ที่มา ประชาไท
วีระ จวก รธน.50จอมปลอมผลพวงปฏิวัติรัฐประหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.00 น. วันที่ 24 ต.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงจัดเวที "อภิปรายไม่ไว้วางใจนอกรัฐสภา" ขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ลาดพร้าว กรุงเทพฯ มีคนเสื้อแดงทยอยเข้าร่วมรับฟังประมาณ 2,000 คน และมีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมอภิปราย อาทิ นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการอภิปรายโจมตีรัฐบาลเรื่องทุจริตงบประมาณไทยเข้มแข็ง
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของจอมปลอม เพราะเป็นผลพวงของการปฏิวัติรัฐประหาร ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมมือสุมหัวกับทหารทำลายระบอบประชาธิปไตย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่แต่ใจแสนเก่า ตามปกติที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะครึ่งๆ กลางๆ สิ่งที่จะอวดอ้างเพื่อซื้อเวลากับประชาชนคือ คุณธรรม คำๆ นี้ใช้หลอกกันมานานแล้ว แต่คนซื่อสัตย์คนเดียวไม่สามารถนำพาประชากรกว่า 70 ล้านคน เดินต่อไปได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือ แก้ผ้าเอาหน้ารอด ทั้งนี้ นายวีระยังได้กล่าวหาว่า รัฐบาลใช้กำลังทหารเข้าเข่นฆ่าผู้ชุมนุมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และบัดนี้ใกล้เวลาที่กรรมจะสนองรัฐบาลแล้ว
ให้พ่วงแก้รธน."ผู้สำเร็จราชการ"
นายวีระยังเสนอว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรแก้เฉพาะ 6 ประเด็น แต่ควรแก้เรื่องการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ ซึ่งปัจจุบันระบุว่า ช่วงที่ยังไม่มีการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการจากสภาให้ ประธานองคมนตรี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนไปพลาง แต่ในวันนี้มีพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีความรู้อยู่อย่างเพียบพร้อม ทำไมไม่เสนอแก้รัฐธรรมนูญ โดยแก้ว่าระหว่างที่ไม่มีผู้สำเร็จราชการให้พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เพราะประธานองคมนตรีคือ สามัญชนธรรมดา ทำไมรัฐบาลไม่เสนอมาตรานี้
ชทพ.บี้พรรคร่วมจี้ปชป.เร่งแก้รธน.
สำหรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันแสดงจุดยืนเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 9 เดือน ตามที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ ยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่ง ว่าทุกครั้งที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วม (วิป) รัฐบาล จะมีแต่วิป ชทพ. เท่านั้นที่แสดงความคิดเห็น ขณะที่วิปพรรคร่วมรัฐบาลเอาแต่นิ่งเฉย ทั้งที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้เกิดประโยชน์แก่ทุกพรรค ทำให้เกมทุกอย่างตกไปอยู่ในมือวิปจาก ปชป. หากเปรียบเปรยกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับการพายเรือ จะเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลกำลังพายเรือไปคนละทิศละทาง บางคนไม่ยอมจับไม้พาย มีแต่วิป ชทพ.จ้วงพายอยู่คนเดียว ส่วนจะมีคนเอาเท้าราน้ำหรือไม่ ไม่อยากพูดถึง
ปธ.วิปรบ.แจงแก้รธน.คืบ
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เตะถ่วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การดำเนินการต่างๆ ไม่มีความจำเป็นต้องเตะถ่วง เพราะขั้นตอนทั้งหมดได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่ายตลอดมา ดังนั้น จะทำตามใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคงไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ต้องได้รับความเห็นพ้องจากทุกฝ่าย ซึ่งหากใครมีข้อเสนอแนะก็ยินดีที่จะปฏิบัติตาม แต่ถ้ายังไม่ได้รับความยินยอม เป็นหน้าที่ของวิป 3 ฝ่ายที่ต้องนำเข้าสู่กระบวนการหารือให้ตกผลึก ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลระบุว่าข้อสรุปของวิป 3 ฝ่ายล่าช้าไม่คืบหน้านั้น ขอชี้แจงว่าการหารือของวิป 3 ฝ่าย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม เป็นการพิจารณาเค้าโครงการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างกว้าง ซึ่งการประชุมวิป 3 ฝ่ายก่อนหน้านั้น ได้ตกลงกรอบการหารือครั้งต่อไปไว้ตามนี้ ก็ไม่เข้าใจว่าล่าช้าตรงไหน
"ขณะนี้เข้าสู่ขั้นตอนระหว่างการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง เมื่อยกร่างเสร็จ จะพิจารณาเรื่องญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะเสนอญัตติเดียวหรือ 6 ญัตติตามข้อสรุปของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมือง และการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะหารือในการประชุมวิป 3 ฝ่ายวันที่ 12 พฤศจิกายน เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไร ก็ส่งเรื่องให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เพื่อส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดทำประชามติรับฟังความเห็นของประชาชนต่อไป" นายชินวรณ์กล่าว
“ทักษิณ” ทวิตเตอร์ถวายพระพรในหลวง-แดงปูดข้อมูลสยบมาร์ค
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว @thaksinlive ว่า เมื่อวานนี้ (23 ต.ค.) ตัวเขาและคนไทยทั้งประเทศมีความสุข ที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ประทับรถเข็นลงมาจากห้องที่ประทับโรงพยาบาลศิริราช และถวายพระพรขอจงทรงหายจากพระอาการประชวร มีพระพลานามัยแข็งแรง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า ทราบข่าวไม่กรองมาว่า ช่วงที่เกิดน้ำท่วม กทม. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำแผนที่มาทอดพระเนตรเพื่อแก้ปัญหาโดยเร่งระบายน้ำ จนแพทย์ต้องนำแผนที่ออกไปเพราะต้องการให้ทรงพักผ่อน ซึ่งพระองค์ทรงห่วงพสกนิกรของพระองค์ทั้งๆ ที่ทรงประชวร โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ซึ่งทรงมีพระปรีชาที่สุด จากการที่เคยถวายงานมานาน จึงเชื่อว่าข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นข่าวจริง ดังนั้น จึงขอฝากผู้ที่เกี่ยวข้องและยังอยู่ในการเมืองปัจจุบัน ได้ช่วยกันรับสิ่งที่ทรงห่วงใยมาใส่เกล้าปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นจะทรงกังวล เพราะทรงห่วงและรักพสกนิกร
"ณัฐวุฒิ"คุยมีข้อมูลเด็ดความไม่ถูกต้อง"มาร์ค"นั่งนายกรัฐมนตรี
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงอีกคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกรัฐสภา ว่า สมาชิกจากพรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชนและพรรคไทยรักไทยรวมทั้งแกนนำจะรวบรวมข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลมาอภิปรายในหลายประเด็น อาทิ การทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง การทุจริตงบประมาณองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหลักฐานการใช้เงินไปแล้ว ความไม่ชอบมาพากลในการแจกเมล็ดพันธุ์ข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความไม่ชอบมาพากลในการแจกเช็คช่วยชาติ ที่เชื่อได้ว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์ตอบแทนบุญคุณต่อกลุ่มทุนที่คอยเกื้อหนุนพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงความไม่ชอบมาพากลในบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรีหลายคน และความไม่ชอบธรรมในการดำเนินคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย โดยตนจะเป็นผู้อภิปรายสรุปทั้งหมด
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงอีกคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกรัฐสภา ว่า สมาชิกจากพรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชนและพรรคไทยรักไทยรวมทั้งแกนนำจะรวบรวมข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลมาอภิปรายในหลายประเด็น อาทิ การทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง การทุจริตงบประมาณองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหลักฐานการใช้เงินไปแล้ว ความไม่ชอบมาพากลในการแจกเมล็ดพันธุ์ข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความไม่ชอบมาพากลในการแจกเช็คช่วยชาติ ที่เชื่อได้ว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์ตอบแทนบุญคุณต่อกลุ่มทุนที่คอยเกื้อหนุนพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงความไม่ชอบมาพากลในบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรีหลายคน และความไม่ชอบธรรมในการดำเนินคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย โดยตนจะเป็นผู้อภิปรายสรุปทั้งหมด
“ผมจะเปิดเผยข้อมูลความไม่ถูกต้องในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะข้อมูลที่เชื่อได้ว่าการสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์มีความคลาดเคลื่อน ไม่สามารถยืนยันได้ว่านายอภิสิทธิ์สมัครสมาชิกพรรคเมื่อใด อาจจะมีผลต่อการดำรงตำแหน่ง ส.ส.สมัยแรกของนายอภิสิทธิ์ ผมมีหลักฐานเป็นลายมือที่นายอภิสิทธิ์เขียนชี้แจงคณะกรรมการการเลือก"
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะยื่นถอดถอนนายกฯในประเด็นและมาตราใดของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามจะสามารถแถลงอย่างเป็นทางการได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้หลังการระดมทุนที่เขาใหญ่ในวันที่ 14 พฤศจิกายน จากนั้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน จะมีการนัดชุมนุมใหญ่และเป็นการชุมนุมยืดเยื้อ เพื่อขับไล่รัฐบาลให้ยุบสภาภายในสิ้นปีนี้ และจากนี้ไป หากพรรคการเมืองใดสนับสนุนให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ กลุ่มเสื้อแดงจะสนับสนุนพรรคการเมืองนั้น โดยกลุ่มเสื้อแดงไม่เห็นด้วยที่จะทำประชามติ เพราะจะเสียเงิน 2,000 ล้านบาท โดยเปล่าประโยชน์ ควรนำเงินดังกล่าวมาจัดการเลือกตั้งดีกว่า
“จตุพร”ชี้“เทือก”แจงบัญชีทรัพย์สินเท็จ
ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ มีข้อน่าสงสัยในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยจากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินที่ นายสุเทพ ยื่นก่อนเข้ารับตำแหน่ง รมว.คมนาคมเมื่อปี 2540 และหลังจากพ้นตำแหน่งในปี 2544 โดยก่อนเข้ารับตำแหน่ง ระบุว่ามีที่ดิน 53 แปลง มีราคาประเมินรวม 85 ล้านบาท แต่ตอนพ้นจากตำแหน่งกลับมีที่ดินเพิ่มเป็น 71 แปลงแต่ราคารวมกลับลดลงเหลือ 82 ล้านบาทเท่านั้น จึงน่าสงสัยว่า การแจ้งบัญชีครั้งนี้เป็นการชี้แจงโดยไม่สุจริตหรือไม่ เพราะปี 40 ที่อ้างว่าที่ดินมีมูลค่าสูงนั้น สภาพเศรษฐกิจแย่กว่าปี 2544 เสียอีกจึงเป็นการขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
นายจตุพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังแจ้งว่าตอนเข้ารับตำแหน่ง มีอาคารพาณิชย์ 10 คูหา รวมมูลค่า 35 ล้านบาท แต่ตอนพ้นจากตำแหน่งมีอาคารพาณิชย์เพิ่มเป็น 15 คูหา แต่มูลค่ากลับลดลงเหลือ 30 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้อธิบายว่าทำไมลดลง
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับหนี้สินที่นายสุเทพแจงในครั้งนั้น อ้างว่าเป็นหนี้ บริษัทเงินทุนศรีมิตร จำนวน 30 ล้านบาท เป็นหนี้กองทุนไอทีเอฟ 15 ล้านบาท และบริษัทนครหลวงเครดิตอีก 20 ล้านบาท แต่เมื่อพ้นจากตำแหน่งหนี้สินส่วนนี้ได้หายไป ทั้งนี้หนี้สินที่หายไปทั้งสามแห่งนั้น บริษัทได้ถูกระงับการดำเนินกิจการในปี 2540 และถูกโอนไปให้ ปรส.และมีบริษัท กองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล มาซื้อหนี้และเป็นเจ้าหนี้ ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวได้ถูกจดทะเบียนบนเกาะเคย์แมน และไม่มีใครรู้ว่าใครถือหุ้นอยู่ และในเวลาช่วงนั้นหนี้ของนายสุเทพหายไปโดยไม่มีใครทราบว่าใช้ความสามารถอะไรหนี้ถึงหายไป หากนับเงินเดือนรัฐมนตรีนายสุเทพมีเงินเดือนไม่ถึงสี่ล้าน แต่เอาเงินจากไหนไปใช้หนี้จำนวนมาก
นายจตุพร ยังได้กล่าวโจมตีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ว่า ตนเคยชี้แจงว่านายไกรสีห์ จาติกวณิช บิดาของนายกรณ์โดนพักราชการและให้ออกจากราชการ เนื่องจากหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งนายไกรสีห์ก็ฟ้องหมิ่นประมาทตน ต่อมานายกรณ์มาคุยกับตนว่า ขอให้แถลงข่าวว่าพ่อตนไม่ได้เป็นไปตามที่พูดแล้วจะได้จบกันไป แต่ตนไม่ยอม นายกรณ์ยังบอกอีกว่า พ่อของตัวเองพ้นมลทินและกลับไปเป็นอธิบดี หนึ่งวันแล้วจึงลาออก ส่วนนี้เป็นประวัติที่แต่งใหม่ ที่นี่เป็นความเท็จทั้งหมด แต่ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องตนแล้ว ต่อมาก็มีการยื่นอุทธรณ์ และนายไกรสีห์ได้เสียชีวิต แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมามีหมายศาลมาหาตนแจ้งว่า นายอภิไกร จาติกวณิช ขอรับเป็นมรดกความ ตระกูลนี้จะมาเล่นอะไรกับตน
นายจตุพร กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์และนายกรณ์เคยอภิปรายเรื่องเกาะเคย์แมน แต่ก็มีข้อมูลว่านายกรณ์ก็ถือหุ้นในบริษัทเคย์แมนเช่นกัน และพี่ชายของนายกรณ์ก็เป็นที่ปรึกษาของบริษัทดังกล่าว ว่าแต่คนอื่น ตัวเองก็ทำเองทั้งสิ้น
“นายกรณ์ เป็นอดีตโบรกเกอร์ในตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่มีการปั่นหุ้นโดยปล่อยข่าวอัปมงคล แต่คนที่เป็นอดีตโบรกเกอร์ ยังไม่มีปัญญาจับใครได้ วันนี้คนไทยกลัวคนอยากสำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะการออกมาของ พล.อ.เปรม เกี่ยวกับรัฐบาล เราไปแจ้งความจับ พล.อ.เปรม ข้อหามีเสียงในการสนทนากับปลัดสำนักนายกฯ และเป็นถ้อยคำที่จาบจ้วง มีคนแจ้งความป๋า กล่าวหาพรรคเพื่อไทยว่าทรยศ ปัญหาคือจะสั่งฟองพล.อ.เปรมหรือสั่งฟ้องคนที่ไปแจ้งความ" นายจตุพล กล่าว
ลั่นชุมนุมยืดเยื้อ บีบรบ.ยุบสภาสิ้นปี
นายจตุพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ควรอยู่ถึงวันที่ 1 ม.ค. 2553 และถือเป็นหน้าที่ของคนเสื้อแดง จุดจบของรัฐบาลคือ วันที่ 31 ธ.ค. หากจบเดือน พ.ย.ได้ก็จบ หรือจบเดือน ธ.ค. ได้ก็จบ แต่ต้องไม่ถึง 1 ม.ค.