ที่มา ประชาไท
Sun, 2012-08-19 10:31
เสวนา "จิบชา ปฏิวัติพลังงาน"
เห็นพ้องไทยต้องมีกฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่เข้มแข็ง
ลดละเลิกพลังงานฟอสซิลสกปรก-พลังงานนิวเคลียร์
สร้างรากฐานให้กับเศรษฐกิจสีเขียวที่ยั่งยืนและเป็นธรรม
18 สิงหาคม 2555 กรีนพีซ จัดเสวนา "จิบชา ปฏิวัติพลังงาน"
ปิดท้ายมหกรรมปฏิวัติพลังงานผ่านกฎหมายพลังงานหมุนเวียน
ที่โดมกู้วิกฤตโลกร้อนซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการการรณรงค์ของกรีนพีซที่มาประจำ
การในประเทศไทยตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ณ ลานราชมังคลากีฬาสถาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมดในการจัดกิจกรรมที่โดมกู้วิกฤตโลกร้อนมาจากแผง
เซลล์แสงอาทิตย์และกังหันลมเพื่อแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน
นั้นทำได้จริง
นอกจากงานเสวนาปฏิวัติพลังงานแล้วกรีนพีซยังจัดฟรีคอนเสิร์ตปฏิวัติพลังงาน
โดยมีนักร้องชื่อดัง เช่นสิงโต นำโชค และศิลปินอื่นๆ อีกมากเข้าร่วม
นางสาวณัฐวิภา อิ้วสกุล
ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กรีนพีซเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า
กฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่เข้มแข็งเป็นกลไกที่จำเป็นในการขับเคลื่อนการลง
ทุนด้านพลังงานหมุนเวียนและเพื่อเป็นแรงจูงใจส่งเสริมให้ชุมชนและครัวเรือน
ผลิตพลังงานจากแหล่งทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่
นอกจากนี้ยังช่วยกู้วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อีกทั้งการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนยังเพิ่มการจ้างงานและลดมลพิษที่เป็น
อันตรายได้อีกด้วย
ในขณะที่กระทรวงพลังงานกำลังดำเนินการยกร่างกฎหมายพลังงานหมุนเวียน
ฉบับแรกของประเทศไทย
กรีนพีซได้เชิญชวนคนไทยร่วมลงชื่อเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้กฎหมายฉบับ
นี้ให้เกิดขึ้นจริงและมีความเข้มแข็ง
กรีนพีซเรียกร้องให้ออกกฎหมายพลังงานที่เข้มแข็งโดยเร็วบนหลักการขั้นพื้น
ฐาน 5 ข้อ คือ
1.รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนที่
สะอาดและยั่งยืนเป็นอันดับแรกผู้ผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนสามารถ
เข้าถึงระบบสายส่งก่อนพลังงานอื่นๆ 2.ทุกคน ทุกบ้าน
ทุกหย่อมหญ้าสามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้และขายเข้าสู่ระบบสายส่ง
ไฟฟ้าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการใช้และผลิตพลังงานหมุนเวียน
3.การบริหารจัดการระบบโครงข่ายไฟฟ้าต้องมีความโปร่งใสและราคาไฟฟ้าที่
ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนมีความเป็นธรรม
4.ต้องมีการจัดตั้งกองทุนและพัฒนาศักยภาพและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนในทุก
จังหวัด
และเพิ่มอัตราการจ้างงานจากการลงทุนและการดำเนินงานระบบพลังงานหมุนเวียนที่
สะอาดและยั่งยืน และ
5.ผู้ใช้ไฟฟ้ามีสิทธิเลือกใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด
และยั่งยืนแทนไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล
เพื่อสร้างจิตสาธารณะร่วมกันลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
“กฎหมายนี้จะเป็นกลไกสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนด้านพลังงานหมุน
เวียน
และที่สำคัญคือเป็นการกำหนดนโยบายที่เอื้อให้ชุมชนในพื้นที่ผลิตกระแสไฟฟ้า
ตามศักยภาพที่มีอยู่ในชุมชนได้อย่างเต็มที่” นางสาวณัฐวิภากล่าว
นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา
กทม.ซึ่งติดตามตรวจสอบนโยบายพลังงานของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการเสวนาว่า
การยกร่างกฎหมายพลังงานหมุนเวียนถือว่าเป็นเรื่องที่มีความก้าวหน้าและเห็น
ว่าควรมีการรื้อโครงสร้างกระทรวงพลังงานใหม่โดยแบ่งเป็นกระทรวงพลังงานด้าน
ปิโตรเลียม และกระทรวงพลังงานที่ดูแลเรื่องพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ
ไม่เช่นนั้นพลังงานปิโตรเลียมซึ่งมีขนาดใหญ่มากก็จะควบคุมทุกอย่างทำให้
พลังงานหมุนเวียนไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้
อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเพราะปัจจุบันปลัด
กระทรวงพลังงานไปนั่งเป็นบอร์ดของบริษัทพลังงานปิโตรเลียมต่างๆ ดังนั้น
หากโครงสร้างยังเป็นแบบเดิมกระทรวงพลังงานจะไม่มีทางส่งเสริมพลังงานหมุน
เวียนแน่นอนเพราะจะทำให้ธุรกิจปิโตรเลียมที่มีมูลค่าเป็นล้านๆ
บาทเสียประโยชน์
ทั้งนี้ ปัจจุบันพลังงานหมุนเวียนของประเทศไทยสามารถผลิตได้ 8,272.08
เมกะวัตต์หรือ 9.4% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมดในประเทศ
โดยกระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 25% ภายใน10
ปี ( 2555-2564)
ขณะที่กรีนพีซเชื่อว่าถ้าประเทศไทยมีกฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่เข้มแข็งตาม
หลักการพื้นฐานที่ระบุไว้
ประเทศไทยจะสามารถเพิ่มการผลิตพลังงานหมุนเวียนตามเป้าที่กระทรวงพลังงาน
ตั้งไว้ได้ในเวลาไม่ถึง10 ปี โดยผู้สนใจติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์กรีนพีซ (คลิก)