ที่มา บางกอกทูเดย์
แนวทางความคิดในการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ”ที่ดูเหมือนจะเข้าท่าเข้าทางของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ดูเหมือนจะเป็นดั่งคำโบราณท่านว่าเสียแล้ว “ท่าดีทีเหลว”เป็นเพราะการกระตุ้นนั้นไปทำกันเพียงแค่กลุ่มกระจุกเท่านั้น ไม่ได้เป็นการกระตุ้นโดยทั้งระบบทุกภาคส่วนบางครั้งแนวทางการคิดของผู้ใหญ่บางคนอาจจะใช้ได้เมื่อ 30 ปีก่อน... แต่วันนี้สังคมโลกเปลี่ยนไป แนวทางการค้าเปลี่ยนไปในโลกแห่งความเป็นจริง...ไม่เคยมีนักการเมืองคนใดที่เดิมมีอาชีพเป็นขุนนางหรืออำมาตย์แล้วมาบริหารบ้านเมืองในเรื่องการค้าได้ดีเลย เพราะขาดประสบการณ์และความชำนาญนั้นเองการที่ได้ผู้นำมาจากนักวิชาการ...ก็ดูเหมือนจะมีประสบการณ์มาจากตำราที่เรียนรู้ดูท่องจำ แต่ขาดปัญญาปัญญาก็คือสิ่งที่ต้องคิดเองแก้ไขเองด้วยวิถีทางที่พอดีพอเหมาะกับสังคมโลก หากเปรียบเทียบการค้าของทุกประเทศทั่วโลก คงเปรียบให้เหมือนกับการแข่งกีฬาก็ได้เช่นกันทุกประเทศเล่นในการแข่งขันด้วยกติกาเดียวกันไม่มีการต่อแต้มใดๆ และเมื่อโค้ชทีมเราไม่เก่ง นักกีฬาอ่อนแอ จะมองเห็นชัยชนะได้อย่างไรหากให้นักกอล์ฟอย่าง “ธงชัย ใจดี” ไปตีแข่งกับมือหนึ่งของโลก ไทเกอร์ วูด ก็คงไม่มีการให้แต้มต่อกับธงชัยอย่างแน่นอนการค้าทั่วโลกแข่งกันขายด้วยระบบกติกาเดียวกัน!หากผู้นำไม่มีประสบการณ์ หรือไม่เคยประสบความสำเร็จทางด้านการค้าขายมาก่อนเลยในชีวิต หลับตานึกเล่นๆ ว่า...ทิศทางของประเทศจะไปทางไหนผู้นำวันนี้ต้องเปลี่ยนไปตามระบบของกระแสโลก เพราะเรายังต้องพึงพาประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกาและในยุโรปอีกหลายประเทศหากผู้นำเป็น “ไก่อ่อน” ต่อรองราคาไม่เป็น ยืดหยุ่นไม่เป็น เห็นทีการค้าขายส่งออกที่ฝันเอาไว้จะเป็นไปได้ยากเต็มทีเพราะเทคนิคในการเจรจานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้ เวลาเจรจากันจะกี่ฝ่ายก็สุดแท้แต่ ต่างก็ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศตนเป็นหลักด้วยกันทั้งนั้น
คิดเล่นๆ กับยางพารา เมื่อ 5 ปีก่อน...ใครหนอ? จะคิดว่า น้ำยางพารา และ ยางพารา ที่สำเร็จรูปจะแพงระยับขึ้นไปถึงกิโลกรัมละร้อยบาทได้นั่นเป็นแนวคิดวิธีของใคร เราคงจำกันได้ดีแต่วันนี้ราคายางร่วงหล่นไม่เป็นท่า เรื่องการค้าง่ายๆยังไม่สามารถทำได้ แล้วการค้าระดับการส่งออกระหว่างประเทศ...จะขุนจะดันกันได้เพียงไหนยิ่ง WTA มีกฎกติกามากมาย แล้วจะไหวกันหรือเบื้องต้นสิ่งแรกที่เป็นการเกื้อหนุนการส่งออกคือ ลดภาษีด่วน ทั้งภาษีในการส่งออก ภาษีจากการนำเข้า ลดจากเดิมกึ่งหนึ่งก็พอที่จะช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจภาครวมได้อยู่มากโขจากนั้นพยายาม ลดราคาน้ำมัน ลงอย่าให้แพงไปกว่าที่เป็นอยู่ให้ได้ และ การลดต้นทุนอีกอย่างหนึ่ง คือ ลดต้นทุนของเวลาในการบริหารบ้านเมืองเลิกเล่นการเมืองกันได้แล้ว 3 ปีผ่านมาคนไทยบอบช้ำเหมือนเป็นไข้หนักที่รอหมอเก่งๆ มารักษาแววตาคนไทยตาดำๆ ส่วนมากวันนี้เริ่มฝ้าฟาง...มองอะไรไม่ค่อยชัดเสียเท่าไหร่ เพราะว่าขาดวิตามินในการมาบำรุงเพราะไม่มีรายได้มากพอที่จะหาซื้ออาหารดีๆ มารับประทานเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนโน่นถามตรงๆ ว่า...วงการไหนที่ไม่มีโกงไม่มีกินค่าคอมมิชชั่นบ้าง ตอบได้ว่า “คงไม่มี”ให้เขาบ้าง...เราบ้าง คงจะนำพาประเทศไปได้ดีกว่านี้ หากยึดถือแต่หลักการบางอย่างเอาไว้มากๆ เหมือนพวกอำมาตย์เฒ่าเมื่อ 30 ปีก่อนมีหวังเหนื่อยกันยาวๆทั้งประเทศแน่พี่น้องเอ้ย!เพราะโลกหมุนทุกวันเปลี่ยนไปทุกวัน ■