ที่มา ประชาไท
Mekong Review – ภูมิซรอลเป็นแค่หนึ่งในนั้น แต่มีหมู่บ้านเป็นจำนวนมากในเขตพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร ที่พิจารณาแล้วว่า ยังไม่มีความเป็นไทยมากพอ อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามความเห็นของ ไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกวุฒิสภา หนึ่งในกลุ่ม 40 ส.ว. ผู้มีจิตใจรักชาติรักแผ่นดินกว่าคนอื่นทั้งหมดในประเทศไทย
แต่เพื่อความสะอาดสดใสของภาษาไทย ก่อนที่จะได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงชื่อหมู่บ้าน เห็นสมควรเสนอให้ท่านวุฒิสมาชิก เสนอร่างกฎหมายสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อยกเลิกราชาศัพท์ และ ภาษาราชการจำนวนมากที่มีรากศัพท์มาจากภาษาเขมร จากนั้นจึงดำเนินการเปลี่ยนแปลงชื่อหมู่บ้านให้สอดคล้องกับภาษาไทยที่ได้รับการชำระจนสะอาดหมดจดแล้ว
หมู่บ้านและตำบลที่จะต้องเปลี่ยนชื่อให้เรียงตามลำดับความใกล้ชิดกับปราสาทพระวิหารเป็นสำคัญ กล่าวคือ
อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ มี 20 ตำบล ปรากฏว่ามีหมู่บ้านที่มีชื่อไม่เป็นไทยมากกว่าครึ่งดังต่อไปนี้
1 ตำบลเสาธงชัย ซึ่งเป็นเขตปกครองของบ้าน ภูมิซรอล ที่ประชาชนในเขตบ้านนี้ได้แสดงการเป็นปรปักษ์ต่อผู้รักชาติรักแผ่นดินอย่างโจ่งแจ้ง ถึงขนาดใช้กำลังเข้าประทุษร้ายคณะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถึง 2 ครั้ง 2 คราในระยะแค่ปีเดียว มีรายชื่อหมู่บ้านที่จะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงคือ บ้านภูมิซรอล เป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยภูมิซรอล 2 และภูมิซรอลใหม่ นอกจากนี้ยังมีบ้าน ซำเม็ง ที่อยู่ใกล้กัน ฟังเท่าไหร่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นไทย
2 ตำบล บึงมะลู ให้เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ชื่อตำบลเป็นต้นไป ตามด้วยถนนวิหาร โนนเยาะ โนนเปือย โนนดู่ โนนแสนคำ โนนศิริ (โนน เป็นภาษาลาว ไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นไทย) ศรีสะอาด (คำว่าสะอาดเป็นภาษาเขมร)
3 ตำบลรุง ประกอบด้วย บ้านโดนเอาว์ และ โดนเอาว์ใต้ เป็นอันดับแรก ตามด้วยบ้านตาทวด
4 ตำบลทุ่งใหญ่ ประกอบไปด้วยบ้าน กระมอล บ้านตาซุน โนนสะอาด ทุ่งประทาย
5 ตำบลกุดเสลา ให้เปลี่ยนตั้งแต่ชื่อตำบลเป็นต้นไป และหมู่บ้านที่ต้องเปลี่ยน คือ บ้านกันจาน บ้านซะวาซอ
6 ตำบลสังเมก ให้เปลี่ยนชื่อตำบลด้วยเช่นกัน ส่วนหมู่บ้านที่ต้องเปลี่ยนคือ บ้านตาเหมา บ้านนากันตรม บ้านกันตรมพัฒนา บ้านศรีพนมทอง บ้านสังเม็กตะวันตก บ้านสำโรง
7 ตำบลตระกาจ มีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนตั้งแต่ชื่อตำบลเป็นต้นไป ตามด้วยบ้านซำตารมย์
8 ตำบลภูเงิน เริ่มจากบ้านไพรงาม บ้านนาซำ ซำผักแว่น หนองตระกาศ
9 ตำบลซำ อาจจะต้องเปลี่ยนทั้งตำบล เพราะไม่มีชื่อหมู่บ้านใดแสดงออกถึงความเป็นไทยเลยแม้แต่บ้านเดียว ตั้งแต่บ้านซำ บ้านแจงแมง แจงแมงน้อย แจงแมงเหนือ ซำม่วง 1 และ 2
10 ตำบลกระแซง ยิ่งแล้วใหญ่ ประกอบไปด้วยหมู่บ้านจำนวนมากที่หาความเป็นไทยอะไรไม่ได้เลย เช่นบ้านเขวา บ้านระโยง บ้านซำเบง บ้านจำนรรจ์ บ้านซำเบ็งน้อย บ้านศรีษะอโศก ด้วย หาความเป็นไทยไม่ได้สักคำ
11 ตำบลโนนสำราญ ให้เปลี่ยนชื่อบ้านกระหวัน เป็นอย่างอื่น เพื่อความเป็นไทย
12 ตำบลขนุน ประกอบไปด้วยบ้าน โตนด ตาเครือ นาขนวน บ้านโตนดกลาง
13 ตำบลสวนกล้วย ให้เริ่มตั้งแต่บ้านทุ่งขนวน เป็นต้นไป เพราะมีทั้งเหนือและใต้
14 ตำบลภูผาหมอก ก็ใช่ว่าจะรอด ท่านวุฒิสมาชิกได้สั่งการให้ศึกษาว่า หมู่บ้าน โศกขามป้อม เป็นไทยแค่ไหน ทำไมจึงไม่ชื่อว่า บ้านโคกมะขามป้อม คำว่า โศก สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากคำว่า โศรก
อำเภอกันทรรมย์ อยู่ใกล้กับอำเภอกันทรลักษ์ ซ้ำยังชื่อพ้องกัน อาจจะได้อิทธิพลจากเขมร เมื่อสำรวจดูแล้ว ปรากฏว่ามีหลายหมู่บ้านในหลายตำบล ไม่มีชื่อเป็นภาษาไทยเลย เช่น ตำบลละทาย มีชื่อหมู่บ้านแปลกๆ เช่น บ้าน เหม้า บ้านกอก บ้านละทาย
อำเภอขุนหาญ แม้ว่า ไม่ติดกับปราสาทพระวิหาร แต่ปรากฏว่ามีชื่อตำบลและหมู่บ้านที่ส่อออกไปทางเขมรเป็นจำนวนมาก เห็นสมควรให้พิจารณาด้วย เริ่มตั้งแต่ตำบลไพร กระหวัน กันทรอม และหลายหมู่บ้านในตำบลเหล่านี้ไม่ได้เป็นภาษาไทยเลยแม้แต่น้อย เช่นบ้านซำเสียน บ้านซำสะโหมง ในตำบลไพรเป็นต้น
อำเภอภูสิงห์ ก็มีหลายหมู่บ้านที่ชื่อเป็นภาษาเขมร เช่นหนองแบกชะนัง โคกทะลอก ฟังยังไงก็ไม่มีทางเป็นภาษาไทยเด็ดขาด
ในจังหวัดศรีสะเกษ นั้นไม่ว่าจะสุ่มจากอำเภอใด ตำบลใด จะต้องปรากฏว่ามีหมู่บ้านและตำบลที่มีชื่อเป็นภาษาเขมรเสมอ หนักเข้าบางหมู่บ้านเป็นส่วย หรือ กุย ด้วยซ้ำไป หากจะสร้างความเป็นไทยกันแล้ว จังหวัดนี้ทั้งหวัดอาจจะต้องเปลี่ยนชื่อ ยังไม่นับจังหวัดใกล้เคียงที่ก็ไม่ได้น้อยหน้ากัน สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ ไม่ได้เป็นรองศรีสะเกษเลยในการเอาภาษาเขมรมาตั้งชื่อหมู่บ้านของตัว
บางทีท่านสมาชิกวุฒิสภาผู้ทรงเกียรติ อาจจะต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาเรื่องชื่อเป็นการเร่งด่วน เพราะไม่เพียงชื่อหมู่บ้าน ตำบล หรือแม้แต่อำเภอ เช่น อำเภอสตึก ไม่ได้เป็นภาษาไทยแล้ว ยังปรากฏว่าประชาชนในบริเวณนั้นก็ไม่ได้ตั้งชื่อตัวเองและลูกหลานเป็นภาษาไทย เช่น บางคนชื่อ เนวิน ฟังยังไง ก็ไม่มีทางเป็นไทยไปได้ (ชื่อไพบูลย์นั้นก็น่าสงสัยยิ่งนักว่าเป็นไทยยังไง) อีกทั้งไม่ได้พากันพูดภาษาไทยอีกด้วย ในครอบครัวของประชาชนเหล่านี้กลับพากันพูดภาษาเขมรทั้งสิ้น
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ใช้สติปัญญาประกอบการดำเนินการ