WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, May 25, 2010

รัฐไทยใหม่!

ที่มา บางกอกทูเดย์


“โศกนาฏกรรม” ได้เกิดขึ้นแล้วหลายครั้งในเมืองไทย...ซึ่งเกิดจากการแย่งชิงอำนาจของนักการเมืองที่มีมานับได้กว่าเจ็ดสิบปี และในปี พ.ศ.2553 ก็ได้เกิดการแย่งชิงอำนาจกันขึ้นอีกครั้งหนึ่งแต่เป็นการแย่งชิงที่มีประชาชนเข้าร่วมด้วยจำนวนมาก...ซึ่งมวลชนเหล่านี้ได้เรียนรู้และมีประสบการณ์มาจากมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งที่สร้างต้นแบบการเรียกร้องขึ้นมาก่อน เพื่อสนับสนุนให้พรรคการเมืองที่เขาสนับสนุน

ได้อำนาจการปกครองไปต้นแบบการชุมนุมนั้นน่าจะเริ่มตั้งแต่ปี 2548 ที่มีการสร้างมวลชนออกมาดดันรัฐบาลสมัยนั้น ด้วยข้อกล่าวหา “ปล้นชาติโกงแผ่นดิน” การชุมนุมสมัยนั้นมีการปิดล้อม...บุกเข้าไปและทำการยึดสถานที่ราชการเป็นเวลานานโชคดีของประเทศไทยที่การชุมนุมต้องหยุดไป...เพราะผู้

ชุมนุมได้สิ่งที่ต้องการคือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้อง “พ้นสภาพไป” เพราะศาลรัฐธรรมนูญ แต่การชุมนุมก็ยังไม่ยุติเมื่อรัฐบาลใหม่ยังไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มผู้ชุมนุมเหล่านั้นต้องการนายกรัฐมนตรีคนต่อมาโชคไม่ดี...เพราะถูกผู้ชุมนุมเข้ายึดทำเนียบ ปิดล้อมไม่ให้รัฐบาลชุดนี้เข้าไปแถลงนโยบายในรัฐสภา

จนเกิดเหตุการณ์ 7 ตุลา 51 ขึ้น มีคนตายไป 2 คน...เจ็บอีกหลายร้อยทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมหลายคนที่อวดอ้างว่าเป็น “นักสิทธิมนุษยชน” ทนไม่ได้...ออกมาเรียกร้องกล่าวหาว่ารัฐบาลสมัยนั้น “เข่นฆ่าประชาชน” เหยียบกองเลือดเพื่อเข้าไปในอาคารรัฐสภา จึงร้องขอให้มีการตรวจสอบรัฐบาลและเจ้า

หน้าที่รัฐว่า “ฆ่าประชาชน”การปิดล้อมของผู้ชุมนุมเริ่มจากแกนนำได้ปลุกเร้าจากทำเนียบรัฐบาลที่ได้ยึดไปแล้ว โดยมีการนำฝูงชนมาปิดล้อมอาคารรัฐสภาด้วยเจตนาจะไม่ให้รัฐบาลใหม่เข้าไปแถลงนโยบายในรัฐสภาได้ พร้อมร้องด่าว่า...ฆ่ามัน ฆ่ามัน! เหตุผลการชุมนุมไล่รัฐบาลทั้งสองชุด เพราะเป็น

รัฐบาลที่ผู้ชุมนุมอ้างว่า...เป็นรัฐบาล “นอมินี”ของอดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อน “จึงไม่ยอมรับ”ทั้งที่แกนนำคนสำคัญบางคนเป็นคนปั้นนายกฯคนดังกล่าวขึ้นมาเองว่าเป็น “คนดี เด่น ดัง”แกนนำอีกคนก็เคยยกย่องเชิดชูนายกฯคนดังกล่าวว่า...เป็นนายกรัฐนมตรีที่ดีที่สุดที่เคยมีมาแต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับในสิ่งที่

ต้องการเกี่ยวกับเรื่อง “โทรคมนาคมทางด้านสื่อ” ที่เรียกว่าทับหนึ่งหรือทับสอง ก็เลยขัดใจออกมาโจมตีด้วยความที่แกนนำเป็นคนที่พูดจาปลุกเร้าและทำให้คนเชื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ...มวลชนจึงมีมากขึ้น..จนแกนนำบางคนคิดว่าเป็นผู้ชี้นำมวลชนได้ดุจดั่ง “เกจิอาจารย์” ที่สามารถเสกน้ำมนต์มาปะพรมผู้

ชุมนุมได้เลยทีเดียวการขับไล่นายกฯ ที่ไม่เคยได้เข้าไปนั่งเก้าอี้ในทำเนียบรัฐบาลเลยตลอดระยะเวลาที่เป็นรัฐบาล...กินเวลา “เกือบสองร้อยวัน” นับเป็นการยึดสถานที่ราชการคือทำเนียบรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดการประท้วงขับไล่ยังเลยเถิดต่อไป...มีการปลุกเร้าให้ผู้ชุมนุมที่แกนนำมองว่าเป็นสาวกไปแล้วด้วย

การไปขับไล่รัฐบาลที่รัฐสภากันอีก กะว่า “วันเดียวจบ” รัฐบาลต้องอยู่ไม่ได้!แต่ก็ไม่จบ...รัฐบาลอยู่ต่อได้ จึงกลับคำลืมคำพูด ตั้งประเด็นใหม่เป็น “ม้วนเดียวจบ” แล้วก็นำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมสนามบิน โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ตรงนี้เองที่หลายฝ่ายเห็นว่า “ไม่ถูกต้อง” ทำเกินไปแล้วแกนนำผู้ชุมนุมก็ไม่ยุติ บาง

คนยังบอกว่า...การชุมนุมปิดล้อมสนามบินนั้นสนุก ดนตรีเพราะ อาหารอร่อย แต่ผู้โดยสารจะเดือดร้อนอย่างไรก็ขอให้อดทนไปก่อนจนกว่าจะ “ได้ชัยชนะ” สุดท้ายก็เลิกไป เพราะรัฐบาลถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคจึงมีการจับขั้วกันใหม่ระหว่างพรรคการเมือง...มีการรีบเร่งดำเนินการโดยการช่วยเหลือ

ของหลายฝ่ายที่ไม่ใช่นักการเมือง แต่มีบารมีเหนือกว่า และมีอำนาจมากกว่า รัฐบาลใหม่ที่ได้ดูจะถูกใจผู้ชุมุนมกลุ่มเดิมการชุมนุมของกลุ่มเดิมก็ยุติกลายเป็น “ผู้ก่อการดี” แต่รัฐบาลใหม่ที่ตั้งกันอย่างเร่งรีบ และพรรคแกนนำอยากเป็นรัฐบาลมากจึงยอมรับทุกเงื่อนไขจาก “คนเนรคุณ” จาก “ผู้มีอำนาจนอก

พรรคการเมือง” แม้จะได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเก้าอี้เดียวก็ยอมพรรคการเมืองที่เคยเป็นรัฐบาลก็สร้างมวลชนขึ้นมาเรียกร้องเช่นกัน มีการใช้รูปแบบการชุมนุมไม่ต่างกัน มีการปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้รัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบายจนรัฐบาลใหม่ต้องไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศแทนการชุมนุมเรียกร้อง

ของฝ่ายหลังใช้ “สีแดง” เป็นสัญลักษณ์...จนได้รับฉายาว่า “คนเสื้อแดง” กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีแหล่งที่อยู่ตามต่างจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ภาคอื่นและกรุงเทพก็มีไม่น้อย คนเสื้อแดงเห็นว่า...รัฐบาลปัจจุบันได้อำนาจมาไม่ชอบ จึงเรียกร้องให้คืนอำนาจให้ประชาชนโดย

การยุบสภา มีการชุมนุมขับไล่ตั้งแต่วันแถลงนโยบาย และมารุนแรงขึ้นในเดือนเมษายน 2552 จนเกิดคำว่า “เมษาเลือด”การชุมนุมยังไม่ยุติ มีการขับไล่รัฐบาลตลอดมา นายกฯหรือรัฐมนตรีไปที่ไหนก็จะไปชุมนุมขับไล่ที่นั่น จนต้องมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยคุ้มกันนายกรัฐมนตรีเวลาไป

ต่างจังหวัดที่มีคนเสื้อแดงจำนวนมากรัฐบาลบริหารงานมาถึงต้นปี 2553 คนเสื้อแดงก็ยังคงชุมนุมขับไล่เช่นเคย แต่นัดรวมพลมาชุมนุมในกรุงเทพตั้งแต่ 14 มีนาคม 2553 เป็นต้นมา โดยรัฐบาลเองก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงย้ายที่ทำงานจากทำเนียบไปอยู่ค่ายทหารแทนการชุมนุมคราวนี้มีคนเสื้อแดง

จำนวนมาก รัฐบาลต้องใช้กฎหมายความมั่นคง แต่เมื่อเอาไม่อยู่ก็ได้นำกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉินมาใช้ เหตุการณ์ความรุนแรงก็ตามมาโดยเฉพาะวันที่ 10 เมษา 53 รัฐบาลส่งกำลังทหารมาขอพื้นที่ชุมนุมที่ราชดำเนินคืน แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมจึงมีการสลายด้วยแก๊สน้ำตาและรถยานเกราะพร้อมอาวุธ ผู้

ชุมนุมไม่ยอมถอยและต่อสู้ ผลออกมามีทหารและผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก รัฐบาลเชื่อว่า...มีคนชุดดำถืออาวุธคอยทำร้ายทหารจนเจ็บตายหลายนาย จึงเชื่อว่า...ในกลุ่มผู้ชุมนุมมีกองกำลังติดอาวุธ จึงตั้งโจทก์ว่ากองกำลังเหล่านี้ คือ “ผู้ก่อการร้าย” ที่คิดล้มสถาบัน เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง

เป็น “รัฐไทยใหม่”หลัง 10 เมษา...ผู้ชุมนุมได้ยกเลิกเวทีที่ราชดำเนินและมารวมตัวกันที่เวทีราชประสงค์แห่งเดียว ปัญหาจึงตามมาเหมือนกับผู้ชุมนุมกลุ่มเดิมที่ปิดล้อมสุวรรณภูมิ...รูปแบบการใช้ระบบเศรษฐกิจเป็นตัวประกันจึงไม่แตกต่างกัน แยกราชประสงค์เป็นหัวใจทางเศรษฐกิจและเมื่อผู้ชุมนุม

มีความคิดจะขยายพื้นที่ไปถึงถนนสีลม ก็เกิดการรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมเดิมออกมาต่อต้านภายใต้ “กลุ่มเสื้อหลากสี” โดยมีเป้าหมายช่วยรัฐบาลไม่ให้ยุบสภา และต่อต้านคนเสื้อแดงเหตุการณ์ปะทะกันมีมากขึ้น มีการเจ็บและตายตามมา...ในที่สุดรัฐบาลก็เสนอเงื่อนไขปรองดองออกมา5 ข้อ ซึ่งน่าจะ

ทำให้การชุมนุมมีข้อยุติได้ แต่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและแกนนำผู้ชุมนุมกลับมีเงื่อนไขซ่อนอยู่ในข้อเสนอการปรองดองจึงถูกยกเลิก รัฐบาลจึงตัดสินใจเข้าสลายการชุมนุมโดยการปิดล้อมบริเวณรอบๆ ราชประสงค์ ขยายพื้นที่ปิดล้อมออกไปเป็นวงกว้าง ผู้ชุมนุมก็ปิดล้อมเป็นจุดๆ อีกชั้นหนึ่ง แกนนำบางคน

เริ่มถอยอยากเจรจา แต่บางคนอยากให้สู้ต่อ...จนแกนนำระดับนายพลคนหนึ่งถูกยิงจากระยะไกล กระสุนทะลุหัวล้มลงต่อหน้าผู้สื่อข่าวต่างประเทศ สัญญาณความรุนแรงก็ปะทุขึ้น!และมารุนแรงที่สุดช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2553 เมื่อรัฐบาลส่งกำลังทหาร จำนวนมากพร้อมอาวุธและรถถังเข้าสลาย

การชุมนุมที่แยกราชประสงค์ คนถูกยิงตายมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นประชาชน เป็นนักข่าว เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยสภาพการตาย...ถูกยิงด้วยกระสุนความเร็วสูงจากระยะไกล...ศพท้ายๆ ไปตายในบริเวณวัดปทุมฯ หลังจากที่ทหารได้เข้าคุมพื้นที่แล้ว และแกนนำก็ยอมมอบตัว แต่ก็ยังมีประชาชนถูกยิงตายอีก

หลายศพคนเสื้อแดงหลายพันหลายหมื่นค ไม่ยอมรับวิธีการเช่นนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมบางคนก็แสดงอาการโกรธ เคียดแค้นออกมา มีการลุแก่โทสะด้วยการทุบทำลายตู้เอทีเอ็ม เผาอาคารสถานที่ทั้งของเอกชนและของรัฐ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แม้ผู้ชุมนุมจะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคนภายนอกจาก

สื่อบางชนิด แต่ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปบุกรุกทำลายทรัพย์สินของคนอื่น การกระทำของบางคนซึ่งจะเป็นใครก็ตาม ที่เผาทรัพย์คนอื่นต้องเอาตัวมาลงโทษตามกฎหมาย แต่การกระทำดังกล่าวถูกปลุกฝังอารมณ์มาจากการถูกกล่าวหาหรือไม่ ควรพิจารณากันดู เพราะรัฐบาลหรือเปล่าที่กล่าวหาเรื่องผู้ชุมุนมเป็นผู้ก่อ

การร้าย คิดล้มเจ้า จะสร้างรัฐไทยใหม่ ทั้งที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่กล่าวว่า...มาชุมนุมเรียกร้องเพื่อให้รัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชน ด้วยการยุบสภา เพราะเห็นว่ารัฐบาลมาโดยไม่ถูกต้อง แต่เขากลับถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายและถูกยิงตายบนท้องถนนจากคนซุ่มยิงระยะไกล รัฐบาลออกมารับว่า มีการซุ่มยิงจริง

แต่มาจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ปฏิเสธความรับผิดชอบทางการเมืองแบบนี้ รัฐบาลเองหรือเปล่าที่กำลังคิดว่ามีอำนาจบริหารแบบใหม่อยู่ในมือ เสมือนเป็น “รัฐไทยใหม่” เสียเองนอกจากนี้ยังพาลพาโลไปยังกลุ่มคนหรือบริษัทที่สงสัยว่าจะเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล จึงอาศัยอำนาจ

แบบขาดหลักการและเหตุผลมากล่าวหาเพื่อข่มขู่ คุกคาม และกดดันกลุ่มคนเหล่านี้เอาไว้ด้วยการระงับ “ธุรกรรมทางการเงิน”พิจารณาดูแล้ว...ตั้งแต่การเข้าสู่อำนาจที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยของรัฐบาล เมื่อประชาชนไม่ยอมรับ ก็ตะแบงหลบหลีกตามค่ายทหาร เมื่อจวนตัวก็สร้าง

เรื่องกล่าวหาให้คนอื่นผิด รัฐบาลถูก...ถูกทุกเรื่องแม้กระทั่งเงินบริจาค 29 ล้าน ดูแล้วใครกันแน่ที่ “ล้มล้าง”ระบบการปกครองตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด? ใครละครับที่ได้อำนาจไปโดยไม่ชอบ รัฐบาลปล่อยให้มีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่เรียกว่า “ผู้ก่อการร้าย” มาอยู่ในกรุงเทพได้อย่างไร และจับใครได้บ้าง

แล้วหรือไม่ รัฐบาลที่มักอวดอ้างว่า “รักสถาบัน” แต่สมาชิกพรรคของรัฐบาลก็ไม่ลุกขึ้นยืนถวายความเคารพต่อเพลงสรรเสริญพระบารมี เช่นนี้แล้ว...รัฐบาลเองหรือเปล่าที่กำลังจะสร้าง “รัฐไทยใหม่” เป็นรัฐบาลที่ไม่ต้องฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน?!