WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, September 23, 2009

คลอดแล้ว! เกณฑ์โครงการที่มีผลกระทบต่อชุมชนรุนแรง ต้องทำตาม ม.67

ที่มา ประชาไท

มาตรา 67 ตามรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดกำลังเป็นประเด็นร้อนฉ่าเพราะมีพาดหัวข่าวออกมาเป็นระลอกว่า นักลงทุนก็เริ่มงง การลงทุนหยุดชะงักนับแสนล้าน หลังจากมีประชาชนใช้สิทธิในวรรคสามฟ้องร้องให้รัฐและนายทุนทำตามมาตรานี้โดยด่วน หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งสะสาง หาความชัดเจนในกฎเกณฑ์ต่างๆ
มาตรานี้กำหนดให้ “โครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ” ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นอกจากจะต้องผ่านการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามปกติแล้ว ยังเพิ่มเติมให้ต้องผ่านการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่สำคัญ ต้องมีการส่งรายงานทั้งหลายนี้ให้ “องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ” ซึ่งยังไม่ได้จัดตั้ง! ให้ความเห็นประกอบอีกชั้นหนึ่ง
ระหว่างชุลมุนกันอยู่นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้ออกประกาศของกระทรวงอย่างเงียบๆ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2552 อ้างอิงมติ ครม. เมื่อ 25 สิงหาคมที่ระบุให้กระทรวงอุตฯ ดำเนินการออกประกาศ เพื่อกำหนดว่าโครงการแบบไหนที่เข้าข่ายมาตรา 67
ประกาศของกระทรวงอุตฯ นี้ มีความแตกต่างกับร่างดั้งเดิมของกระทรวงทรัพฯ อย่างมาก และดูเหมือนภาคประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่คัดค้านโครงการขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ จะชัดเจนแล้วว่าให้การสนับสนุนกับร่างกระทรวงทรัพฯ และปฏิเสธประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม(รายละเอียดที่ http://www.prachatai.com/journal/2009/09/25773)
ร่างของกระทรวงทรัพฯ ได้มาจากงานศึกษาของ “คณะกรรมการพิจารณากำหนดประเภทและขนาดโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ” ซึ่งกระทรวงทรัพฯ แต่งตั้งขึ้น โดยมีสัดส่วนของนักวิชาการที่ภาคประชาชนให้การยอมรับอย่างอาจารย์สัญชัย สูติพันธ์วิหาร จากคณะสิ่งแวดล้อมฯ มหิดล เข้าไปนั่งอยู่บ้าง ดำเนินการยกร่างแล้วเสร็จตั้งแต่ปีที่แล้ว และขณะนี้ยังค้างเติ่งอยู่ที่กระทรวง ไม่ไปไหน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานอนุญาตที่สำคัญจึงเป็นผู้ออกประกาศอย่างเป็นทางการเป็นหน่วยงานแรก
และนี่คือจุดสตาร์ทของมาตรา 67 ที่ทั้งภาคประชาชนตัวจ้อยและภาคอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ต่างจดจ้องกันตาเขม็ง เพราะมันคือเกณฑ์ขั้นพื้นฐานว่าโครงการแบบไหนกันที่ต้องได้รับการดูแล ตรวจสอบเป็นพิเศษกว่าที่เคยเป็นมา และยังไม่แน่ว่าประกาศนี้จะเป็นที่ยอมรับของ "ชุมชน" แค่ไหน เพราะดูไปดูมา โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่ชาวบ้านกำลังค้านกันอย่างหนักกำลังหลุดรอดไปจากเงื่อนไขของมาตรา 67 อย่างหวุดหวิด ทั้งที่มาตรานี้มันเกิดมาเพื่อชุมชนแท้ๆ เทียว!
ตารางเปรียบเทียบ (เนื้อหาโดยรวบรัด)

ที่
ประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม
งานศึกษาของกระทรวงทรัพยากรฯ
1.
-
ประเภท– โครงการที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1, พื้นที่
ป่าอนุรักษ์, พื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม
ตามมติ ครม., แหล่งมรดกโลก,
อุทยานประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณ
สถาน โบราณคดี
ขนาด – ให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่กำหนดหลักเกณฑ์
เพื่อเสนอต่อองค์การอิสระฯ
2.
-
การถมทะเล หรือทะเลสาบ
พื้นที่ตั้งแต่ 50 ไร่ขึ้นไป
3.
-
การก่อสร้างหรือขยายสิ่งก่อสร้างกันคลื่น
ความยาวตั้งแต่ 200 เมตรขึ้นไป
4.
การทำเหมืองใต้ดิน เฉพาะด้วยวิธีออกแบบให้โครงสร้างยุบตัว ภายหลังการทำเหมืองโดยไม่มีค้ำยัน และไม่มีการใส่คืนวัสดุทดแทนเพื่อป้องกันการยุบตัว
ทุกขนาด
เหมืองใต้ดินตามกฎหมายว่าด้วยเหมืองแร่
ทุกขนาด
5.
เหมืองแร่ตะกั่ว และสังกะสี
ทุกขนาด
เหมืองแร่โลหะทุกชนิด
ทุกขนาด
6.
นิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือดครงการทีมีลักษณะเช่นเดียวกันกับนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจัดตั้งเพื่อรองรับอุตสาหกรรมผลิตเหล็กขึ้นต้น หรืออุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้น หรือขั้นกลางขนาดเกินกว่าที่กำหนดไว้ในโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการถลุงแร่งหรือปิโตรเคมีขั้นต้นและกลาง แล้วแต่กรณี
ทุกขนาด
นิคมอุตสาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมฯ หรือ โครงการที่มีลักษณะ เช่นเดียวกันกับนิคมอุตสาหกรรม
มีโรงงานปิโตรเคมี กำลังการผลิตตั้งแต่ 100 ตัน/วัน ขึ้นไป หรือมีโรงานถลุงหรือแต่งแร่หรือหลอมโลหะ
กำลังการผลิตตั้งแต่ 50 ตัน/วัน ขึ้นไป
7.
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นหรือขั้นกลางที่มีการใช้หรือผลิตสารอย่าใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้
(1) สารที่ก่อให้เกิดมลสารทางอากาศที่เป็นอันตรายได้แก่ Asbeslos, Benzene, Benzidine, Bis(chloromethyl) ether, Beryllium and beryllium compounds, 1,3-Butadiene, Cadmium and cadmium compounds, Chromium(VI) , Ethylene Oxide, Formaldehyde, Nickel compounds, Phosphorus-32, as phosphate, Radionuclides (including radon), Vinyl chloride
(2) สารที่มีพิษรุนแรง ได้แก่ สารทีมีค่า LD50 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวเมื่อทดสอบในหนูขาว (ทางปาก) ที่มีน้ำหนักตัวระหว่าง 200-300 กรัม, สารที่มีค่า LD50 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวเมื่อทดสอบในกระต่ายข่าว (ทางผิวหนัง) ที่มีน้ำหนักตัวระหว่าง 2-3 กิโลกรัม โดยสัมผัสติดต่อกันเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หรือน้อยกว่า แล้วมีการตายเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง, สารที่มี LC50 น้อยกว่าหรือเท่ากับ200 ส่วนในล้านส่วน โดยปริมาตรสำหรับก๊าซหรือไอ หรือน้อยกว่าหรือเท่ากั 2 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับละออง ฟูมหรือฝุ่น เมื่อทดสอบในหนูขาว (ทางการหายใจ) ที่มีน้ำหนักตัวระหว่าง 200-300 กรัม โดยสูดดมสารอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หรือน้อยกว่า แล้วมีการตายเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ค่า LD50 หมายถึงปริมาณของสารที่ให้กับสัตว์ทดลองทั้งหมดเพียงครั้งเดียวแล้วทำให้สัตว์ทดลองตายลงร้อยละ 50
ค่า LC50 หมายถึง ค่าความเข้มข้นของสารในอากาศ หรือในน้ำที่ทำให้สัตว์ทดลองตายลงร้อยละ 50
กรณีตั้งโรงงาน มีการใช้หรือผลิตสาร ตาม (1) หรือ (2) ตั้งแต่ 1,000 ตันต่อวันขึ้นไป กรณีขยายโรงงาน เพิ่มการใช้หรือผลิตสารตาม (1) หรือ (2) รวมกันเกินกว่าร้อยละ 35 สำหรับโรงงานเดิมที่มีการใช้หรือผลิตสารดังกล่าวตั้งแต่ 1,000 ตันต่อวันขึ้นไป หรือเพิ่มการใช้สารตาม (1) หรือ (2) รวมเป็นตั้งแต่ 1,000 ตันต่อวันขึ้นไป
ทั้งนี้ การตั้งหรือขยายโรงงานในโครงการหรือกิจกรรมในนิคมอุตสาหกรรม ไม่ต้องดำเนินการตามประกาศนี้ในกรณีที่โครงการหรือกิจกรรมในนิคมอุตสาหกรรมนั้นได้ดำเนินการตามประกาศนี้รองรับไว้ก่อนแล้ว
โรงงานปิโตรเคมี ขั้นต้นหรือขั้นกลาง
ทุกขนาด
8.
การถลุงแร่
- การถลุงแร่ด้วยสารละลายเคมีในชั้นดิน (ทุกขนาด)
- อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กขั้นต้น (กรณีตั้งโรงงานกำลังการผลิตตั้งแต่ 20,000 ตันต่อวันขึ้นไป
กรณีขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิตเกินกว่าร้อยละ 35 สำหรับโรงงานเดิมที่มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 20,000 ตันต่อวันขึ้นไป หรือเพิ่มกำลังการผลิตรวมเป็นตั้งแต่ 20,000 ตันต่อวันขึ้นไป
ทั้งนี้ การตั้งหรือ ขยายโรงงานในโครงการหรือกิจกรรมในนิคมอุตสาหกรรมนั้น ไม่ต้องดำเนินการตามประกาศนี้ในกรณีที่โครงการหรือกิจกรรมในนิคมอุตสาหกรรมนั้นได้ดำเนินการตามประกาศนี้รับรองไว้ก่อนแล้ว
โรงงานถลุงเหล็ก หรือแต่งแร่ หรือหลอมโลหะ
กำลังการผลิตตั้งแต่ 50 ตัน/วัน ขึ้นไป
9.
-
การผลิตหรือกำจัดหรือปรับแต่งสารกัมมันตรังสี
ทุกขนาด
10
โรงงานฝังกลบของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรม หรือเตาเผาที่จัดสร้างเพื่อกำจัดของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรม
ทุกขนาด
โรงบำบัดหรือกำจัดกากของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรม และขยะอันตรายจากอุตสาหกรรมที่นำมารีไซเคิล
ทุกขนาด
11
-
สนามบิน รวมการขยายทางวิ่ง
ทุกขนาด
12
-
ท่าเทียบเรือ
- รับเรือขนาดตั้งแต่ 500 ตันกรอสขึ้นไป
- ที่มีความกว้างหน้าท่ามากกว่า 1 ใน 3 ของความกว้างแม่น้ำ
- ที่ขนถ่ายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัตถุอันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย
13
-
เขื่อนกักเก็บน้ำ หรืออ่างเก็บน้ำ
- ปริมาตรเก็บกักน้ำตั้งแต่ 100 ล้าน ลบ.ม.ขึ้นไป
- พื้นที่เก็บกักน้ำตั้งแต่ 15 ตร.กม.ขึ้นไป
- การชลประทาน พื้นที่ตั้งแต่ 80,000 ไร่ขึ้นไป
14
โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ยกเว้นก๊าซธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติสังเคราะห์
มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 100 เมกกะวัตต์ขึ้นไป
โรงไฟฟ้าทุกประเภท ยกเว้นที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก
กำลังการผลิตตั้งแต่ 100 เมกกะวัตต์ ขึ้นไป
15
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ทุกขนาด
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ทุกขนาด
16
-
การผันน้ำในลุ่มน้ำหรือข้ามลุ่มน้ำ ทั้งลุ่มน้ำหลักและลุ่มน้ำสาขา
ปริมาตรน้ำที่ผันเฉลี่ยสูงสุดรายเดือน
17
-
การทำเกษตรกรรมเชิงการค้าเกี่ยวกับวัตถุดิบการผลิตอาหารที่เกี่ยวเนื่องกับ GM (Genetically Modified)
ทุกขนาด
18
-
สนามกอล์ฟ
ทุกขนาด