ที่มา ไทยรัฐ
นายปณิธาน วัฒนายากร
รัฐบาล ซัด ยูเนสโก ชนวนขัดแย้ง “ไทย-กัมพูชา” พร้อมเดินหน้ายั้ง “มรดกโลก” ไม่หวั่น “ฮุนเซน” กร้าว แค่การเมืองภายใน...
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ขู่จะยิงคนไทยที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ว่า เป็นเรื่องการเมืองภายในของกัมพูชา ซึ่งทางการไทยจะไม่ก้าวล่วง แต่ท่าทีเช่นนี้เป็นเรื่องปกติของประเทศเล็กกว่าที่มีปัญหากับประเทศใหญ่กว่า ก็จะใช้พื้นที่สื่อ ให้เกิดประโยชน์เช่นเดียวกับ ฮูโก ชาเวส ประธานาธิบดีเวเนซูเอล่า หรือมูอัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้นำลิเบีย ที่ใช้สื่อของตัวเอง นำเสนอการเคลื่อนไหว ในที่ประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติ หรือ บิล ลาเดน ที่ใช้สื่อเพื่อตอบโต้กับประเทศมหาอำนาจ
ดังนั้นกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพน้อยกว่าไทยจึงใช้สื่อเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง นอกจากนี้ประเทศที่เล็กกว่า ก็มักจะใช้โอกาสที่มีการประชุมนานาชาติบ่อยครั้ง สร้างวาระขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่สนใจ ไม่ต่างกับที่อิหร่าน ทดลองยิงขีปนาวุธ ระหว่างการประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติ นายปณิธาน กล่าวว่า ส่วนยุทธศาสตร์ของไทยซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่ และมีศักยภาพมากกว่าก็ต้องยืนยัน ที่จะใช้หลักสันติวิธี และนำปัญหาข้อถกเถียงเข้าสู่การเจรจาคณะกรรมการชายแดน รวมถึงการเจรจาระดับผู้นำประเทศ โดยยึดหลักว่าหากใช้ความรุนแรงก็ไม่มีใครชนะสุดท้ายจะแพ้กันทั้งคู่
ในการประชุมยูเอ็นที่ผ่านมา นายบัน คี มูน เลขายูเอ็น ก็ได้สอบถามถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีก็ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง และชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งทั้งหลายเกิดขึ้นก่อนที่ยูเนสโกจะขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ดังนั้นไทยจะดำเนินการทุกทางเพื่อชะลอไม่ให้มรดกโลกมีผลเดินหน้า เพราะถ้าปล่อยให้มรดกโลกเดินหน้าจะเกิดปัญหาตามมามากมาย “การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือรัฐบาลจะชะลอมรดกโลก
โดยเราคุยกับบัน คี มูน พร้อมทั้งส่งผู้แทนไปสังเกตการณ์การคัดเลือกสมาชิกยูเนสโก เพื่อชี้ให้เห็นว่าการขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้ ผิดวัตถุประสงค์ เพราะมรดกโลกควรจะให้อนุชนรุ่นหลังได้ชื่นชม แต่ปัจจุบันไม่มีใครได้ชื่นชม ถ้าเข้าไปถูกยิง ถ้าคุยกับยูเนสโกไม่รู้เรื่อง ก็แยกคุยกับประเทศต่างๆ ขณะที่อีกด้านคือจะต้องบอกให้กัมพูชารู้ว่าถ้าไทยไม่ร่วมพัฒนาผลประโยชน์ ด้านพลังงานในทะเลกัมพูชา ก็จะทำเองได้ยาก”
นายปณิธาน กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลก็พยายามทำความเข้าใจกับคนไทยบางกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวภาย ใต้ความรู้สึกรักชาติ แต่อาจจะมองแบบขาวและดำ เอาชนะ หรือแพ้ กันในเรื่องดินแดน ซึ่งมันไม่ได้แล้ว หลังจากนี้ต้องร่วมมือหาผลประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ต้องพึ่งกันและกัน ดังนั้นอย่าไปทำอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงสถานภาพของดินแดน เพราะจะทำให้การบริหารยาก “ในยุโรป ได้พิสูจน์แล้วว่า การสู้รบเพื่อแย่งดินแดนกันไม่มีประโยชน์ใดๆ มีแต่การสูญเสีย ล้มตาย โดยเฉพาะเยอรมัน กับฝรั่งเศส ตายกันเป็นหมื่นๆในช่วงสงครามโลก
ปรากฎว่าวันนี้ทั้งสองชาติต่างเข้าไปทำธุรกิจในดินแดนนั้นร่วมกัน เข้าไปได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าด้วย สมัยก่อนดินแดนนั้นใครเข้าไปไม่ได้ มีแต่รถถัง ประชาชนตึงเครียดแต่ทุกวันนี้ทุกฝ่ายมีความสุขกันหมด