WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 22, 2009

เลิกแย่งเศษกระดูกกันได้แล้ว

ที่มา มติชน

โดย ประสงค์ วิสุทธิ์


ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ทั้งเศร้า หดหู่ อเนจอนาถ สังเวชใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลายเรื่องโดยเฉพาะการแย่งชิงเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)


ไม่น่าเชื่อว่า แค่ข้าราชการประจำตำแหน่งเดียว ทำให้รัฐบาลปั่นป่วน เกิดความแตกแยกขัดแย้ง จนนายกรัฐมนตรีในฐานะประมุขฝ่ายบริหารต้องสูญเสียภาวะผู้นำ รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการประจำไม่ให้ความเคารพเกรงใจ จัดประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.)ครั้งแล้วครั่งเล่า ก็ยังไม่สามารถแต่งตั้ง ผบ.ตร.ได้


ในอดีตโดยเฉพาะยุครัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม อธิบดีกรมตำรวจเป็นตำแหน่งที่สำคัญ มีอิทธิพลและเรืองอำนาจ มีกองทัพอันเกรียงไกรสามารถค้ำยันเสถียรภาพของรัฐบาลได้

ในยุคหลังแม้อำนาจจะลดน้อยถอยลง แต่ยังมีอิทธิพลและเต็มไปด้วยผลประโยชน์เพราะรวมศูนย์อำนาจการควบคุมตำรวจทั่วประเทศ 300,000 คนไว้ในมือ ผบ.ตร.


นักการเมืองจึงพยายามเข้าควบคุมตำแหน่งดังกล่าวเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและแสวงหาผลประโยชน์

การแย่งชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.จึงดุเดือดไม่แพ้สุนัขแย่งเศษกระดูกซึ่งสุนัขที่แย่งเศษกระดูกคิดแต่จะครอบครองเศษกระดูกเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น โดยมิได้คิดถึงเรื่องอื่นๆ


จึงมีคำถามว่า หลังจากแย่งชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.สำเร็จแล้ว ประชาชนจะได้อะไร มีใครคิดจะทำประโยชน์แก่ส่วนรวม หรือพัฒนาวงการสีกากีให้ดีขึ้น รวมถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น(ขั้นกลาง และขั้นสุดท้ายก็กำลังวิกฤต)ที่กำลังเสื่อมทรามอย่างหนัก


มีข่าวที่เล่าลือกันทั้งในที่ลับและในสื่อมวลชนถึงกระบวนการแย่งชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.จำนวนมาก แต่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า ข่าวดังกล่าวจริงหรือไม่ ที่สำคัญ ได้แก่

หนึ่ง มีการแอบอ้าง"สัญญาณพิเศษ"ผลักดันให้ รอง ผบ.ตร.คนหนึ่งขึ้นเป็น ผบ.ตร.


ทั้งนักการเมือง ข้าราชการและ รอง ผบ.ตร.คนที่แอบอ้าง "สัญญาณพิเศษ"ดังกล่าว ช่างไร้ศักดิ์ศรีและไร้ยางอายอย่างมากเพราะแทนที่จะถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความรู้ความสามารถของบุคคลที่ควรดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.มากกว่าการอ้าง"สัญญาณพิเศษ"ที่จับต้องไม่ได้ และไม่ต้องรับผิดชอบใดๆทั้งทางการเมืองและทางกฎหมาย


ลองนึกดู ถ้าปล่อยให้มีการแอบอ้างและทำตาม"สัญญาณพิเศษ"ในลักษณะเช่นนี้ในการบริหารราชการแผ่นดิน เท่ากับบ้านเมืองไร้ขื่อ ไร้แปซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตและการล่มสลายของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข


สอง มีการอ้างว่า เลขาธิการนายกรัฐมนตรีซึ่งเชื่อ "สัญญาณพิเศษ"เที่ยวไปล็อบบี้ กรรมการ ก.ต.ช.หลายคนให้เลือกรอง ผบ.ตร.สวนทางกับนายกรัฐมนตรี


เลขาธิการนายกฯนั้นเป็นนักการเมืองที่คร่ำหวาดอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน ย่อมรู้จักความควรไม่ควรว่า ตนอยู่ในฐานะตำแหน่งใด

จึงเป็นไปไม่ได้ที่ เลขาธิการนายกฯจะหน้าด้าน ไร้มารยาท จนไปเที่ยวกระทำการที่เป็นปฎิปักษ์กับ"ผู้บังคับบัญชา"ของตนเอง ทั้งๆที่ดำรงตำแหน่งอยู่


ถ้าคิดที่จะกระทำการเช่นนั้นก็ควรลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯเสียก่อน หรือทางที่ดีควรลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วย


สาม มีการอ้างว่า นายกรัฐมนตรีผลักดันนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.ขึ้นเป็น ผบ.ตร.เพราะทำตามใบสั่งของแกนนำบางคนของกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม


จริงอยู่ แม้นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบหรือรับผลการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ทั้งในทางการเมืองและตามกฎหมาย แต่มิได้หมายความว่า นายกฯสามารถทำตามใบสั่งที่ไร้เหตุผลและความชอบธรรม เพราะ นอกจากจะสะท้อนให้เห็นว่า นายกฯไร้วุฒิภาวะแล้ว ยังสูญสิ้นศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำอีกด้วย


เป็นได้อย่างมากเพียง"หุ่นเชิด"ของกลุ่มการเมืองดังกล่าวเท่านั้น


สิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรทำคือ ละเลิกมิจฉาทิฐิ หยุดหมกหมุ่นอยู่กับการเอาชนะคะคาน แต่ต้องกระประกาศนโยบายในการปฏิรูประบบตำรวจให้มีประสิทธิภาพและสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง(มีกรอบหรือโจทย์ชัดเจน) แล้วให้นายตำรวจที่มีคุณสมบัติสามารถขึ้นเป็น ผบ.ตร.มาเสนอแนวทางแผนงาน แผนปฏิบัติการในการปฏิรูปตำรวจต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อใช้ในการคัดเลือก ผบ.ตร.โดยนายกรัฐมนตรีต้องตั้งคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนและได้รับความเชื่อถือจากสังคมขึ้นมาพิจารณาแผนการการปฏิรูประบบตำรวจ


ในการเสนอแผนการปฏิรูประบบตำรวจนั้นต้องทำกันอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะและถือเป็นสัญญาที่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น ผบ.ตร.ต้องทำให้สำเร็จตามแผน มิเช่นนั้นต้องถูกประเมินให้พ้นจากตำแหน่ง


นายกรัฐมนตรีอาจให้เวลาให้ผู้ที่ต้องการเสนอตัวเป็น ผบ.ตร.สัก 1-2 เดือนไปจัดการทำแผน โดยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่งตั้งให้เสร็จสิ้นในเดือนกันยายน 2552


การคัดเลือก ผบ.ตร.ด้วยวิธีการดังกล่าว เป็นการมองข้าม"ตัวบุคคล"หรือทำตาม"ใบสั่ง" ของใคร แต่เป็นการคัดเลือกคนโดยยึดเป้าหมายหรือความสำเร็จของงานเป็นหลัก


ถ้าทุกฝ่ายยังไม่เลิกแย่งเศษกระดูกกัน แล้วหันมาจับมือกันปฏิรูประบบตำรวจแล้ว ต่อให้ได้ใครมาเป็น ผบ.ตร. วงการสีกากีก็ยังคงต้องถูกสาปอยู่ตลอดไป