WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, September 25, 2009

รัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ที่มา thaifreenews

สมัชชาสังคมก้าวหน้า (social move)
19 กันยายน 2552

"โค่นอำมาตยธิปไตย จุดไฟสรรค์สร้างสังคมใหม่ พัฒนาประชาธิปไตยให้สมบูรณ์"

* เตือนความจำ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Council for Democratic Reform under the Constitutional Monarchy ภายหลังชื่อภาษาอังกฤษ ได้ตัดคำว่า under the Constitutional Monarchy ออกเพื่อป้องกันชาวต่างชาติเข้าใจผิดว่าการรัฐประหารในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากทางราชสำนัก ... แต่ภาษาไทยยังคงคำว่า’อันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นประมุขไว้’ ตามเดิม....

รัฐประหาร 19 กันยายน 2549: สามปีให้หลัง

ในวันที่ 19 กันยายน ปีนี้จะเป็นวันครบรอบ 3 ปีของการทำการรัฐประหาร ของนายทหารกลุ่มหนึ่งที่เรียกกลุ่มของตัวเองว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข* การ รัฐประหารในครั้งนี้ได้รับการยกย่องสรรเสริญกันอย่างกว้างขวางจากในหมู่ชนชั้นนำ ชนชั้นกลาง ว่าเป็นการรัฐประหารที่ไร้การนองเลือดและยังเป็นการแก้ปัญหาภาวะตีบตันทาง การเมืองไทยที่เหมาะสมอีกด้วย แต่การรัฐประหารครั้งนี้เป็นเพียงการกำจัด ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งเพียงคนเดียว แต่ต้องนำประเทศมาสู่ห้วงแห่งภัยพิบัติ

ภายหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ปรากฎชัดเจนว่า “กองทัพ” เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทที่สำคัญที่สุด ในการโค่นล้มรัฐบาลของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ภายหลังจากการรัฐประหารเป็นผลสำเร็จ กองทัพได้กลับมาพยายามเพิ่มอำนาจให้ตนเองอีกครั้ง โดยการเพิ่มงบประมาณของกองทัพในรูปแบบต่างๆ เช่น “งบลับ” ที่อาศัยข้ออ้างถึงความมั่นคงของชาติ แต่กลับถูกนำไปใช้เพื่อกำจัดฝ่ายปรปักษ์การรัฐประหารของตนอย่างไม่ละอาย นอกจากนี้ ยังพบว่า นายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคนยังได้รับการปูนบำเหน็จในการรับตำแหน่งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ และเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นลิ่วล้อของระบอบอำมาตย์ทำหน้าที่ออกกฎหมายเผด็จการ เพื่อสนับสนุนกลุ่มอำนาจพวกพ้องของตนเอง และกำจัดฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเป็นปรปักษ์ทางการเมืองของพวกตนอีกทางหนึ่ง

สถาบันตุลาการ ภายใต้คำโก้หรูที่ดูทรงคุณธรรมว่า “ตุลาการภิวัฒน์” เป็นอีกกลไกหนึ่งของระบอบอำมาตยาธิปไตย ซึ่งสร้างผลกระทบต่อหลักนิติรัฐและทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทยลงไปโดยสิ้นเชิง ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า “คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” หาได้มีความยุิติธรรมมั่นคงดุจตราชั่งตราชูที่ติดอยู่หน้าบัลลังค์ไม่ ความบิดเบี้ยวในการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญปรากฎให้เห็นตั้งแต่

การใช้อำนาจทางตุลาการที่เข้าไปมีแทรกแซงอำนาจฝ่ายบริหาร ในวันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นกระบวนการปูทางไปสู่การรัฐประหาร ปี 49 กระทั่งภายหลังการรัฐประหารปี 49 แล้ว คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ยังได้มีคำวินิจฉัยอันพิลึกลั่นในการยุบพรรคและตัดสิทธิการเลือกตั้งของพรรคการเมือง โดยใช้กฎหมายที่ออกในภายหลังเพื่อยัดความผิดในภายใต้คำวินิจฉัยอันคลุมเครือ เช่นการใช้รูปคำ ‘เชื่อได้ว่า’ ในการตัดสินความผิดทางกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คำวินิจฉัยหรือการดำเนินการต่างๆของกระบวนการยุติธรรมก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับฝ่ายนิยมประชาธิปไตยแบบก้าวหน้าอีกต่อไป...ไม่ว่าจะเป็นการปลดอดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช จากความผิดที่จัดรายการทำกับข้าว รวมถึงการยุบพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนอย่างลุกลี้ลุกลนจนน่าผิดสังเกต

นอกจากเครือข่ายหลักของฝ่ายอำมาตย์ดังที่กล่าวมาแล้ว พวกเขาได้ซื้อเครือข่ายนักวิชาการชั้นเลว และสื่อสารมวลชนกระแสหลัก ตลอดจนถึงสมาคมธุรกิจต่างๆอันเต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งอาจเรียกรวมได้ว่า “เครือข่ายอภิสิทธิ์ชนโค่นล้มประชาธิปไตย” โดยการปลุกระดมจากกลุ่มขบวนพันธมิตรประชาชนฟาสซิสต์ หรือ

“ม็อบมีเส้น” ในการสร้างกระแสอุดมการณ์ชาติราชานิยมขึ้นมา เป็นเครื่องมือสนับสนุนกลุ่มเผด็จการอำมาตย์และทำลายหลักการพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยดังที่ทุกท่านได้ประจักษ์ในช่วงสามปีที่ผ่านมา และโดยการสลับขั้วทางการเมือง ทำให้ฝ่ายอำมาตย์สามารถจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้สมใจ รัฐบาลหุ่นเชิดอภิสิทธิ์ได้ใช้ “กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” และพยายามเพิ่มบทลงโทษที่เป็นเผด็จการมากขึ้น รวมทั้งการปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชนยิ่งกว่าที่เคยปรากฎในยุครัฐบาลก่อนหน้านี้

สามปีที่ผ่านมา ความพยายามของฝ่ายเผด็จการอำมาตย์ในการกำจัดคู่แข่ง ทางการเืมืองของตนได้ทำลายหลักนิติรัฐ หลักการสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ และความเท่าเทียมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยจนสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ตาม การกระทำเพียงฝ่ายเดียวของฝ่ายอำมาตย์ก็ได้สร้างแรงสะท้อนกลับให้กับสังคมไทยเช่นกัน การรวมตัวกันครั้งแล้วครั้งเล่าของฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมแม้ว่าจะมีกระบวนการการขัดขวางในรูปแบบต่างเช่นการล้มรัฐบาลที่ประชาชนฝ่ายเสียงข้างมากเลือกเข้ามา

การใช้การหล่อหลอมให้สังคมไทยรวมเป็นหนึ่งอย่างปลอมๆ เช่นแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติที่ได้มีการเสนออยู่เป็นระยะๆ เป็นสัญญาณบอกชัดแล้วว่า ต่อจากนี้ไปสภาพโครงสร้างทางการเมืองไทยไม่สามารถจะกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว นับวันมีแต่จะถอยหลังไปสู่หายนะ และอาจจะกลายสภาพเป็นรัฐเผด็จการไม่ต่างจากรัฐบาลทหารพม่า

เราในนามของสมัชชาสังคมก้าวหน้า (social move) ขอบอกกล่าวผ่านไปยังพี่น้องผู้รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตยว่า ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะเปลี่ยนผ่านกาลเวลา ด้วยวิถีทางแห่งประชาธิปไตย จะไม่ให้ใครหน้าไหน! ออกคำสั่ง ชี้ช่องทางไปสวรรค์ ด้วยคำโก้หรู อันเต็มไปด้วยเล่ห์กลสามานย์ และนับจากนี้ จงรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันว่า หากมีความพยายามสร้างขบวนการ ทำให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีก พี่น้องจะออกมาขัดขว้าง ไม่ยอมก้มหน้ายอมรับชะตากรรม และพี่น้องจงพร้อมใจกัน โค่นเผด็จการสามานย์ให้สิ้นซาก ! สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์เพื่อลูกหลานและสังคมไทย