WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, September 30, 2009

ฉีกหน้า อาเซียน

ที่มา บางกอกทูเดย์

เพราะวันนี้ สมเด็จฯฮุน เซน แสดงแล้วว่า ไม่สนใจเวทีประชุมสุดยอดอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แม้ว่าไทยจะเป็นคนสนับสนุนให้กัมพูชาได้เข้ามาเป็นประเทศสมาชิกก็ตามนี่คือการตบหน้ากันตรงๆ อุตส่าห์ปีนป่ายขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี มาเป็นรัฐบาลได้สมดังที่ปรารถนา แต่ระยะเวลาเพียง 8-9 เดือน กลับเจอแต่ปัญหาสารพันรุมเร้าไปหมดวันนี้แม้สีหน้าของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะยังเก็บอาการไว้ได้ เพราะถือเป็นหนึ่งในบรรดาแถวหน้านักการเมืองของไทยที่ไม่ธรรมดา ชาติตระกูลดี การศึกษาดี มีดีกรีระดับออกซ์ฟอร์ดมาเป็นแบคกราวด์ให้ จนทำให้ในภาพรวมนายอภิสิทธิ์ เป็นคนที่มีภาพลักษณ์ภายนอกดูดีการเก็บอาการไว้ภายใต้สีหน้า จึงยังสามารถทำได้ดี ยังสามารถยิ้มได้แม้วันนี้จะรู้แล้วว่า เก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ไขว่คว้าทุกวิถีทางจนได้มานั้น ถือเป็น “ทุกข์ลาภ” ขนานแท้ยิ่งปัญหาหนักที่สุดในเวลานี้ ทั้งท้าทายความสามารถในการบริหารประเทศ ท้าทายภาพลักษณ์ ท้าทายการยอมรับจากบรรดาประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก ก็คือ กรณีความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา อันมีปมปัญหามาจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร บริเวณปราสาทเขาพระวิหารวันนี้ สมเด็จฯฮุน เซน ผู้นำประเทศกัมพูชา แสดงออกอย่างชัดเจน ถึงการไม่ให้ความสำคัญกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งรับตำแหน่งเป็นประธานกลุ่มประเทศอาเซียนอยู่ในเวลานี้ด้วย

การขีดเส้นตายสารพัดนั้น อาจจะสามารถมองได้ว่าเป็นการพยายามแสดงท่าทีของกำลังทางทหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่บรรดาผู้นำทหารผู้นำเหล่าทัพต่างๆ ของไทยจะต้องรับผิดชอบในการรับมือตอบโต้แต่การที่ประกาศชัดเจนว่า จะไม่พูดกับนายอภิสิทธิ์ที่สำคัญพร้อมที่จะฉีกแผนที่ซึ่งนายอภิสิทธิ์ใช้ ต่อหน้าต่อตาโดยไม่ยี่หระนั้นเป็นการประกาศชัดทางการทูตระหว่างประเทศแล้วว่า หมดความเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้นแล้วซ้ำยังประกาศชัดเจนว่า อาจจะไม่มาประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ หากรัฐบาลไทยยังพูดไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับปัญหาพื้นที่เขาพระวิหารนี่คือ การดิสเครดิตภาพลักษณ์ของนายอภิสิทธิ์โดยตรงเพราะต้องไม่ลืมว่า ประเทศกัมพูชานั้นเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียนหลังสุด โดยการสนับสนุนผลักดันของประเทศไทยนี่เองแล้วการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ ถือเป็นแมทช์แก้ตัว เป็นแมทช์เรียกภาพลักษณ์กลับคืน หลังจากที่การประชุมล่มจนบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ต้องรีบเดินทางหนีออกจากพื้นที่การประชุมที่จังหวัดชลบุรีมาแล้วครั้งนั้นประเทศไทย และนายอภิสิทธิ์ เสียหน้าเสียเครดิตเป็นอย่างมากเพราะประเมินไว้ว่าจะไม่มีปัญหา รัฐบาลคุมกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงอยู่มือแน่ แต่กลับคุมกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินของนายเนวิน ชิดชอบ ผู้ที่ยังคงมีบารมีการเมืองสูงมาก แม้จะถูกตัดสินให้เว้นวรรคการเมือง 5 ปี ก็ตามเกมให้คนมาก่อกวนและปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง จนเหตุการณ์บานปลาย ทำให้การประชุมสุดยอดอาเซียนล่ม ก็ยังเกิดขึ้นได้และวันนี้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่นายอภิสิทธิ์เข้าไปล้วงลูกควบคุม ยังไม่ได้มีการอะไรเพื่อเอาผิดกับกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินเลยแม้แต่น้อยซึ่งจะต้องรวมไปถึงนายเนวิน ที่มีหลักฐานภาพถ่ายชัดเจนในการนั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปดูแลถึงที่เกิดเหตุ และยืนชี้ไม้ชี้มืออย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง จนทำให้การประชุมระดับประเทศที่ไทยเป็นเจ้าภาพต้องพังลงอย่างไม่เป็นท่า

วันนี้พอรัฐบาลจะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนใหม่ เพื่อเรียกหน้าตาของการเป็นเจ้าภาพกลับคืนมาให้ได้ กลับมาเจอปัญหากับประเทศกัมพูชาเข้าให้อีก
เพราะวันนี้ สมเด็จฯฮุน เซน แสดงแล้วว่า ไม่สนใจเวทีประชุมสุดยอดอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แม้ว่าไทยจะเป็นคนสนับสนุนให้กัมพูชาได้เข้ามาเป็นประเทศสมาชิกก็ตามนี่คือการตบหน้ากันตรงๆอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าจุดระเบิดคำพูดแข็งกร้าวของสมเด็จฯฮุน เซน และการแสดงออกว่า ไม่ให้ความสำคัญกับนายอภิสิทธิ์ อีกต่อไปแล้วก็เป็นเพราะความผิดพลาดของรัฐบาลไทยเอง 2 ประการด้วยกันทั้งการแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และการปล่อยให้ม็อบพันธมิตร ที่นำโดยนายวีระ สมความคิด ขึ้นไปอ่านแถลงการณ์ที่ผามออีแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ละเอียดอ่อน และอ่อนไหวระหว่างประเทศเพียงเพราะหนี้บุญคุณเท่านั้นหรือ ที่นายอภิสิทธิ์ คิดได้ เรื่องบานปลายมาจนถึงวันนี้ แทนที่จะหาทางแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศกลับยังใช้กลไกเดิมๆ ในการโยนบาป โดยให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นชุดที่แต่งตั้งขึ้นมาโดย คมช. และไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ออกมาชี้มูลความผิด นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กรณีแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย-กัมพูชา สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190

จนทำให้สังคมงงไปหมดว่า ตกลงหน้าที่ของ ป.ป.ช. คืออะไรกันแน่???เพราะออกมาในจังหวะนี้พอดี ซึ่ง นายกล้านรงค์ จันทิก ก็ยังต้องพูดออกตัวเลยว่า ไม่กังวลว่ามติของ ป.ป.ช.ครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เพราะถือว่าทำตามกฎหมายย่อมสามารถแปลได้ว่า ป.ป.ช.เองก็รู้ว่า ในจังหวะนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวและสุ่มเสี่ยงแต่ก็ยังเล่นเกมรับลูกสอดคล้องทางการเมืองให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นายกล้านรงค์ ยังอ่านคำแถลงด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง ในการได้เสียดสีนายสมัคร ทั้งๆที่วันนี้นายสมัครพ้นจากเวทีการเมืองไปแล้วก็ตาม รวมทั้งอยู่ในระหว่างพักรักษาตัวด้วยจิตใจและท่าทีที่แสดงออกนั้น ต้องยอมรับว่าสะท้อนภาพให้สังคมได้เห็นอย่างชัดเจนความทุ่มเททำงานเช่นนี้ น่าจะให้ ป.ป.ช. ย้อนกลับไปลองสอบ พฤติกรรมในอดีตเกี่ยวกับการมีสัมพันธ์พิเศษกับเมียลูกน้องของผู้มีตำแหน่งหน้าที่ราชการในสังคมของใครบางคนเหลือเกิน ที่แทบทุกเช้าเป็นต้องร้อง “ขอกินนมสักจอก”อยู่เรื่อยๆ ... คงจะเป็นคดีที่สนุกพิลึกแต่ก็คงได้รับคำตอบว่า ไม่ใช่คดีทุจริต จึงไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช. แม้ว่าจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ควรจะรู้ไว้บ้างก็ตามแต่เมื่อตอนนี้ทั้ง ป.ป.ช. และรัฐบาล รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ ไม่ว่างเพราะมามะรุมมะตุ้มเรื่องพื้นที่เขาพระวิหาร ด้วยเกมการเมืองในประเทศ ก็คงต้องดูว่าสุดท้ายจะแก้เกมได้อย่างไร เพื่อไม่ให้ไทยต้องเสียเครดิตไปมากกว่านี้เพราะแม้แต่สมเด็จฯฮุน เซน ยังพูดชัดว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากเรื่องการเมืองภายในของไทยนั่นเองงามหน้ามั้ยล่ะ

การระบุว่าอาจจะไม่มาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนในไทยของสมเด็จฯฮุน เซน กำลังทำให้เครดิตของไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพ และบทบาทประธานกลุ่มประเทศอาเซียน สั่นคลอนอย่างรุนแรงความผิดพลาดของรัฐบาลไทย 2 ประการ

1. คือ การที่นายอภิสิทธิ์ ตกเป็นหนี้บุญคุณของกลุ่มพันธมิตรฯ ในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแบบเร่งรัดตัดทาง จึงจำเป็นต้องตอบแทนบุญคุณด้วยการตั้ง นายกษิต ภิรมย์ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แล้วว่า นายกษิต เคยกล่าววาจาพาดพิงถึงสมเด็จฮุน เซน เอาไว้เช่นไรดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาขึ้นมา ตามหน้าที่แล้วกระทรวงต่างประเทศจะต้องมีบทบาทสูงในการเจรจาในการประนีประนอม และในการเดินเกมสันถวไมตรีแต่กระทรวงต่างประเทศทำไม่ได้ เพราะนายกษิตเข้าหน้าสมเด็จฯฮุน เซน ไม่ติด เนื่องมาจากคำพูดที่ไม่มีวุฒิภาวะในอดีตนั้นเองเหมือนๆ กับคำพูด “อาหารอร่อย สนุกดี ดนตรีเพราะ” ที่พูดออกมาแบบไร้วุฒิภาวะ เพราะเป็นเรื่องความเสียหายของประเทศชาติ ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศป่นปี้หมด แต่กลับพูดออกมาหน้าตาเฉยจึงทำให้กลายเป็น “วลีบาป” ที่คงจะต้องถูกล้อเลียนไปตลอดชีวิตแน่ความผิดพลาดของนายอภิสิทธิ์ ในการตั้งนายกษิต จึงถือว่าเป็นความผิดพลาดมหันต์สำหรับปัญหาไทย-กัมพูชาในขณะนี้

2. คือ การตัดสินใจแก้ปัญหาม็อบพันธมิตรฯที่นำโดยนายวีระ สมความคิด ที่ยกพลไปสร้างภาพความรุนแรง ความแตกแยก ที่บริเวณพื้นที่เขาพระวิหาร จนกลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลกชนิดที่แม้แต่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ยังต้องกระโดดหนี อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย เป็นการดำเนินการไปเองของนายวีระสุดท้ายรัฐบาล และผู้นำทางทหาร จะเป็นเพราะติดค้างหนี้บุญคุณกลุ่มพันธมิตรฯหรืออะไรก็ตาม แต่กลับแก้ปัญหาซึ่งเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเหลือเชื่อ!!!ว่ารัฐบาลจะกระทำการเช่นนี้ จะเอาใจกลุ่มม็อบมีเส้นขนาดนี้คือให้กลุ่มม็อบของนายวีระ ขึ้นไปประกาศเยิ้วๆ บนพื้นที่พิพาททั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวในความรู้สึกของกัมพูชานั้นยังคิดว่าเป็นพื้นที่ของตนเองอยู่และไทยก็ยังเคลียร์ปัญหาในเรื่องนี้ไม่จบการให้กลุ่มม็อบของนายวีระขึ้นไปอ่านแถลงการณ์ จึงทำให้ทางกัมพูชาไม่พอใจอย่างมาก ดังนั้นหลังจากนั้น ทางสมเด็จฯฮุน เซน จึงได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นมาในฉับพลัน