัน จึงแจ้งข้อหาดำเนินคดี ซึ่งจำเลยได้ให้การปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้อ้างพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาเช่นกัน ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นส่งฟ้อง
พนักงานดีเอสไอเบิกความต่อว่า รปภ.ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ให้การว่าจำเลยทั้ง 2 ได้บุกเข้ามาในห้างร่วมกับพวกในกลุ่มหลายๆ คนทุบกระจกและร่วมกันวางเพลิง นอกจากจำเลยทั้ง 2 แล้วยังมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนและได้ออกหมายจับ 9 คน รวมจำเลยทั้ง 2 คนนี้ด้วย แต่สามารถจับดำเนินคดีได้ 4 คน ซึ่งเป็นเยาวชน 2 คน และที่เหลืออีก 5 คน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจับกุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัยการได้นำภาพถ่ายกลุ่มบุคคลที่เจ้าพนักงานอ้างว่าเป็นจำเลยทั้ง 2 รวมถึงอีก 5 คนที่ออกหมายจับไปแล้วแต่ยังจับไม่ได้ และยังมีบุคคลอื่นๆ รวมอยู่ด้วย โดยได้สอบถามถึงการดำเนินคดีกับคนอื่นๆในรูป ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ชี้แจงว่า เนื่องจากคนอื่นๆในภาพไม่สามารถระบุตำหนิรูปพรรณได้ชัดเจนว่าเป็นใคร ดังนั้นแม้ส่งไปขอหมายจับต่อศาลก็มีความเป็นไปได้สูงที่ศาลจะไม่อนุมัติ จึงไม่ได้มีการขอหมายจับ
นายบพิตร ชำนาญเอื้อ ทนายจำเลยที่ 1 ได้ซักค้านพยานโจทย์ต่อถึงเรื่องหลักเกณฑ์การรับคดีของดีเอสไอ ซึ่งพยานอ้างว่าคดีนี้รับเป็นคดีพิเศษเป็นผลสืบเนื่องจากมติการประชุมของคณะ กรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 3/2553 แต่มติดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 16 เม.ย.53 ให้รับคดีอันเกิดจากการชุมนุมโดยมิชอบในช่วงปลายปี 2552 ขณะที่คดีนี้เกิดหลังจากมติแล้วคือ วันที่ 19 พ.ค.53 ทำไมจึงสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ ร.ต.อ.ปิยะ ตอบว่าถ้าดูในเนื้อหาของมติดังกล่าว ระบุให้รับเป็นคดีพิเศษในส่วนของคดีที่เป็นความต่อเนื่องจากการชุมนุมปลายปี 2552 เป็นต้นไป คำว่า “เป็นต้นไป” บ่งชี้ว่าให้มีผลหลังวัน 16 เม.ย.53 ได้
ทนายจำเลยที่ 1 ได้ถามว่าภาพถ่ายที่ รปภ.ห้าง เซ็นทรัลเวิลด์ ส่งมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามว่ามีรูปจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีนี้หรือไม่ พยานตอบว่าไม่ได้สอบถาม และไม่สามารถระบุได้ว่าขวดเครื่องดื่มชูกำลังบรรจุน้ำมันที่เป็นวัตถุพยาน นั้นเป็นของใคร
ภาพซ้าย : ภาพ1 ที่ รปภ.ห้าง
เซ็นทรัลเวิลด์ มอบให้พนักงานสอบสวน
และถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมโดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าภาพชายชุดดำดัง
กล่าวคือจำเลยที่ 1 ในที่เกิดเหตุ
ภาพขวา : นายสายชล จำเลยที่ 1 ขณะถูกนำตัวมาแถลงข่าวหลังถูกจับกุม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.53 ภาพจากเว็บไซต์มติชน
ทนายได้นำภาพที่ตำรวจใช้เป็นหลักฐานจับกุมจำเลยที่ 1 ซึ่งเห็นใบหน้าชายชุดดำขณะเกิดเหตุ เทียบกับภาพจำเลยที่ 1 ขณะถูกนำตัวมาแถลงข่าวหลังถูกจับกุม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.53 (ดูภาพประกอบด้านบน) มาเปรียบเทียบถามว่าเป็นคนๆ เดียวกันหรือไม่ ร.ต.อ.ปิยะ ตอบว่า ภาพไม่ชัด จึงไม่สามารถยืนยันด้วยตาว่าใช่หรือไม่ใช่
จากนั้นทนายจำเลยที่ 1 จึงได้นำตัวจำเลยที่ 1 ซึ่งถูกควบคุมตัวและมาร่วมฟังการพิจารณาคดีนี้มาแสดงแขนขวาให้พยานได้ พิจารณาดูรอยสัก ซึ่งพยานได้เบิกความต่อศาลว่าจำเลยที่ 1 มีรอยสักที่ไหล่ ท้องแขนด้านหน้า และหลังมือ ส่วนด้านหลังแขนไม่มี
ผู้พิพากษาได้สอบถามจำเลยว่า รอยสักดังกล่าวสักนานหรือยัง จำเลยที่1 ตอบว่า สักตั้งแต่เด็กๆ
ร.ต.อ.ปิยะ เบิกความด้วยว่า ถังแก๊สหุงต้ม 7 ใบที่เป็นวัตถุพยานของกลางรวมถึงวัตถุพยานอื่นๆ ที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุนั้นไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของจำเลยทั้ง 2 และไม่มีการตรวจลายมือแฝงของจำเลยกับวัตถุพยานของกลางดังกล่าว ขณะนี้เก็บไว้ที่ สน.ปทุมวัน
อย่างไรก็ตาม การสืบพยานในส่วนของทนายจำเลยที่ 1 เสร็จในเวลา 15.45 น. แล้ว ในส่วนของทนายจำเลยที่ 2 ได้มีการแจ้งต่อศาลว่าจะใช้เวลานานประกอบกับสุขภาพไม่ดี ศาลจึงได้มีการเลื่อนการพิจารณาไปนัดหน้าต่อในวันที่ 5 พ.ย.55 เวลา 9.30 น.
สำหรับอีก 2 ผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนในคดีที่เกี่ยวข้องกัน ได้มีการพิจารณาคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มาหลายนัดแล้ว ในคดีอาญา คดีหมายเลขดำที่ 1682/2553 ระหว่างพนักงานอัยการ กับนายอัตพล (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 1 นายภาสกร (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 ทั้งสองมีอายุ 16 ปีในวันเกิดเหตุ โดยนัดสืบพยานในครั้งถัดไปเป็นวันที่ 17 ก.ย.55
ทั้งนี้นาย สายชล แพบัว จำเลยที่ 1 และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ จำเลยที่ 2 ปัจจุบันยังคงถูกคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่หรือโรงเรียนพลตำรวจบางเขน โดยไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว ตั้งแต่กลางปี 2553
ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล เบิกความว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนมายัง DSI เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.53 ซึ่งขณะนั้น สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็น สน.ในท้องที่เกิดเหตุได้ฝากขังจำเลยไว้แล้ว ในชั้นพนักงานสอบสวนจำเลยทั้ง 2 ได้ให้การปฏิเสธ และจากนั้นดีเอสไอได้มีการสอบสวนผู้เสียหายทั้งจากห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ห้างเซนและร้านค้าที่เป็นผู้เช่าพื้นที่ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ประมาณ 300 คน ส่วนผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุคือนายกิติพงษ์ สมสุข ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ พบสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องมาจากการขาดอากาศหายใจ นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบถังแก๊สและขวดเครื่องดื่มชูกำลังบรรจุน้ำมัน เชื้อเพลิง และทางเจ้าหน้าที่ของ เซ็นทรัลเวิลด์ ได้มอบซีดี 3 แผ่นที่เป็นภาพถ่ายมาให้เป็นหลักฐานด้วย
อัยการได้สอบถามว่าทำไมดีเอสไอถึงไม่ทำคดีนี้แต่แรก ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ตอบว่า โดยหลักการรับคดี เมื่อเหตุเกิด พนักงานสอบสวนในท้องที่จะรับเรื่องและหากพิจารณาแล้วว่าคดีดังกล่าวเป็นคดี พิเศษก็จะส่งสำนวนมาให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ส่วนคดีนี้เป็นคดีพิเศษตามมติของคณะกรรมการคดีพิเศษในการประชุมที่ 3/2553 ลงวันที่ 16 เม.ย. 53 และตามคำสั่งนายกฯ ขณะนั้นได้ให้พนักงานสอบสวนในท้องที่ร่วมเป็นทีมสอบสวนคดีพิเศษด้วย
จากการสอบสวนจำเลยที่ 1 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันได้มีการจับตัวมาดำเนินคดี โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ชี้ตัวยืนยันว่าเป็นผู้กระทำความผิด ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ให้การปฏิเสธ แต่ไม่ได้อ้างพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน จึงทำให้มีความเห็นส่งฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ได้ถูกจับกุมในคดีปล้นทรัพย์ ในวันและที่เกิดเหตุเดียวกัน โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ได้ชี้รูปถ่าย พนักงานสอบสนของ สน.ปทุมวัน จึงแจ้งข้อหาดำเนินคดี ซึ่งจำเลยได้ให้การปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้อ้างพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาเช่นกัน ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นส่งฟ้อง
พนักงานดีเอสไอเบิกความต่อว่า รปภ.ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ให้การว่าจำเลยทั้ง 2 ได้บุกเข้ามาในห้างร่วมกับพวกในกลุ่มหลายๆ คนทุบกระจกและร่วมกันวางเพลิง นอกจากจำเลยทั้ง 2 แล้วยังมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนและได้ออกหมายจับ 9 คน รวมจำเลยทั้ง 2 คนนี้ด้วย แต่สามารถจับดำเนินคดีได้ 4 คน ซึ่งเป็นเยาวชน 2 คน และที่เหลืออีก 5 คน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจับกุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัยการได้นำภาพถ่ายกลุ่มบุคคลที่เจ้าพนักงานอ้างว่าเป็นจำเลยทั้ง 2 รวมถึงอีก 5 คนที่ออกหมายจับไปแล้วแต่ยังจับไม่ได้ และยังมีบุคคลอื่นๆ รวมอยู่ด้วย โดยได้สอบถามถึงการดำเนินคดีกับคนอื่นๆในรูป ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ชี้แจงว่า เนื่องจากคนอื่นๆในภาพไม่สามารถระบุตำหนิรูปพรรณได้ชัดเจนว่าเป็นใคร ดังนั้นแม้ส่งไปขอหมายจับต่อศาลก็มีความเป็นไปได้สูงที่ศาลจะไม่อนุมัติ จึงไม่ได้มีการขอหมายจับ
นายบพิตร ชำนาญเอื้อ ทนายจำเลยที่ 1 ได้ซักค้านพยานโจทย์ต่อถึงเรื่องหลักเกณฑ์การรับคดีของดีเอสไอ ซึ่งพยานอ้างว่าคดีนี้รับเป็นคดีพิเศษเป็นผลสืบเนื่องจากมติการประชุมของคณะ กรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 3/2553 แต่มติดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 16 เม.ย.53 ให้รับคดีอันเกิดจากการชุมนุมโดยมิชอบในช่วงปลายปี 2552 ขณะที่คดีนี้เกิดหลังจากมติแล้วคือ วันที่ 19 พ.ค.53 ทำไมจึงสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ ร.ต.อ.ปิยะ ตอบว่าถ้าดูในเนื้อหาของมติดังกล่าว ระบุให้รับเป็นคดีพิเศษในส่วนของคดีที่เป็นความต่อเนื่องจากการชุมนุมปลายปี 2552 เป็นต้นไป คำว่า “เป็นต้นไป” บ่งชี้ว่าให้มีผลหลังวัน 16 เม.ย.53 ได้
มติจากการประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 3/2553 ที่มา เว็บไซต์ดีเอสไอ
ทนายจำเลยที่ 1 ถามต่อว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของ
นปช.มีหลายคดีดีเอสไอ มีหลักการพิจารณาเป็นรายคดีใช่หรือไม่
พยานโจทย์ชี้แจงว่าเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติแล้ว
โดยอ้างว่าเป็นคดีที่ต่อเนื่องเกี่ยวพัน
ดังนั้นอธิบดีดีเอสไอมีอำนาจวินิจฉัยได้เลยในการส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ
นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ถูกจับกุมในวันที่ 19 พ.ค.53
แต่มาถูกจับกุมภายหลังที่สนามหลวง
ส่วนการชี้ตัวจำเลยในชั้นพนักงานสอบสวนนั้น ทางดีเอสไอไม่ได้เข้าร่วม
และไม่ได้มีการนำตัวพนักงานรักษาความปลอดภัยห้าง เซ็นทรัลเวิลด์
ที่ชี้ตัวจำเลยในชั้นสอบสวนมาชี้ตัวจริงๆ ในชั้นการสอบสวนของ DSI ทนายจำเลยที่ 1 ได้ถามว่าภาพถ่ายที่ รปภ.ห้าง เซ็นทรัลเวิลด์ ส่งมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามว่ามีรูปจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีนี้หรือไม่ พยานตอบว่าไม่ได้สอบถาม และไม่สามารถระบุได้ว่าขวดเครื่องดื่มชูกำลังบรรจุน้ำมันที่เป็นวัตถุพยาน นั้นเป็นของใคร
ภาพขวา : นายสายชล จำเลยที่ 1 ขณะถูกนำตัวมาแถลงข่าวหลังถูกจับกุม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.53 ภาพจากเว็บไซต์มติชน
ทนายได้นำภาพที่ตำรวจใช้เป็นหลักฐานจับกุมจำเลยที่ 1 ซึ่งเห็นใบหน้าชายชุดดำขณะเกิดเหตุ เทียบกับภาพจำเลยที่ 1 ขณะถูกนำตัวมาแถลงข่าวหลังถูกจับกุม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.53 (ดูภาพประกอบด้านบน) มาเปรียบเทียบถามว่าเป็นคนๆ เดียวกันหรือไม่ ร.ต.อ.ปิยะ ตอบว่า ภาพไม่ชัด จึงไม่สามารถยืนยันด้วยตาว่าใช่หรือไม่ใช่
ภาพ2 ที่ รปภ.ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มอบให้พนักงานสอบสวน และถูกนำมาใช้เป็นหลักฐาน
ทนายจำเลยที่ 1
ได้ให้พยานดูภาพจังหวะที่มีชายถือวัตถุสีเขียว(ถังดับเพลิง)ซึ่งเป็นภาพต่อ
เนื่องกับภาพก่อนหน้าว่า เห็นรอยสักหรือที่แขนขวาของชายคนดังกล่าวหรือไม่
ร.ต.อ.ปิยะ ตอบว่าไม่เห็น รวมถึงไม่มีรอยสักที่หลังมือบุคคลในรูปด้วย จากนั้นทนายจำเลยที่ 1 จึงได้นำตัวจำเลยที่ 1 ซึ่งถูกควบคุมตัวและมาร่วมฟังการพิจารณาคดีนี้มาแสดงแขนขวาให้พยานได้ พิจารณาดูรอยสัก ซึ่งพยานได้เบิกความต่อศาลว่าจำเลยที่ 1 มีรอยสักที่ไหล่ ท้องแขนด้านหน้า และหลังมือ ส่วนด้านหลังแขนไม่มี
ผู้พิพากษาได้สอบถามจำเลยว่า รอยสักดังกล่าวสักนานหรือยัง จำเลยที่1 ตอบว่า สักตั้งแต่เด็กๆ
ร.ต.อ.ปิยะ เบิกความด้วยว่า ถังแก๊สหุงต้ม 7 ใบที่เป็นวัตถุพยานของกลางรวมถึงวัตถุพยานอื่นๆ ที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุนั้นไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของจำเลยทั้ง 2 และไม่มีการตรวจลายมือแฝงของจำเลยกับวัตถุพยานของกลางดังกล่าว ขณะนี้เก็บไว้ที่ สน.ปทุมวัน
อย่างไรก็ตาม การสืบพยานในส่วนของทนายจำเลยที่ 1 เสร็จในเวลา 15.45 น. แล้ว ในส่วนของทนายจำเลยที่ 2 ได้มีการแจ้งต่อศาลว่าจะใช้เวลานานประกอบกับสุขภาพไม่ดี ศาลจึงได้มีการเลื่อนการพิจารณาไปนัดหน้าต่อในวันที่ 5 พ.ย.55 เวลา 9.30 น.
สำหรับอีก 2 ผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนในคดีที่เกี่ยวข้องกัน ได้มีการพิจารณาคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มาหลายนัดแล้ว ในคดีอาญา คดีหมายเลขดำที่ 1682/2553 ระหว่างพนักงานอัยการ กับนายอัตพล (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 1 นายภาสกร (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 ทั้งสองมีอายุ 16 ปีในวันเกิดเหตุ โดยนัดสืบพยานในครั้งถัดไปเป็นวันที่ 17 ก.ย.55
ทั้งนี้นาย สายชล แพบัว จำเลยที่ 1 และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ จำเลยที่ 2 ปัจจุบันยังคงถูกคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่หรือโรงเรียนพลตำรวจบางเขน โดยไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว ตั้งแต่กลางปี 2553