ที่มา ประชาไท
Tue, 2012-08-21 14:06
ที่มา: เฟซบุ๊คของพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความของนายอำพล หรืออากง
เนื้อหาด้านล่างเป็นถ้อยคำที่ถอดมาจากคำบรรยายเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 65
ซึ่งสอนโดย อ.สถิตย์ ไพเราะ อดีต ผู้พิพากษา พอดีมีพี่ที่ทำงานส่งมาให้ฟัง
เลยถอดความมาเพื่อให้ได้อ่านกัน
ทำคดีนี้ได้บทเรียนหลายอย่างทั้งปัญหาในการปล่อยตัวชั่วคราว การฝากขัง
การพิสูจน์พยานหลักฐาน
การรับฟังพยานหลักฐาน ไม่ได้อยากแก้ตัวในฐานะทนายความแต่อยากให้กระบวนการ
ยุติธรรมเดินต่อไปข้างหน้าอย่างสง่างาม
งานเผาศพอากงจะจัดในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ที่วัดลาดพร้าวนะคะ ขอเชิญทุกคนไปไว้อาลัยอากงค่ะ
------------------------------------------------------
มีคนถามเรื่องคดีอากงนะครับ
รัฐธรรมนูญ มาตร39 สันนิษฐานว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์
เป็นหลักทั่วไปเมื่อเป็นผู้บริสุทธิ์คุณก็ต้องให้ประกัน
ง่ายๆไม่ได้ลึกซึ้งอะไร โดยหลักการแล้วเมื่อถูกฟ้อง
ศาลยังไม่พิพากษาว่ากระทำผิดหลักก็ต้องให้ประกันตัว
หากไม่ให้ประกันตัวก็ต้องให้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ให้
และเหตุผลก็ต้องเป็นเหตุผลที่มีเหตุผล เหตุผลที่ไม่มีเหตุผล เช่น
ผมถูกตั้งให้ปลดสำนวน เวลาปลดสำนวนต้องอ่านสำนวนทุกเรื่อง
ผมก็ไปเจอสำนวนหลายเรื่องที่แปลกๆ คดีแรกจำเลยถูกฟ้องว่าลักช้าง ศาลสั่งว่า
“ลักทรัพย์ใหญ่ใจอาจหาญไม่อนุญาต”
เหตุผลนี้ไม่ใช่เหตุผลตามกฎหมายวิธีพิจารณาความกฎหมายไม่ได้เขียนอย่างนั้น
อีกสำนวนจำเลยถูกกล่าวหาว่าลักเข็มด้าย ลักของเล็กๆน้อยๆในบ้าน ศาลสั่งว่า
“ลักเล็กขโมยน้อยไม่อนุญาต” กฎหมายไม่ได้เขียนว่าลักเล็กขโมยน้อยไม่อนุญาต
ไม่มีหลักอะไร
ในคดีอากง ศาลสั่งในเรื่องประกันตัวว่า
“ข้อเท็จจริงตามข้อหาการกระความผิดตามฟ้องกระทบต่อความรู้สึกประชาชนและความ
มั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง”
เขียนอย่างนี้ตั้งแต่ในชั้นยังไม่ได้สืบพยานเลย
แสดงว่าศาลเชื่อแล้วว่าที่ฟ้องมาเป็นความจริง การเป็นผู้พิพากษาอ่านฟ้อง
เชื่อแล้วเป็นผู้พิพากษาได้อย่างไร ต้องฟังพยานก่อนจึงจะเขียนได้
“ข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหากระทบความรู้สึกประชาชน”
เขาพึ่งบรรยายฟ้องมายังไม่สืบพยานเลยบอกว่ากระทบแล้วได้อย่างไร
ต้องสืบพยานเสียก่อน ตัดสินโดยยังไม่ได้ฟังพยาน
ไม่ใช่วิสัยผู้พิพากษาพึงกระทำเด็ดขาด
คำฟ้องจะด่าว่าเลวร้ายอย่างไรก็เป็นคำฟ้องเท่านั้น
ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าถูกผิดอย่างไร
และเดาต่อไปว่า “หากผลการพิจารณาสืบพยานหลักฐานมั่นคงจำเลยอาจหลบหนี”
ศาลเริ่มเดาว่าถ้ามั่นคงจำเลยอาจหลบหนี แล้วถ้าเดาผิดใครรับผิดชอบ
เอาคุณไปขังแทนไหม ไม่ได้ หลักอย่างนี้ไปเดาเอา
รู้อย่างไรจะมั่นคงไม่มั่นคงก็เดาเอา เป็นการเดาที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยเขา
ไม่ใช่ลักษณะของศาลซึ่งเป็นคนกลางจะสั่งอย่างนี้ คำสั่งผิดรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายวิธีพิจารณาความ ถ้าถามผมนะครับ
และก็เดานี้ผิดด้วย เพราะอะไร คำพิพากษาในคดีเองนี้เขียนว่า
“แม้โจทก์ยังไม่สามารถนำสืบพยานอย่างชัดแจ้งว่า
จำเลยเป็นผู้ส่งข้อความตามฟ้อง”
แสดงว่าศาลยอมรับว่าโจทก์เองไม่สามารถสืบพยานให้ชัดแจ้งได้
เขียนอย่างนี้แสดงว่าที่สั่งในชั้นประกันตัวผิด
แต่ปรากฏว่าศาลเองก็ทำผิดครั้งที่สองคือ ไปลงโทษจำเลย
ถ้าพยานไม่ชัดแจ้งคุณไปลงโทษจำเลยได้อย่างไร ขัดกฎหมายวิธีพิจารณา มาตรา
227 เขียนไว้ชัดเจนว่า ให้ชั่งน้ำหนักพยาน
อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและจำเลยเป็นผู้
กระทำ คำว่าแน่ใจก็คือชัดแจ้ง
เมื่อคุณบอกว่าไม่ชัดแจ้งคุณไปลงโทษได้อย่างไร
ยิ่งตอนท้ายยิ่งเขียนผิดใหญ่เลย
“แต่เป็นการยากที่โจทก์จะสืบด้วยประจักษ์พยาน”
มีกฎหมายใดที่บอกว่าเป็นการยากแล้วจะมั่วลงโทษจำเลยได้ หลักมีอันเดียวคือ
พยานโจทก์ต้องแน่ใจว่าจำเลยกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็น
ประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อม ไม่ใช่ว่าพยานแวดล้อมแล้วมั่วลงโทษได้นะครับ
และคำพิพากษานี้ก็จะอยู่ไปจนตายเพราะคำพิพากษานี้ไม่ได้แก้
เนื่องจากอากงตายไปแล้ว
จะถูกวิจารณ์ชั่วกาลปาวสานเพราะศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่ได้แก้
อย่างนี้ผมเข้าใจว่าถ้าขึ้นศาลสูง ศาลสูงไม่ปล่อยไว้หรอกเพราะมันผิดกฎหมาย
ขัดมาตรา 227 อย่างชนิดที่ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกเลย
เป็นนักกฎหมายหลักต้องมีไม่ใช่เขียนส่งเดช หากเป็นผู้พิพากษาอย่าไปทำ
ไม่ใช่เรามีอำนาจทำไปเรื่อย คนที่อ่านกฎหมายไม่ใช่มีแค่เรา ท่าน อ.นิธิ
เอียวศรีวงศ์ ท่านเขียนว่าศาลทำตามอำเภอใจก็ถูกของท่าน
อ.สถิตย์ ไพเราะ คำบรรยายวิชากฎหมายอาญา เนติบัณฑิตยสภาสมัยที่ 65 วันที่ 8 มิถุนายน 2555