ที่มา ไทยรัฐ
เชนคัมแบ็ก
ถือฤกษ์พระเสาร์ย้าย "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี นำขบวนอดีตลูกทีมพรรคความหวังใหม่ ชักแถวกรอกใบสมัคร พิมพ์ลายนิ้วมือเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
หวนคืนเวทีการเมืองอย่างเป็นทางการ
มาพร้อมกับ "โรดแมป" หนทางสู่สมานฉันท์
1. จะต้องให้เกียรติคู่ต่อสู้ คู่ขัดแย้ง หากไม่ให้เกียรติเขา มีแต่ไปต่อว่าเขา ก็ไม่ต้องไปทำอะไรกัน อดีตที่มีคนเข้าไปอยู่ในป่าก็จบลงด้วยที่ไม่มีผลแพ้ ชนะ จนทำให้มีความสุขจนถึงทุกวันนี้
2. ต้องอโหสิกรรมกัน ลืมเรื่องเก่า วันนี้แค่ใช้ไม้หน้าสามตีหัวกัน เมื่อก่อนใช้ปืนยิงกันตายยังหันหน้าเข้าหากันได้
3. เปิดเจรจาในลักษณะที่เข้าใจกัน เพราะลักษณะคนไทยไม่ใช่ใช้ความรุนแรง ชอบสันติ นั่งเจรจากัน ถ้าใช้แนวทางนี้ประสบผลสำเร็จอยู่แล้ว
ว่ากันตามเหตุผลที่แถลงออกอากาศ
แต่โดยยุทธศาสตร์เบื้องหลังที่พออ่านเกมกันได้
เบื้องต้นเลย นี่คือการเติมเต็มแผนการลงสนามเลือกตั้งอย่างลงตัว โดยชื่อของ "พ่อใหญ่จิ๋ว" ที่ยังขายได้ ผนึกกระแสกับสินค้าติดตลาดยี่ห้อ "ทักษิณ"
พรรคเพื่อไทยกะตีกินภาคอีสานฐานใหญ่
และตามหมาก "สร้างภูมิคุ้มกัน" ในเกมอำนาจระหว่างขั้วที่เผชิญหน้า โดยยี่ห้อ "บิ๊กจิ๋ว" ที่ยังเหลือบารมีอยู่ในกองทัพ โดยเฉพาะเครือข่าย "ทหารเฒ่าไม่มีวันตาย" ที่เขี้ยวเล็บยังเหลือคม พอเป็นหลักประกันความปลอดภัย
เป็นไม้กันหมาให้ลูกข่าย "นายใหญ่" ได้
ไม่ให้โดนรุมกินโต๊ะ
แต่ทั้งหมดทั้งปวง โดยเหตุที่ว่ากันว่า ช่วยให้ "บิ๊กจิ๋ว" ตัดสินใจง่าย มาจากผลของคดีสลายม็อบพันธมิตรฯ "7 ตุลา" ที่โดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลากใส่บัญชีเชือด
"บิ๊กจิ๋ว" เลือดขึ้นหน้า ต้องกลับมาทวงศักดิ์ศรี
และก็เป็นอะไรที่ขยับกันเป็นแพ็กเกจ รับมุกกับคิว "เชนคัมแบ็ก" ของ "บิ๊กจิ๋ว" เปิดตัวเป็นหัวหอกนำขบวนพรรคเพื่อไทย
สวมหัวลูกข่าย "นายใหญ่"
ไล่เลี่ยๆกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)-แดงทั้งแผ่นดิน ก็แถลงมตินัดเคลื่อนไหวในช่วงเดือนตุลาคม
กำหนดมหกรรม "แดงทั้งเดือน"
เดินยุทธการทวงคืนรัฐธรรมนูญปี 2540 และทวงถามรัฐบาลเรื่องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เปิดเกมขนาบไปพร้อมๆกัน
"นายใหญ่" จัดกระบวนรบ พร้อมสำหรับเกมทวงคืนอำนาจ
แต่หันไปที่คู่ต่อกรสำคัญอย่างพรรคประชาธิปัตย์ กำลังติดหล่มอำนาจ โลกหมุนวนอยู่กับเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ถอยหลังก็ไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถึง
ดึงแต้ม "ภาวะผู้นำ" ให้ยิ่งดำดิ่ง
ที่แน่ๆโดยการสังเวย แลกกับการดันชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตัน-ประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เข็นให้นั่งเก้าอี้รักษาการ ผบ.ตร.
โดยอาการ "ทนเด็กดื้อไม่ได้" นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไขก๊อกพ้นเก้าอี้ รับผิดชอบสัญญาณพิเศษ
ถอนสมอแบบไม่ไยดีกับคำทัดทานให้อยู่ต่อ
และโดยปรากฏการณ์ที่รับกับกระแสข่าววงใน พรรคประชาธิปัตย์แตกออกเป็น 3 ก๊ก
ก๊วน "วอลเปเปอร์" แท็กทีมกับกลุ่มของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน จอมยุทธ์ลายคราม เปิดศึกคานอำนาจกับสายของ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล
ต่อเนื่องไปถึงข่าวการปรับ ครม.เพื่อคลี่คลายสถานการณ์เดือดๆ เจาะรูระบาย
แต่สุดท้ายไม่ได้จบแค่นั้น กระแสยังลากไปไกล เสียงแว่วๆถึงขั้นที่ว่า ถ้าวุ่นวายนัก
ก็เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีซะเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน