ที่มา ประชาไท
Thu, 2012-08-23 20:47
23 ส.ค.55 เว็บไซต์ Springnews TV
รายงาน นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.
ที่อยู่ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 เห็นว่า
ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เป็นผู้อำนวยการ
ควรต้องรับผิดชอบร่วมกับฝ่ายปฏิบัติการในการสั่งการสลายการชุมนุมเมื่อปี
2553 รวมถึงนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นต้องร่วมกันรับผิดชอบ
เพราะคำสั่งทุกอย่างในที่ประชุม ได้มีการกลั่นกรองและปฏิบัติตามหลักสากล
แต่เห็นว่าขณะนี้มีข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการ
ทั้งที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินอย่างชัดเจน
นายถวิลยังยอมรับว่า เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนข้อมูลก็เปลี่ยนไป
และถูกเปิดเผยผ่านสื่อมากขึ้น พร้อมไปกับถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง
ทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตร และส่วนตัวก็พร้อมรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้น
รวมถึงการถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ทั้งนี้นายถวิล ยังเห็นว่า
ขอให้กำลังใจนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในการทำหน้าที่
เพราะหากไม่มีนายธาริตงานต่างๆ ก็จะไม่มีความคืบหน้า ซึ่งเชื่อว่า นายธาริต
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เหมือนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต แต่เชื่อว่า
อาจมีความจำเป็นและภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ ทำให้บางเรื่องไม่สามารถพูดได้
ส่วนการเสียชีวิตของประชาชน 98 ศพ และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เจ้าหน้าที่รัฐ
ควรต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
อดีตผอ.ศอฉ. เปรียบกำลังเข้าสู่การเขียนประวัติศาสตร์ใหม่โดยคนชนะ
ขณะที่เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวสด
รายงานว่า หลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี
พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
และอดีตผอ.ศอฉ.ร่วมหารือร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคและฝ่ายกฎหมายของพรรค ได้เปิดเผยถึงการทำหนังสือขอเลื่อนไปอีก
15 วัน เพื่อเตรียมข้อมูล จากวันที่ 21 ส.ค.
ที่มีนัดในการที่จะไปให้เป็นพยานในการไต่สวนการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง
จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ใกล้สถานีรถไฟฟ้าราชปรารภ เมื่อ 15 พ.ค. 53
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า หมายเรียกดังกล่าวเรียกให้ตนเป็นพยานฝ่ายทนายโจทก์
แต่กลับมีความพยายามเสนอข่าวให้ดูเหมือนว่าตนเป็นจำเลย
ในคดีนี้นายอภิสิทธิ์ ได้รับหมายเช่นกัน
และได้ส่งหนังสือเลื่อนการให้ปากคำเหมือนกันด้วย
แต่ตนไม่ได้คิดว่าจะมีนัยยะอะไร คอยทำใจให้เกลี้ยง ๆ เอาไว้
ไม่ว่าจะเรียกไปให้การด้วยนัยยะอะไรก็แล้วแต่ทั้งพยานโจทก์หรือเป็นโจทก์เอง
เราก็จะพูดแต่ในสิ่งที่เรารู้ เห็นและปฏิบัติ
“เรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ จะพูดอะไรก็พูดไป
แต่ผมยืนหยัดต่อสู้บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยไม่ได้หารือกับอดีตศอฉ.
รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ด้วย เพราะรัฐบาลและ ร.ต.อ.เฉลิม
มีเป้าหมายผมและนายอภิสิทธิ์เท่านั้น จึงไม่ต้องเป็นห่วงกรรมการ ศอฉ.คนอื่น
รวมถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะเขาย้ายข้างไปแล้ว
ส่วนเรื่องนี้จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อมวลชนอย่างไรนั้น
ถือเป็นเรื่องที่ต้องแยกออกจากกัน แต่ผมเป็นห่วงประชาชน
เพราะรัฐบาลพูดข้างเดียว ร.ต.อ.เฉลิมก็พ่นอยู่ข้างเดียว
ใส่ร้ายป้ายสีทุกวัน ขอเรียกร้องประชาชนให้เปิดใจฟังเรื่องนี้
เพราะเขาพยายามใส่ร้ายทหาร เพื่อโยนความผิดให้กับผมและนายอภิสิทธิ์
ทั้งที่ผมและนายอภิสิทธิ์ ไม่เคยสั่งการให้มีการฆ่าประชาชน
ผมมั่นใจว่าจะสู้ได้ด้วยความจริง” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่ามักจะมีคำขู่ว่าจะเอานายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ เข้าคุกให้ได้
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่กลัว
ถ้าต้องติดคุกเพราะเราตั้งใจดีต่อบ้านเมืองก็ให้มันรู้ไป
แต่ก็ยอมรับว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่การเขียนประวัติศาสตร์ใหม่โดยคนชนะ
แต่ไม่มีใครลบความจริงได้ เพราะประชาชนเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งประเทศ
มีหลักฐานมากมาย แต่ขณะนี้มีความพยายามไม่พูดถึงชายชุดดำ
แต่เป็นเรื่องที่เราต้องพูด
ถ้าดีเอสไอจงใจบิดเบือนข้อมูลเพื่อเอาใจรัฐบาลและ ร.ต.อ.เฉลิม
ตนจะดำเนินคดีกับดีเอสไอ