WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, September 23, 2009

ห่วงเศรษฐกิจทรุด

ที่มา ไทยรัฐ

ข่าวร้ายทางเศรษฐกิจซ้ำเติมสถานการณ์ย่ำแย่ของวิกฤติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าพรวดพราด ในสัปดาห์เดียวขยับขึ้นมาถึง 50 สตางค์ มีแนวโน้มว่าจะแข็งค่าขึ้นมาอีก เหตุผลน่าจะเป็นเรื่องของความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่จะมีการปรับตัวครั้งใหญ่ก่อนสิ้นปีนี้

การย้ายฐานการลงทุน จากอเมริกาและยุโรปเข้ามาในเอเชีย น่าจับตามากที่สุด ซึ่งมีทั้งทุนระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าเป็นการย้ายฐานการลงทุนที่ค่อนข้างจะถาวร ไม่ใช่การเข้ามาแสวงหากำไรจากค่าเงินในระยะสั้น

ความผิดปกติที่ต้องจับตาคือ จำนวนเม็ดเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้นมากผิดปกติ โดยจะมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยสองเด้งคือ ค่าเงินและความมีเสถียรภาพในตลาดหุ้น

ขณะเดียวกันการควบคุมการเข้าออกของเม็ดเงินมีข้อจำกัดเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของบ้านเราตอนนี้ต่อรองอะไรไม่ได้มากนัก ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในสถานะเป็นต่อ

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐดูเหมือนจะเป็น ขนมหวานชิ้นใหญ่ ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนจ้องกันตาเป็นมัน ยกเว้นประชาชนเท่านั้นที่คอยรอรับแค่เศษเงิน อาจจะเถียงว่าเมื่อมีงานก็มีเงิน เมื่อมีเงินก็มีการใช้จ่าย แต่เงินที่ว่าลงทุนไป 100 แต่ถึงมือประชาชนซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศแค่ร้อยละ 10 หรือไม่เกินร้อยละ 20 เม็ดเงินที่ลงไปกลับไปกระจุกอยู่ที่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

รวยกระจุก จนกระจาย

คือภาพเศรษฐกิจครัวเรือนของประเทศไทยหรือประเทศด้อย พัฒนาทั้งหลาย ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นกี่รอบก็ตาม จะเห็นว่าส่งผลกระทบกับชาวบ้านน้อยมาก อย่างมากก็กินไข่แพงขึ้น ซื้อบะหมี่สำเร็จรูปแพงขึ้นไม่ถึงกับตาย แต่ที่ตายคือธุรกิจทั้งหลายที่มักจะมีการผูกขาด

วันนี้การส่งออกของประเทศที่ไม่ฟื้น ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลักๆนั่นก็คือ เรื่องของค่าเงิน เรื่องของความต้องการของผู้บริโภคที่ประหยัดมากขึ้น มูลค่าของสินค้าลดลงและประการสุดท้ายคือ การเมืองเข้าไปล้วงลูกต่อรองผลประโยชน์ ง่ายๆเอาแค่ปลัดกระทรวงพาณิชย์คนเดียวยังตั้งไม่ได้ แล้วจะมีปัญญาไปเสนอแนวทางการแก้ปัญหาอะไรได้มากมาย อำนาจกระจุกไปอยู่ที่คน 2-3 คนขนาดนั้น

การเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจไม่ฟื้น

ล่าสุดมีการประเมินถึง มูลค่าการลงทุนทั่วโลก ในปีนี้ลดลงไปประมาณ ร้อยละ 30 หรือถ้าจะเอาเป็นตัวเลขกลมๆน่าจะมีมูลค่าเป็นพันล้านล้านบาท ซึ่งนั่นหมายถึงตลาดการค้าโลก ก็จะลดลงด้วย การนำเข้าส่งออกมีผลกระทบโดยตรง

แนวโน้มคาดว่าจะแย่ไปจนถึงปีหน้า

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันทั้งจากการเมือง สังคมและปัจจัยลบร้อยแปดพันเก้า ผู้บริหารต้องนิ่ง มีสติ จึงจะเกิดปัญญาในการที่จะแก้ปัญหาส่วนรวมของประเทศ (ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว).

หมัดเหล็ก
mudlek@hotmail.com