ที่มา ข่าวสด
แฉโหดจากเตียงรพ. สส.จี้ออกรับผิดชอบ องค์กรโลกขอร่วมสอบ
อาลัย - ญาติชูรูปนายพัน คำกอง แท็กซี่ชาวจ.ยโสธร ถูกยิงเสียชีวิตในกทม. เมื่อ 15 พ.ค. ส่วนภาพเล็ก นายอัฐชัย ชุมจันท์ บัณฑิตม.รามฯจากจันทบุรี เป็น 1 ใน 6 ศพวัดปทุมฯ
เหยื่อปืนรุมยันทหารยิงเข้าไปในวัดปทุมวนา ราม จนเป็นเหตุให้ตายหมู่ 6 ศพ เผยนาทีเหี้ยม ไล่ล่าบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสตั้งแต่ราชประสงค์จนถึงหน้าวัด ยืนยันทหารแน่ๆ ไม่ใช่โจรผู้ร้าย สลดเหยื่อบัณฑิตรามคำแหงโดนส่องขณะพาผู้หญิง คนชรา และเด็กเข้าไปหลบภัยในวัด ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีกรายระบุถูกยิงหน้าประตูวัด แล้วพยาบาลอาสาเข้าไปช่วย พอฟื้นคืนสติอีกก็ทราบข่าวว่าคนที่เข้าไปช่วยถูกยิงเสียชีวิต ส.ส.เพื่อไทยจี้อภิสิทธิ์แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เพราะเป็นต้นเหตุให้มีการสูญเสียถึง 88 ศพ
จี้มาร์คออก-รับผิดชอบ88ศพ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่รัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วันที่สอง เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 โดยหยิบยกคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายรัฐมนตรี ต่อกรณีวันที่ 7 ต.ค.2551 ว่า รัฐบาลขณะนั้นต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองขึ้นมาอ้างถึงพร้อมกับระบุว่าการชุมนุมในสมัยรัฐบาลนี้มีคนตาย 88 ราย บาดเจ็บกว่าสองพันคน สูญหายอีกจำนวนมาก ทราบว่าเบื้องต้นหาย 25 รายแล้ว ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตต้องได้รับการพิสูจน์ว่าคนตายมีอาชีพอะไร จะไปเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายได้หรือไม่ จะได้พิสูจน์กันให้ชัด นอกจากนี้ นายกฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเพื่อลดอุณหภูมิ นายกฯ เป็นคนเดียวที่จะถอดสลักได้ ในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีผู้ใหญ่หลายคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่เคารพ สามารถเข้ามาทำหน้าที่แทนได้ ถ้านายกฯ ถอยออกมา จะทำให้กรรมการที่ฝ่ายต่างๆ ตั้งขึ้น ทำงานได้อย่างอิสระและสบายใจ
นายชวลิต กล่าวว่า กรณีวัดปทุมวนาราม ตนมีพยานยืนยันคือนายเพิ่มสุข ใจเย็น ชาวเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งอยู่ในวัดตอนเกิดเหตุ นายเพิ่มสุข ระบุว่าถูกจ้องยิง จึงต้องหนีสุดชีวิต สุดท้ายกระสุนโดนขา ต่อมาจึงได้ยินเสียงว่ามีการยิงพยาบาลที่เข้าไปช่วยคนเจ็บ นายเพิ่มสุข ยังระบุว่า บิดาเป็นทหารยศร้อยเอกอยู่ที่ค่ายสระบุรี จึงเห็นทหารตั้งแต่เด็ก และยืนยันกับตนว่าปืนที่ยิงมาเป็นฝ่ายทหาร พยานคนนี้ก็จะต้องไปให้การกับกรรมการอิสระที่นายกฯ จะตั้งขึ้นมา
เจ้าตัวโต้-รัฐบาลไม่เคยสั่งฆ่า
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า การยกคำพูดของตนกรณี 7 ต.ค.2551 มาเทียบกับกรณีนี้ ความจริงมีเงื่อนไขต่างกัน กรณีนี้มีบางกลุ่มแทรกแซงโดยใช้อาวุธ รัฐบาลคิดถึงการดำเนินการให้สูญเสียน้อยที่สุดก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไป และตอนนี้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็ได้ร่วมตรวจสอบ ป.ป.ช.ก็ต้องพิจารณาที่ส.ส.เพื่อไทย ยื่นถอดถอนตนและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการแทรกแซง ส่วนที่ผู้ชุมนุมกลับบ้านไปและให้ข้อมูลก็ต้องเข้าใจว่าเขามีอารมณ์ความรู้สึก ข้อมูลที่เขาได้รับก็ได้รับจากเวทีมาตลอด 2 เดือน ดังนั้น ไม่แปลกว่าจะมีความเชื่อว่าน่าจะเป็นทหารยิง แต่ขอยืนยันว่าภาครัฐไม่เคยมีแนวคิดแบบนั้นเลย
นายกฯ กล่าวว่า ตอนนั้นที่องค์กรเอกชนเสนอเขตอภัยโทษ รัฐบาลก็เห็นด้วย แต่เสนอให้อยู่ห่างจากพื้นที่ชุมนุม เพราะเกรงว่าจะมีคนอื่นปะปนกับเด็ก สตรี คนชรา ผู้บริสุทธิ์ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามนั้น ดังนั้น ความรับผิดชอบของรัฐบาลและภาครัฐ ก็ต้องดำเนินการตามความเหมาะสม ซึ่งต้องดูตามข้อเท็จจริงด้วยว่าเป็นอย่างไร และภาครัฐได้ตัดสินใจไปอย่างไร อย่างไรก็ดี ตนจะขอตอบเรื่องนี้พร้อมกันระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสัปดาห์หน้า
อ้างมีแจ้งมา-แต่เข้าในวัดไม่ได้
ด้านพล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ อภิปรายว่า การสลายการชุมนุมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะการมีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 ศพ ภายในวัดปทุมวนาราม เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบ
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า การชุมนุมที่ส.ส.อภิปรายว่า ชีวิตมีความสำคัญมากกว่าทรัพย์ ตนเห็นด้วย การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะชี้แจงว่าใช้หลักอย่างไรในการบริหารสถานการณ์ ส่วนที่มีคนโดนยิงในวัดปทุมวนาราม กำลังอยู่ในการตรวจสอบ แต่กรณีที่มีสื่อต่างประเทศรายหนึ่งเสียชีวิตและชาวต่างประเทศอีกรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บและติดอยู่ในวัดปทุมวนารามนั้น ค่ำวันนั้นตนได้รับการติดต่อมาจากองค์กรเอกชนว่า จะทำอย่างไรให้เอาคนเจ็บออกจากวัดได้ ตนและรัฐมนตรีบางคน พยายามประสานงาน แต่เป็นไปอย่างลำบาก เพราะไม่สามารถส่งรถคุ้มกันเข้าไปได้ เนื่องจากตอนนั้นมีกลุ่มใช้อาวุธยิงไม่หยุด แต่แม้ใช้เวลานานสุดท้ายก็เข้าไปได้ เหตุที่เกิดขึ้นในวัดกำลังตรวจสอบทุกกรณี ตอนนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเหตุเกิดขึ้นอย่างไร เพราะช่วงที่เกิดเหตุขณะนั้นไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
"จาตุรนต์"บี้รัฐตกที่นั่งลำบาก
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.40 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบคำถามถึงประเด็นของผู้เสียชีวิต 6 ศพ ในวัดปทุมวนารามว่า ข้อเท็จจริงก็จะปรากฏออกมาจากการตรวจสอบ เบื้องต้นคิดว่าผลของการชันสูตรและผลของนิติเวชน่าจะเป็นตัวที่บ่งบอกอะไรได้พอสมควร เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ระบุว่ามีเขม่าควันติดอยู่ที่บริเวณท้องของผู้เสียชีวิต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าทางนิติเวชน่าจะเป็นผู้ให้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยเร็ว
เมื่อถามว่ามั่นใจแค่ไหนกับข้อมูลที่จะนำเสนอ จนทำให้ประชาชนมองเห็นว่ารัฐบาลทำทุกอย่างตามข้อกฎหมาย นายกฯ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าไม่มีใครหนีความจริงพ้น ยอมรับว่ามันอาจจะมีข่าวสารที่มีการนำเสนอเพียงบางแง่มุม แต่ยังเชื่อว่าถ้าเรามองภาพรวมของเหตุการณ์ดูด้วยเหตุด้วยผล และดูให้ชัดว่าแต่ละคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์มีประวัติความเป็นมา และพฤติกรรมอย่างไร ก็จะมีความเข้าใจเหตุ การณ์ที่แท้จริงได้
ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า รัฐบาลกำลังตกที่นั่งลำบากในสายตาของสื่อต่างประเทศและชาวต่างประเทศ จากกรณีการสังหารประชาชนในวัดปทุมวนาราม เรื่องนี้ตนมีโอกาสพูดคุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ ที่เฝ้าศพผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดอยู่ตลอดทั้งคืน เล่าให้ฟังว่าผู้ที่อยู่ในวัดส่วนใหญ่จะปักใจเชื่อว่าทหารยิงประชาชน
สลดเหยื่อศพที่ 3 ถูกยิงในวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 ใน 6 ศพ ที่ถูกยิงตายในวัดปทุมวนาราม นอกจากอาสาสมัคร และพยาบาลอาสาที่ "ข่าวสด" นำเสนอไปตามลำดับแล้วนั้น ศพที่สาม คือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดจันทบุรี ถูกทหารยิงตายในวัดปทุมวนาราม เมื่อค่ำวันที่ 19 พ.ค. ขณะเข้าช่วยเหลือพาผู้สูงอายุหลบภัยในวัด แล้วเดินออกนอกประตูรั้ววัด จะมุ่งหน้าไปที่สำนัก งานตำรวจแห่งชาตินั้น
จี้มาร์คออก-รับผิดชอบ88ศพ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่รัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วันที่สอง เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 โดยหยิบยกคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายรัฐมนตรี ต่อกรณีวันที่ 7 ต.ค.2551 ว่า รัฐบาลขณะนั้นต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองขึ้นมาอ้างถึงพร้อมกับระบุว่าการชุมนุมในสมัยรัฐบาลนี้มีคนตาย 88 ราย บาดเจ็บกว่าสองพันคน สูญหายอีกจำนวนมาก ทราบว่าเบื้องต้นหาย 25 รายแล้ว ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตต้องได้รับการพิสูจน์ว่าคนตายมีอาชีพอะไร จะไปเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายได้หรือไม่ จะได้พิสูจน์กันให้ชัด นอกจากนี้ นายกฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเพื่อลดอุณหภูมิ นายกฯ เป็นคนเดียวที่จะถอดสลักได้ ในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีผู้ใหญ่หลายคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่เคารพ สามารถเข้ามาทำหน้าที่แทนได้ ถ้านายกฯ ถอยออกมา จะทำให้กรรมการที่ฝ่ายต่างๆ ตั้งขึ้น ทำงานได้อย่างอิสระและสบายใจ
นายชวลิต กล่าวว่า กรณีวัดปทุมวนาราม ตนมีพยานยืนยันคือนายเพิ่มสุข ใจเย็น ชาวเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งอยู่ในวัดตอนเกิดเหตุ นายเพิ่มสุข ระบุว่าถูกจ้องยิง จึงต้องหนีสุดชีวิต สุดท้ายกระสุนโดนขา ต่อมาจึงได้ยินเสียงว่ามีการยิงพยาบาลที่เข้าไปช่วยคนเจ็บ นายเพิ่มสุข ยังระบุว่า บิดาเป็นทหารยศร้อยเอกอยู่ที่ค่ายสระบุรี จึงเห็นทหารตั้งแต่เด็ก และยืนยันกับตนว่าปืนที่ยิงมาเป็นฝ่ายทหาร พยานคนนี้ก็จะต้องไปให้การกับกรรมการอิสระที่นายกฯ จะตั้งขึ้นมา
เจ้าตัวโต้-รัฐบาลไม่เคยสั่งฆ่า
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า การยกคำพูดของตนกรณี 7 ต.ค.2551 มาเทียบกับกรณีนี้ ความจริงมีเงื่อนไขต่างกัน กรณีนี้มีบางกลุ่มแทรกแซงโดยใช้อาวุธ รัฐบาลคิดถึงการดำเนินการให้สูญเสียน้อยที่สุดก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไป และตอนนี้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็ได้ร่วมตรวจสอบ ป.ป.ช.ก็ต้องพิจารณาที่ส.ส.เพื่อไทย ยื่นถอดถอนตนและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการแทรกแซง ส่วนที่ผู้ชุมนุมกลับบ้านไปและให้ข้อมูลก็ต้องเข้าใจว่าเขามีอารมณ์ความรู้สึก ข้อมูลที่เขาได้รับก็ได้รับจากเวทีมาตลอด 2 เดือน ดังนั้น ไม่แปลกว่าจะมีความเชื่อว่าน่าจะเป็นทหารยิง แต่ขอยืนยันว่าภาครัฐไม่เคยมีแนวคิดแบบนั้นเลย
นายกฯ กล่าวว่า ตอนนั้นที่องค์กรเอกชนเสนอเขตอภัยโทษ รัฐบาลก็เห็นด้วย แต่เสนอให้อยู่ห่างจากพื้นที่ชุมนุม เพราะเกรงว่าจะมีคนอื่นปะปนกับเด็ก สตรี คนชรา ผู้บริสุทธิ์ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามนั้น ดังนั้น ความรับผิดชอบของรัฐบาลและภาครัฐ ก็ต้องดำเนินการตามความเหมาะสม ซึ่งต้องดูตามข้อเท็จจริงด้วยว่าเป็นอย่างไร และภาครัฐได้ตัดสินใจไปอย่างไร อย่างไรก็ดี ตนจะขอตอบเรื่องนี้พร้อมกันระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสัปดาห์หน้า
อ้างมีแจ้งมา-แต่เข้าในวัดไม่ได้
ด้านพล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ อภิปรายว่า การสลายการชุมนุมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะการมีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 ศพ ภายในวัดปทุมวนาราม เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบ
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า การชุมนุมที่ส.ส.อภิปรายว่า ชีวิตมีความสำคัญมากกว่าทรัพย์ ตนเห็นด้วย การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะชี้แจงว่าใช้หลักอย่างไรในการบริหารสถานการณ์ ส่วนที่มีคนโดนยิงในวัดปทุมวนาราม กำลังอยู่ในการตรวจสอบ แต่กรณีที่มีสื่อต่างประเทศรายหนึ่งเสียชีวิตและชาวต่างประเทศอีกรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บและติดอยู่ในวัดปทุมวนารามนั้น ค่ำวันนั้นตนได้รับการติดต่อมาจากองค์กรเอกชนว่า จะทำอย่างไรให้เอาคนเจ็บออกจากวัดได้ ตนและรัฐมนตรีบางคน พยายามประสานงาน แต่เป็นไปอย่างลำบาก เพราะไม่สามารถส่งรถคุ้มกันเข้าไปได้ เนื่องจากตอนนั้นมีกลุ่มใช้อาวุธยิงไม่หยุด แต่แม้ใช้เวลานานสุดท้ายก็เข้าไปได้ เหตุที่เกิดขึ้นในวัดกำลังตรวจสอบทุกกรณี ตอนนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเหตุเกิดขึ้นอย่างไร เพราะช่วงที่เกิดเหตุขณะนั้นไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
"จาตุรนต์"บี้รัฐตกที่นั่งลำบาก
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.40 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบคำถามถึงประเด็นของผู้เสียชีวิต 6 ศพ ในวัดปทุมวนารามว่า ข้อเท็จจริงก็จะปรากฏออกมาจากการตรวจสอบ เบื้องต้นคิดว่าผลของการชันสูตรและผลของนิติเวชน่าจะเป็นตัวที่บ่งบอกอะไรได้พอสมควร เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ระบุว่ามีเขม่าควันติดอยู่ที่บริเวณท้องของผู้เสียชีวิต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าทางนิติเวชน่าจะเป็นผู้ให้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยเร็ว
เมื่อถามว่ามั่นใจแค่ไหนกับข้อมูลที่จะนำเสนอ จนทำให้ประชาชนมองเห็นว่ารัฐบาลทำทุกอย่างตามข้อกฎหมาย นายกฯ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าไม่มีใครหนีความจริงพ้น ยอมรับว่ามันอาจจะมีข่าวสารที่มีการนำเสนอเพียงบางแง่มุม แต่ยังเชื่อว่าถ้าเรามองภาพรวมของเหตุการณ์ดูด้วยเหตุด้วยผล และดูให้ชัดว่าแต่ละคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์มีประวัติความเป็นมา และพฤติกรรมอย่างไร ก็จะมีความเข้าใจเหตุ การณ์ที่แท้จริงได้
ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า รัฐบาลกำลังตกที่นั่งลำบากในสายตาของสื่อต่างประเทศและชาวต่างประเทศ จากกรณีการสังหารประชาชนในวัดปทุมวนาราม เรื่องนี้ตนมีโอกาสพูดคุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ ที่เฝ้าศพผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดอยู่ตลอดทั้งคืน เล่าให้ฟังว่าผู้ที่อยู่ในวัดส่วนใหญ่จะปักใจเชื่อว่าทหารยิงประชาชน
สลดเหยื่อศพที่ 3 ถูกยิงในวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 ใน 6 ศพ ที่ถูกยิงตายในวัดปทุมวนาราม นอกจากอาสาสมัคร และพยาบาลอาสาที่ "ข่าวสด" นำเสนอไปตามลำดับแล้วนั้น ศพที่สาม คือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดจันทบุรี ถูกทหารยิงตายในวัดปทุมวนาราม เมื่อค่ำวันที่ 19 พ.ค. ขณะเข้าช่วยเหลือพาผู้สูงอายุหลบภัยในวัด แล้วเดินออกนอกประตูรั้ววัด จะมุ่งหน้าไปที่สำนัก งานตำรวจแห่งชาตินั้น
ยืนยัน - นายเพิ่มสุข ใจเย็น ชาวจ.นครพนม ซึ่งบาดเจ็บมาจากวัดปทุมฯ เปิดให้ดูบาดแผลกระสุนที่ก้นและโคนขาขวา ยืนยัน 100% ว่าทหารยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้า ถ้าหลบเข้าใต้ท้องรถไม่ทัน อาจถึงตาย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักเลขที่ 151/3 หมู่บ้านรัตนะทรัพย์การ์เด้น ถ.ราชกิจ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เพื่อสอบถามความเป็นมาของเหยื่อที่ถูกยิงโหดในวัด ซึ่งเป็นเขตอภัยทาน
พ.ต.ต.ธีระวัฒน์ ชุมจันทร์ พนักงานสอบ สวน (สบ 2) สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า นายอัฐชัย เป็นน้องชาย เสียชีวิตเมื่อเย็นวันที่ 19 พ.ค. ขณะเดินออกมาจากรั้วประตูวัดปทุมวนาราม ถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม ที่บริเวณเหนือราวนมข้างซ้าย กระสุนทะลุปอด เสียชีวิตขณะเพื่อนนปช.ช่วยนำเข้าไปปฐมพยาบาลในเต็นท์ ภายในวัดปทุมวนาราม
เผยพาคนชรา-ผู้หญิงไปหลบภัย
พ.ต.ต.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า นายอัฐชัย ย้ายมาพักอาศัยที่จันทบุรี เพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ หลังจากที่นายอัฐชัย เรียนจบชั้นมัธยมตอนปลายจาก อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตนและพี่สาวช่วยกันส่งเสียให้เล่าเรียน เขาชอบกิจกรรมจึงเรียนช้า และหางานทำไปด้วย ตนจึงขอร้องให้เขาตั้งใจเรียนให้จบ เป็นความหวังของแม่ นิสัยใจคอของน้อง ชอบช่วยเหลือผู้สูงอายุ และรักประชาธิปไตย น้องชายไม่ใช่การ์ดนปช. แต่ร่วมชุมนุมทำหน้าที่ช่วยดูแลแจกอาหาร ประจำหน้าเวทีราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. หลังจากที่แกนนำยอมมอบตัว วัดปทุมวนารามได้เปิดให้ผู้ร่วมชุมนุมเข้าไปหลบอยู่ในวัด น้องชายก็เข้าไปทำหน้าที่ช่วยนำพาชาวบ้าน คนแก่ ชายหญิง หลบภัย
"จากนั้นในช่วงค่ำเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 19 พ.ค. น้องชายเดินออกมาจากรั้วประตูวัดปทุมวนาราม เพื่อเตรียมเดินทางต่อ จะเข้าไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ถูกยิงด้วยกระสุนสงครามที่บริเวณเหนือราวนมข้างซ้ายทะลุปอด ทราบว่ายิงมาจากที่สูง เพื่อนของเขาก็ช่วยนำร่างเข้าไปเพื่อปฐมพยาบาลในเต็นท์พยาบาลภายในวัด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผมทราบเหตุเมื่อเวลา 19.00 น. มีคนโทรศัพท์มาบอก" พ.ต.ต.ธีระวัฒน์กล่าว
พ.ต.ต.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงน้อง แต่เขารักประชาธิปไตย ทำได้แค่เตือนเขาให้ระวังตัว หลบให้ดี ไม่นึกว่าเหตุการณ์แค่ไปชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยแบบทั่วไป ธรรมดา มีคนไปจำนวนมาก ไม่น่าจะมีการยิงคนในวัด หรือหน้าวัด ซึ่งเป็นเขตอภัยทาน ท่านเจ้าอาวาสวัดก็ประกาศขึ้นป้ายเขตขออภัยทานไว้แล้ว เคยโทร.คุยกับเขาเสมอ และเตือนว่าให้หลบภัยอยู่ภายในเวทีชุมนุม หรือให้อยู่ภายในวัดปทุมวนาราม แต่สุดท้ายเขาก็มาถูกยิงเสียชีวิต
ลางสุดท้าย-สายรัดข้อมือ 3 สี
ด้านนางอัญชลี สาริกานนท์ พี่สาว กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุน้องชายไปหาตนที่บ้านพักในกรุงเทพฯ แล้วเขาถอดสายรัดข้อมือสามสีรูปธงชาติจากข้อมือข้างขวายื่นส่งให้แล้วพูดว่าจะให้พี่ไว้เป็นที่ระลึก ตนไม่นึกว่าจะเป็นลางครั้งสุดท้าย "วันนั้นน้องยังพูดอธิบายด้วยอารมณ์ และสีหน้าจริงจัง ว่า สีน้ำเงิน หมายถึงพระเจ้าอยู่หัว ที่เขาเทิดทูน ปกป้องสุดชีวิต สีแดงหมายถึงชาติไทย เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายชาติ สีขาวหมายถึงศาสนา เขาบอกว่าเขาจะปกป้อง เขายอมตายได้ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
นางอัญชลี กล่าวต่อว่า หลังจากน้องชายเสียชีวิต ตนและญาติ นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดประทุมทอง ในหมู่บ้านโพนทราย อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 21 พ.ค. และฌาปนกิจเมื่อวันที่ 23 พ.ค. ท่ามกลางญาติมิตร เพื่อนบ้าน และมีกลุ่มส.ส.พรรคเพื่อไทย ชาวนปช. ประมาณพันคน "การตายของน้องชาย การช่วยเหลือจากราชการ มาทดแทนกันไม่ได้ เราพี่น้องรักผูกพันกันมาก อยากให้เขามาอยู่กันพร้อมหน้าเหมือนเดิม"
นางอัญชลี ยังเปิดเผยว่า น้องชายเรียนจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรแล้ว กำลังสมัครสอบเพื่อทำงานหลายแห่ง สมัครสอบตำรวจ ยังไม่ทราบผล เขาเป็นความหวังของแม่ การตายของเขาทำให้แม่ ซึมเศร้าเสียใจอย่างมาก ส่วนคุณพ่อเสียชีวิตนานแล้ว
แม่เป็นชาวนาเมืองร้อยเอ็ด
ด้านนางสุนันทา ชุมจันทร์ อายุ 53 ปี มารดา กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำนาอยู่ที่บ้านโพนทราย อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด นายอัฐชัย เรียนจบชั้นมัธยมจากหมู่บ้านแล้ว เขาย้ายไปอยู่กับพี่ชายที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เพื่อเรียนต่อที่รามคำแหง เขาเรียนจบแล้ว กำลังสมัครหางานทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอัฐชัย เกิดเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2524 เป็นบุตรของนายนิคม (เสียชีวิต) กับนางสุนันทา ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ที่ 11 ต.โพนทราย อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด หลังเรียนจบชั้นม.ปลายจากโรงเรียนบ้านโพนทราย แล้วย้ายไปพักอยู่กับพ.ต.ต.ธีระวัฒน์ พี่ชาย ที่อำเภอท่าใหม่ จ.จันทบุรี เพื่อเรียนหนังสือที่รามคำแหง โดยพี่ชายพี่สาวส่งเสียเรียน และนายอัฐชัย ทำงานรับจ้างไปด้วย เรียนจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ รับพระราชทานปริญญาบัตร เมื่อปี 2552 อยู่ระหว่างสมัครสอบรับราชการตำรวจ และสมัครสอบเข้ารับราชการหลายแห่ง
แฉนาทียิงหน้าวัดค่ำวันที่19พ.ค.
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สําหรับผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงภายในวัดปทุมวนารามในช่วงค่ำของวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้พบว่ายังคงนอนรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อีกจํานวน 1 ราย เป็นชาย อายุประมาณ 45 ปี ซึ่งยังคงอยู่ในอาการหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมากและยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูล ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย แพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลเช่นกัน
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สําหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวัดปทุมวนาราม ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าขณะเกิดเหตุมีผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ได้อย่างละเอียด แต่ไม่สามารถที่จะนําออกมาเปิดเผยได้ และขณะนี้พบว่าได้หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งภาพดังกล่าวเริ่มบันทึกตั้งแต่เวลา 18.30 น. วันที่ 19 พ.ค. ในเวลา 18.30 น. พบมีกลุ่มคนแต่งกายคล้ายทหาร สวมหมวกสนาม กว่า 10 คน ยืนเรียงรายอยู่บนรถไฟฟ้าบีทีเอสบริเวณหน้าวัด ทุกคนหันหน้าไปทางวัด ในมือมีอาวุธสงครามลักษณะเหมือนปืนยาวเล็งเข้าไปในวัดทุกคน และมีบางคนนั่งยองๆ แบบคุกเข่า ลักษณะกำลังเล็งปืนเข้าไปในวัด จากนั้นไม่กี่นาทีก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 ชุด ลักษณะเสียงคล้ายปืนกล นานประมาณ 5 นาที และในภาพยังเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณอุโบสถภายในวัดประมาณ 20-30 คนวิ่งชุลมุนอยู่ บางคนนอนราบกับพื้น บางคนหลบอยู่ด้านหลังเสา และหันหน้ามองไปยังหน้าวัดลักษณะกำลังมองหาต้นตอของเสียงปืนดังกล่าว จากนั้นผู้ชุมนุมก็พากันหลบเข้าไปในวัดจนกระทั่งเช้าของวันที่ 20 พ.ค. มีเจ้าหน้าที่ตํารวจเข้ามาเคลียร์ให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่และส่งกลับบ้าน
พ.ต.ต.ธีระวัฒน์ ชุมจันทร์ พนักงานสอบ สวน (สบ 2) สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า นายอัฐชัย เป็นน้องชาย เสียชีวิตเมื่อเย็นวันที่ 19 พ.ค. ขณะเดินออกมาจากรั้วประตูวัดปทุมวนาราม ถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม ที่บริเวณเหนือราวนมข้างซ้าย กระสุนทะลุปอด เสียชีวิตขณะเพื่อนนปช.ช่วยนำเข้าไปปฐมพยาบาลในเต็นท์ ภายในวัดปทุมวนาราม
เผยพาคนชรา-ผู้หญิงไปหลบภัย
พ.ต.ต.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า นายอัฐชัย ย้ายมาพักอาศัยที่จันทบุรี เพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ หลังจากที่นายอัฐชัย เรียนจบชั้นมัธยมตอนปลายจาก อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตนและพี่สาวช่วยกันส่งเสียให้เล่าเรียน เขาชอบกิจกรรมจึงเรียนช้า และหางานทำไปด้วย ตนจึงขอร้องให้เขาตั้งใจเรียนให้จบ เป็นความหวังของแม่ นิสัยใจคอของน้อง ชอบช่วยเหลือผู้สูงอายุ และรักประชาธิปไตย น้องชายไม่ใช่การ์ดนปช. แต่ร่วมชุมนุมทำหน้าที่ช่วยดูแลแจกอาหาร ประจำหน้าเวทีราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. หลังจากที่แกนนำยอมมอบตัว วัดปทุมวนารามได้เปิดให้ผู้ร่วมชุมนุมเข้าไปหลบอยู่ในวัด น้องชายก็เข้าไปทำหน้าที่ช่วยนำพาชาวบ้าน คนแก่ ชายหญิง หลบภัย
"จากนั้นในช่วงค่ำเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 19 พ.ค. น้องชายเดินออกมาจากรั้วประตูวัดปทุมวนาราม เพื่อเตรียมเดินทางต่อ จะเข้าไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ถูกยิงด้วยกระสุนสงครามที่บริเวณเหนือราวนมข้างซ้ายทะลุปอด ทราบว่ายิงมาจากที่สูง เพื่อนของเขาก็ช่วยนำร่างเข้าไปเพื่อปฐมพยาบาลในเต็นท์พยาบาลภายในวัด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผมทราบเหตุเมื่อเวลา 19.00 น. มีคนโทรศัพท์มาบอก" พ.ต.ต.ธีระวัฒน์กล่าว
พ.ต.ต.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงน้อง แต่เขารักประชาธิปไตย ทำได้แค่เตือนเขาให้ระวังตัว หลบให้ดี ไม่นึกว่าเหตุการณ์แค่ไปชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยแบบทั่วไป ธรรมดา มีคนไปจำนวนมาก ไม่น่าจะมีการยิงคนในวัด หรือหน้าวัด ซึ่งเป็นเขตอภัยทาน ท่านเจ้าอาวาสวัดก็ประกาศขึ้นป้ายเขตขออภัยทานไว้แล้ว เคยโทร.คุยกับเขาเสมอ และเตือนว่าให้หลบภัยอยู่ภายในเวทีชุมนุม หรือให้อยู่ภายในวัดปทุมวนาราม แต่สุดท้ายเขาก็มาถูกยิงเสียชีวิต
ลางสุดท้าย-สายรัดข้อมือ 3 สี
ด้านนางอัญชลี สาริกานนท์ พี่สาว กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุน้องชายไปหาตนที่บ้านพักในกรุงเทพฯ แล้วเขาถอดสายรัดข้อมือสามสีรูปธงชาติจากข้อมือข้างขวายื่นส่งให้แล้วพูดว่าจะให้พี่ไว้เป็นที่ระลึก ตนไม่นึกว่าจะเป็นลางครั้งสุดท้าย "วันนั้นน้องยังพูดอธิบายด้วยอารมณ์ และสีหน้าจริงจัง ว่า สีน้ำเงิน หมายถึงพระเจ้าอยู่หัว ที่เขาเทิดทูน ปกป้องสุดชีวิต สีแดงหมายถึงชาติไทย เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายชาติ สีขาวหมายถึงศาสนา เขาบอกว่าเขาจะปกป้อง เขายอมตายได้ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
นางอัญชลี กล่าวต่อว่า หลังจากน้องชายเสียชีวิต ตนและญาติ นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดประทุมทอง ในหมู่บ้านโพนทราย อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 21 พ.ค. และฌาปนกิจเมื่อวันที่ 23 พ.ค. ท่ามกลางญาติมิตร เพื่อนบ้าน และมีกลุ่มส.ส.พรรคเพื่อไทย ชาวนปช. ประมาณพันคน "การตายของน้องชาย การช่วยเหลือจากราชการ มาทดแทนกันไม่ได้ เราพี่น้องรักผูกพันกันมาก อยากให้เขามาอยู่กันพร้อมหน้าเหมือนเดิม"
นางอัญชลี ยังเปิดเผยว่า น้องชายเรียนจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรแล้ว กำลังสมัครสอบเพื่อทำงานหลายแห่ง สมัครสอบตำรวจ ยังไม่ทราบผล เขาเป็นความหวังของแม่ การตายของเขาทำให้แม่ ซึมเศร้าเสียใจอย่างมาก ส่วนคุณพ่อเสียชีวิตนานแล้ว
แม่เป็นชาวนาเมืองร้อยเอ็ด
ด้านนางสุนันทา ชุมจันทร์ อายุ 53 ปี มารดา กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำนาอยู่ที่บ้านโพนทราย อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด นายอัฐชัย เรียนจบชั้นมัธยมจากหมู่บ้านแล้ว เขาย้ายไปอยู่กับพี่ชายที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เพื่อเรียนต่อที่รามคำแหง เขาเรียนจบแล้ว กำลังสมัครหางานทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอัฐชัย เกิดเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2524 เป็นบุตรของนายนิคม (เสียชีวิต) กับนางสุนันทา ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ที่ 11 ต.โพนทราย อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด หลังเรียนจบชั้นม.ปลายจากโรงเรียนบ้านโพนทราย แล้วย้ายไปพักอยู่กับพ.ต.ต.ธีระวัฒน์ พี่ชาย ที่อำเภอท่าใหม่ จ.จันทบุรี เพื่อเรียนหนังสือที่รามคำแหง โดยพี่ชายพี่สาวส่งเสียเรียน และนายอัฐชัย ทำงานรับจ้างไปด้วย เรียนจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ รับพระราชทานปริญญาบัตร เมื่อปี 2552 อยู่ระหว่างสมัครสอบรับราชการตำรวจ และสมัครสอบเข้ารับราชการหลายแห่ง
แฉนาทียิงหน้าวัดค่ำวันที่19พ.ค.
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สําหรับผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงภายในวัดปทุมวนารามในช่วงค่ำของวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้พบว่ายังคงนอนรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อีกจํานวน 1 ราย เป็นชาย อายุประมาณ 45 ปี ซึ่งยังคงอยู่ในอาการหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมากและยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูล ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย แพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลเช่นกัน
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สําหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวัดปทุมวนาราม ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าขณะเกิดเหตุมีผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ได้อย่างละเอียด แต่ไม่สามารถที่จะนําออกมาเปิดเผยได้ และขณะนี้พบว่าได้หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งภาพดังกล่าวเริ่มบันทึกตั้งแต่เวลา 18.30 น. วันที่ 19 พ.ค. ในเวลา 18.30 น. พบมีกลุ่มคนแต่งกายคล้ายทหาร สวมหมวกสนาม กว่า 10 คน ยืนเรียงรายอยู่บนรถไฟฟ้าบีทีเอสบริเวณหน้าวัด ทุกคนหันหน้าไปทางวัด ในมือมีอาวุธสงครามลักษณะเหมือนปืนยาวเล็งเข้าไปในวัดทุกคน และมีบางคนนั่งยองๆ แบบคุกเข่า ลักษณะกำลังเล็งปืนเข้าไปในวัด จากนั้นไม่กี่นาทีก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 ชุด ลักษณะเสียงคล้ายปืนกล นานประมาณ 5 นาที และในภาพยังเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณอุโบสถภายในวัดประมาณ 20-30 คนวิ่งชุลมุนอยู่ บางคนนอนราบกับพื้น บางคนหลบอยู่ด้านหลังเสา และหันหน้ามองไปยังหน้าวัดลักษณะกำลังมองหาต้นตอของเสียงปืนดังกล่าว จากนั้นผู้ชุมนุมก็พากันหลบเข้าไปในวัดจนกระทั่งเช้าของวันที่ 20 พ.ค. มีเจ้าหน้าที่ตํารวจเข้ามาเคลียร์ให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่และส่งกลับบ้าน
พยาน- นายกิติชัย แข็งขัน นอนรักษาตัวที่ร.พ.กลาง จากอาการบาดเจ็บสาหัส ถูกยิงในวัดปทุมฯ กระสุนเข้าที่หลังและมือ แฉว่าคนลงมือยิงเป็นทหาร ซึ่งตะโกนสั่งให้ถอดเสื้อ แล้วไล่ให้ไปหลบในวัด ทั้งที่บาดเจ็บอยู่
ส.ส.ย้ำพยานยืนยันทหารยิง
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ตนอภิปรายเกี่ยวกับนายเพิ่มสุขนั้นเป็นข้อเท็จจริง เพราะเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ตอนเกิดการยิงประชาชนภายในวัดปทุมวนาราม ซึ่งนายเพิ่มสุข ใจเย็น ในฐานะชาวนครพนมอยู่ในพื้นที่เลือกตั้งของตนได้ยืนยันว่า ช่วงเกิดเหตุการณ์ยิงประชาชนเวลา 18.00 น. วันที่ 19 พ.ค. นายเพิ่มสุขบอกว่าเข้าไปหลบภายในวัด พอได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจึงมองขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส เห็นทหารถือปืนและยิงเข้ามาในวัด จนต้องหลบ แต่ก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่ขา ต่อมาได้เข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่นายเพิ่มสุขยืนยันว่ามีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดแน่นอน และเห็นว่าผู้ที่ถูกยิงคนหนึ่งคือ น.ส.กมนเกด อัคฮาด อาสาพยาบาล ที่ถูกยิงล้มลงบริเวณใกล้เคียงกัน นายเพิ่มสุขยืนยันว่าในฐานะลูกนายทหารเก่า พ่อยศร.อ. สามารถแยกแยะได้ระ หว่างทหารกับพลเรือน
นายชวลิต กล่าวว่า ส่วนเรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและรัฐบาล นายเพิ่มสุข ยังไม่มีความคิดนี้ เพราะยังติดเรื่อง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่
ให้ญาติ6ศพวัดปทุมฯร้องเรียน
ที่กระทรวงยุติธรรม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวถึงการช่วยเหลือด้านกฎหมายและการเยียวยาด้านการเงินให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมเสื้อแดงว่า ขณะนี้กรมคุ้มครองสิทธิฯ อยู่ระหว่างการประสานขอข้อมูลรายชื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากศูนย์เอราวัณที่จัดทำไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัด สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระชับพื้นที่ของศอฉ.ทุกรายสามารถยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือและขอคําปรึกษาด้านกฎหมายต่อกรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้ ทั้งนี้ ผู้เสียหายที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ยื่นเรื่องได้ที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ ส่วนต่างจังหวัดยื่นได้ที่ยุติธรรมจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ และขณะนี้มีผู้ได้รับผลกระทบยื่นเรื่องแล้วกว่า 10 ราย และอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลในแต่ละรายอยู่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ชุมนุมและก่อการจลาจลหรือไม่
นางสุวณา กล่าวว่า ส่วนผู้เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม 6 ศพ ขณะนี้ยังไม่มีทายาทผู้เสียชีวิตเข้ามายื่นเรื่องร้องเรียน หากญาติผู้ตายต้องการขอความช่วยเหลือด้านกฎหมายก็สามารถมายื่นเรื่องได้ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อจะให้การช่วยเหลือต่อไป
พยานที่บาดเจ็บยัน-ทหารยิง
วันเดียวกัน นายเพิ่มสุข ใจเย็น อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 ถ.ราชทัณฑ์ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่ทหารกราดยิงจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอสใส่ผู้ชุมนุมในวัดปทุมวนาราม เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 พ.ค. เปิดเผยถึงเหตุการณ์ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเฉียดตายว่า วันเกิดเหตุตนอยู่หน้า รร.โฟร์ซีซั่นส์ กำลังเก็บข้าวของในเต็นท์นครพนม 52 ได้ยินเสียงปืนไล่หลังมาจึงขับรถกระบะโตโยต้า สีน้ำเงิน ของตน ทะเบียน บน 3862 ร้อยเอ็ด เลี้ยวเข้าวัดปทุมวนาราม จอดอยู่ในวัดห่างประตู 6-7 เมตร ขณะเข้าวัดเวลาประมาณ 16.30.-17.00 น. วันที่ 19 พ.ค. ก็ได้ยินเสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงนำรถมาจอดใกล้รถตู้สีขาว ของร.พ.วชิรพยาบาล และมีคนแอบรวมอยู่ด้วยประมาณ 3-4 คน ก่อนที่ทั้งหมดจะมุดเข้าใต้ท้องรถ ส่วนตนชะเง้อมองดูพบว่าที่สะพานรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นและเห็นทหาร 1 นายส่องปืนลงมา ก่อนยิงมาที่ตน กระสุนถูกโคนขาด้านขวา 1 นัด และก้นด้านขวา 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ จึงล้มตัวนอนกลิ้งเข้าไปหลบใกล้รถเข็น
เผยนาทีเหยื่อถูกยิงดับหน้าวัด
นายเพิ่มสุข กล่าวระบุว่า คนที่ยิงใส่ชุดทหาร คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงไล่หลัง 4-5 นัด ถ้าตนโผล่อาจจะถูกยิงซ้ำจนตาย พอพลบค่ำเสียงปืนจึงสงบ มีพระภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปช่วยพยุงร่างเข้าที่กำบังในวัด ก่อนนำไปทำแผลกับหน่วยพยาบาลในวัด แล้วส่งไปรักษาต่อที่ร.พ.ตำรวจ
นายเพิ่มสุข กล่าวต่อว่า ขณะถูกซุ่มยิงบนสะพานรางรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น ตนยังเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังวิ่งเข้ามาบริเวณหน้าวัด เป็นชาย ถูกยิงที่หน้าอก 1 นัด และลำคอ 1 นัด ผู้เห็นเหตุการณ์จึงช่วยอุ้มผู้บาดเจ็บเข้ามาในวัด พยาบาลอาสาพยายามปั๊มหัวใจไม่ถึง 5 นาที ชายคนดังกล่าวจึงเสียชีวิต
"ยืนยันว่าคนที่ยิงเป็นทหารร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะบิดาตนคือ ร.อ.สุชาติ ใจเย็น เคยรับราช การที่ ม.พัน.11 ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ก่อนย้ายมา ม.2 พัน.6 จ.ขอนแก่น ผมพบเห็นทหารและคลุกคลีมาแต่เด็กๆ หลังเกิดเหตุวันที่ 20 พ.ค. นอนรักษาตัวที่ร.พ.ตำรวจแล้วจึงถูกส่งตัวกลับ แล้วขับรถกระบะคู่ชีพกลับบ้านที่จ.นคร พนม แต่จนถึงขณะนี้ยังนอนไม่หลับ เกรงจะมีคน ตามมายิงซ้ำอีก
เผยแดงสุรินทร์ถูกยิงตาย5ศพ
ที่จ.สุรินทร์ นายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคไทยรักไทย ประธานที่ปรึกษากลุ่มเสื้อแดงสุรินทร์ เปิดเผยว่า มีคนเสื้อแดงสุรินทร์เสียชีวิตจากการชุมนุมที่กทม.ระหว่าง 10 เม.ย.-19 พ.ค. จำนวน 5 ราย คือนายสมพาน หลวงชม ราษฎรบ้านจาน ต.ทับใหญ่ อ.รัตนบุรี นายกิตติพงษ์ สมสุข ราษฎรต.หนองหลวง อ.โนนนารายณ์ นายสวาท วางาม ราษฎรอ.ชุม พลบุรี นายประจวบ ประจวบสุข ราษฎรบ้านกรูด ต.เมืองลิง อ.จอมพระ และนายชาติชาย ชาเหลา ราษฎรบ้านเจ้าคุณ ต.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เฉพาะนายชาติชาย จะฌาปนกิจศพในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ที่เมรุวัดบ้านเจ้าคุณ ผู้เสียชีวิตทุกราย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยค่าปลงศพ รายละ 100,000 บาท มูลนิธิไทยคม ช่วยค่าเคลื่อนย้ายศพรายละ 20,000 บาท ผู้เสียชีวิตรายใดที่มีบุตร มูลนิธิไทยคมจะให้ทุนเรียนจนจบปริญญาตรีทุกราย และในวันเสาร์ที่ 29 พ.ค.นี้ เวลา 15.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงสุรินทร์ทั้งจังหวัด จัดงานทำบุญมหาบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตทุกรายทั้งทหาร ตำรวจ นักข่าว และพี่น้องชาวเสื้อแดงทุกคน ที่บ้านสำโรง-หนองกา ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ โดยนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 99 รูป มาประกอบพิธี ขอเชิญชวนชาวเสื้อแดงสุรินทร์ทุกท่าน มาร่วมงานโดยทั่วกัน
คนเจ็บสุดท้ายของ"น้องหมู"แฉ
เมื่อเวลา 17.00 น. ที่โรงพยาบาลกลาง ชั้น 9 แผนกผู้ป่วยศัลยกรรมชายสามัญ นายกิติชัย แข็งขัน อายุ 40 ปี เหยื่อคมกระสุนจากเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค. นายกิติชัย อยู่ในสภาพเหนื่อยและอิดโรยเจ็บบาดแผลอยู่บนเตียงคนไข้ พร้อมเล่าถึงนาทีชีวิตที่รอดตายมาได้ว่า ตนมีอาชีพทำงานก่อสร้าง ทำงานก่อสร้างอยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังเลิกงานตนจะลงมาหาเพื่อนที่เดินทางมาร่วมชุมนุม ตั้งเต็นท์จังหวัดขอนแก่น เพื่อมาพูดคุยกินข้าวกันตามปกติ หลังจากนั้นตนก็จะกลับไปนอนในแคมป์ที่พักคนงาน ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 19 พ.ค. นั้นตนก็ทราบว่าจะมีทหารเข้ามาบุกขอพื้นที่คืน และก็ได้ยินเสียงระเบิดและยิงปืนกันทั้งวัน จนกระทั่งได้ยินเสียงแกนนำออกประกาศว่าขอสลายการชุมนุม จนเย็นตนคิดว่าเรื่องต่างๆ คงจบไปแล้วไม่มีเหตุอะไรบานปลาย จึงได้เดินไปหาเพื่อน ทั้งนี้ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อตนเดินมาถึงจวนใกล้ถึงวัดปทุมวนาราม ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ตนรู้สึกตกใจกลัวมากและยังมีประชาชนคนอื่นๆ อีกหลายคนต่างก็วิ่งเข้าไปหลบในวัดปทุมวนาราม ตนรีบเข้าหาที่กำบังนอนราบหมอบกับพื้นใต้รถกระบะคันหนึ่งที่จอดอยู่ในวัด แต่เสียงปืนก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีกระสุนนัดหนึ่งมาโดนที่บริเวณหลังขวา ขณะที่ตนนอนหมอบอยู่รู้สึกทันทีว่าเจ็บบริเวณดังกล่าว ตนจึงได้ยกมือขวาร้องตะโกนบอกว่ายอมแล้ว แต่ก็ถูกยิงเข้าที่มือขวาอีกหนึ่งนัด และก็ได้ยินเสียงทหารบอกว่า ให้ออกมา ออกมา ตนจึงกัดฟันวิ่งไปหาทหาร และถูกทหารสั่งให้ถอดเสื้อออกและให้ยกมือขึ้น ก่อนจะสั่งให้วิ่งเข้าไปในวัดปทุมวนารามทั้งที่ตนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตนตกใจกลัวมาก จึงรีบวิ่งไม่คิดชีวิตจนไปพบกับเต็นท์พยาบาล และมีพยาบาลหญิงคนหนึ่ง ได้ให้ความช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่ตนจะสลบไป และเพิ่งจะมาทราบภายหลังว่า พยาบาลดังกล่าวที่ช่วยเหลือตนมาถูกยิงเสียชีวิตไป ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แฉอีก-นาทีการ์ดถูกยิงล้มทั้งยืน
นอกจากนี้ นายภัสพล ไชยพงษ์ อายุ 40 ปี อาชีพค้าขายและอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมในวันสลายการชุมนุมด้วยและถูกยิงได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนขายของอยู่บริเวณใต้รถไฟฟ้าราชดำริ ขณะนั้นกำลังเก็บร้านอยู่ แต่ได้มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกยิง 2 ราย และมีหน่วยกู้ภัยบอกให้ตนช่วยเหลือ ขับรถจักรยานยนต์กุยทางเพื่อนำคนเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนได้ขับรถพาไปส่งแล้วถึง 3 เที่ยว จากนั้นก็ได้มาจอดรถอยู่ที่เดิม ขณะนั้นตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ โดยที่บริเวณที่ตนอยู่นั้นมีการ์ดนปช.คนหนึ่งยืนอยู่กับตนด้วย ก่อนได้ยินเสียงกระสุนดังขึ้นหนึ่งนัด ก่อนที่การ์ดนปช.คนดังกล่าวจะล้มทั้งยืนลงมาทับร่างตน และพบว่าการ์ดนปช.คนดังกล่าว ถูกยิงเข้าหน้าผากกระสุนทะลุท้ายทอยด้านซ้าย และลูกกระสุนยังทะลุมาถูกลำคอของตน กระสุนฝังในก่อนจะหมดสติไป และมารู้สึกตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เบื้องต้นแพทย์ไม่สามารถผ่าเอาหัวกระสุนออกได้ เพราะฝังอยู่ในกล้ามเนื้อ ใกล้กับเส้นประสาท คงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจอีกหลายวัน
เผยชีวิตเหยื่อปืนชาวยโสฯ
ที่ จ.ยโสธร ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านมัน ปลา เลขที่ 223 ม.5 ต.กุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ซึ่งเป็นบ้านของนายพัน คำกอง อายุ 44 ปี เหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. พบเพียงนางฉัตร สุวเพ็ชร อายุ 63 ปี อยู่เลขที่ 140 ม.5 ต.กุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร เป็นแม่ยายของนายพัน ซึ่งปลูกบ้านอยู่คู่กับบ้านลูกเขยลูกสาว ลักษณะเป็นบ้านแบบชั้นเดียว ติดทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน
นางฉัตร กล่าวว่า ลูกสาวคือนางหนูชิด คำกอง พร้อมลูกๆ 4 คน และญาติพี่น้องทราบข่าวนายพันเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 พ.ค. จึงได้ประกอบพิธีเผาศพนายพัน ที่วัดในกทม. จะเป็นวัดอะไรนั้น ตนจำไม่ได้ และได้นำกระ ดูกนายพันกลับมาประกอบพิธีอุทิศส่วนกุศลที่บ้านเกิดในเช้าวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งตนและญาติพี่น้องได้นำกระดูกนายพันไปบรรจุอัฐิที่วัดป่าบ้านมันปลา ส่วนนางหนูชิด คำกอง ลูกสาวได้หอบเอกสารหลักฐานเดินทางไปติดต่อขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลที่ กทม. เมื่อวันที่ 26 พ.ค. จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้ติดต่อกลับมา
ทิ้งลูก4คนเผชิญชะตากรรม
นางฉัตร กล่าวว่า ที่บ้านยึดอาชีพทำนาปีละครั้ง และเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา หลังนายพันแต่งงานกับลูกสาวตนแล้ว ก็ได้อพยพไปทำงานที่ กทม. เพื่อหนีความแห้งแล้ง นางหนูชิด ลูกสาวทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. ส่วนนายพันลูกเขยเช่ารถแท็กซี่ หลายปีผ่านไปลูกเขยลูกสาวเก็บออมเงินมาสร้างบ้านให้ตน และบ้านเขาเองเพื่อให้ลูกเขา ซึ่งมีด้วยกัน 4 คน หญิง 1 คน ผู้ชาย 3 คน ได้อยู่เพื่อเรียนหนังสือ ปัจจุบันลูกชายคนโตเรียนที่วิทยาลัยโปลี จ.อำนาจเจริญ ลูกสาวคนรองเรียนชั้น ม.3 ที่โรงเรียนบ้านกุดแห่วิทยา ลูกชายเล็กอีก 2 คน เรียนชั้น ป.4 และชั้น ป.1 ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน ทุกวันหลานๆ ทั้ง 4 คน ต้องใช้เงินค่ารถค่าอาหารขณะไปเรียนหนังสืออย่างน้อยวันละ 60 บาท เมื่อลูกเขยซึ่งเป็นเสาหลักในการหาเงินจุนเจือครอบครัว มาเสียชีวิตลงลูกชายลูกสาวเขาที่กำลังเรียน คงเดือดร้อนแน่ ยิ่งเด็กชายสุพจน์ คำกอง อายุ 10 ขวบ ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.4 ป่วยมีโรคประจำตัว โรคหัวใจ โรคหืดหอบ ต้องไปหาหมอประจำใช้เงินมากคงเดือดร้อนอย่างหนัก ลำพังตนทำนาปีละครั้งคงไม่มีเงินพอจะพาหลานไปหาหมอบ่อยๆ
นางฉัตร ยังกล่าวถึงวันที่ลูกเขยเสียชีวิตโดยได้ฟังจากปากของนางหนูชิด ลูกสาวว่า ก่อนเกิดเหตุในวันที่ 15 พ.ค. นายพันนำรถแท็กซี่ไปจอดอู่เพื่อตรวจก่อนจะเดินทางไกลมาที่ยโสธร เพื่อมาส่งลูกๆ ทั้ง 4 คน ในช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ค. เพื่อเรียนหนังสือหลังลูกเขยลูกสาวมารับลูกไปอยู่ที่ กทม. ช่วงปิดเทอม ก่อนลูกเขยจะขับรถมาจอดที่อู่ นางหนูชิด ลูกสาวบอกว่านายพันได้ร้องบอกนายคมกริช คำกอง อายุ 18 ปี ลูกชายคนโตให้บอกน้องๆ ให้รอกินข้าวด้วยกันพ่อจะซื้อกลับข้าวมาด้วย และนางหนูชิดลูกสาวมาทราบจาก ร.พ.อีกทีว่าสามีเสียชีวิตแล้ว
องค์การนิรโทษฯขอร่วมสอบ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. องค์การนิรโทษกรรมสากล ในกรุงลอนดอน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดทางให้ทีมสอบสวนนานาชาติเข้าไปช่วยสอบสวนพิสูจน์ความจริงกรณีที่ทหารใช้กำลังต่อผู้ชุมนุม เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
เคลาดิโอ คอร์ดัน รักษาการเลขาธิการองค์การนิรโทษกรรมสากล กล่าวว่า ทางองค์การ วิตกถึงสถานการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และก่อนหน้านั้นทหารเผชิญกับผู้ชุมนุมที่ใช้อาวุธ แต่การตอบโต้ที่เราเห็นก็คือ กองทัพยิงใส่ผู้ชุมนุมแบบไม่เลือกหน้าในกลุ่มผู้ชุมนุม และมีบางกรณีที่เล็งเป้าหมายใส่ผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ นอกจากนี้ ยังไม่ทราบว่า มีผู้ชุมนุมจำนวนเท่าใดที่ถูกคุมขังอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งเสี่ยงต่อให้เกิดสภาพการละเมิดสิทธิ์ไม่ถูกลงโทษ ดังนั้นขั้นแรก รัฐบาลไทยต้องเปิดเผยว่า มีจำนวนคนเท่าใดกันแน่ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ และจำเป็นต้องมีการสอบสวนอย่างเหมาะสม รัฐบาลไทยอาจต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วยนานาชาติ เพื่อให้การสอบสวนเป็นอิสระและน่าเชื่อถือ
นายชวลิต กล่าวว่า ส่วนเรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและรัฐบาล นายเพิ่มสุข ยังไม่มีความคิดนี้ เพราะยังติดเรื่อง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่
ให้ญาติ6ศพวัดปทุมฯร้องเรียน
ที่กระทรวงยุติธรรม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวถึงการช่วยเหลือด้านกฎหมายและการเยียวยาด้านการเงินให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมเสื้อแดงว่า ขณะนี้กรมคุ้มครองสิทธิฯ อยู่ระหว่างการประสานขอข้อมูลรายชื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากศูนย์เอราวัณที่จัดทำไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัด สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระชับพื้นที่ของศอฉ.ทุกรายสามารถยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือและขอคําปรึกษาด้านกฎหมายต่อกรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้ ทั้งนี้ ผู้เสียหายที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ยื่นเรื่องได้ที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ ส่วนต่างจังหวัดยื่นได้ที่ยุติธรรมจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ และขณะนี้มีผู้ได้รับผลกระทบยื่นเรื่องแล้วกว่า 10 ราย และอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลในแต่ละรายอยู่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ชุมนุมและก่อการจลาจลหรือไม่
นางสุวณา กล่าวว่า ส่วนผู้เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม 6 ศพ ขณะนี้ยังไม่มีทายาทผู้เสียชีวิตเข้ามายื่นเรื่องร้องเรียน หากญาติผู้ตายต้องการขอความช่วยเหลือด้านกฎหมายก็สามารถมายื่นเรื่องได้ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อจะให้การช่วยเหลือต่อไป
พยานที่บาดเจ็บยัน-ทหารยิง
วันเดียวกัน นายเพิ่มสุข ใจเย็น อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 ถ.ราชทัณฑ์ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่ทหารกราดยิงจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอสใส่ผู้ชุมนุมในวัดปทุมวนาราม เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 พ.ค. เปิดเผยถึงเหตุการณ์ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเฉียดตายว่า วันเกิดเหตุตนอยู่หน้า รร.โฟร์ซีซั่นส์ กำลังเก็บข้าวของในเต็นท์นครพนม 52 ได้ยินเสียงปืนไล่หลังมาจึงขับรถกระบะโตโยต้า สีน้ำเงิน ของตน ทะเบียน บน 3862 ร้อยเอ็ด เลี้ยวเข้าวัดปทุมวนาราม จอดอยู่ในวัดห่างประตู 6-7 เมตร ขณะเข้าวัดเวลาประมาณ 16.30.-17.00 น. วันที่ 19 พ.ค. ก็ได้ยินเสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงนำรถมาจอดใกล้รถตู้สีขาว ของร.พ.วชิรพยาบาล และมีคนแอบรวมอยู่ด้วยประมาณ 3-4 คน ก่อนที่ทั้งหมดจะมุดเข้าใต้ท้องรถ ส่วนตนชะเง้อมองดูพบว่าที่สะพานรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นและเห็นทหาร 1 นายส่องปืนลงมา ก่อนยิงมาที่ตน กระสุนถูกโคนขาด้านขวา 1 นัด และก้นด้านขวา 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ จึงล้มตัวนอนกลิ้งเข้าไปหลบใกล้รถเข็น
เผยนาทีเหยื่อถูกยิงดับหน้าวัด
นายเพิ่มสุข กล่าวระบุว่า คนที่ยิงใส่ชุดทหาร คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงไล่หลัง 4-5 นัด ถ้าตนโผล่อาจจะถูกยิงซ้ำจนตาย พอพลบค่ำเสียงปืนจึงสงบ มีพระภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปช่วยพยุงร่างเข้าที่กำบังในวัด ก่อนนำไปทำแผลกับหน่วยพยาบาลในวัด แล้วส่งไปรักษาต่อที่ร.พ.ตำรวจ
นายเพิ่มสุข กล่าวต่อว่า ขณะถูกซุ่มยิงบนสะพานรางรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น ตนยังเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังวิ่งเข้ามาบริเวณหน้าวัด เป็นชาย ถูกยิงที่หน้าอก 1 นัด และลำคอ 1 นัด ผู้เห็นเหตุการณ์จึงช่วยอุ้มผู้บาดเจ็บเข้ามาในวัด พยาบาลอาสาพยายามปั๊มหัวใจไม่ถึง 5 นาที ชายคนดังกล่าวจึงเสียชีวิต
"ยืนยันว่าคนที่ยิงเป็นทหารร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะบิดาตนคือ ร.อ.สุชาติ ใจเย็น เคยรับราช การที่ ม.พัน.11 ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ก่อนย้ายมา ม.2 พัน.6 จ.ขอนแก่น ผมพบเห็นทหารและคลุกคลีมาแต่เด็กๆ หลังเกิดเหตุวันที่ 20 พ.ค. นอนรักษาตัวที่ร.พ.ตำรวจแล้วจึงถูกส่งตัวกลับ แล้วขับรถกระบะคู่ชีพกลับบ้านที่จ.นคร พนม แต่จนถึงขณะนี้ยังนอนไม่หลับ เกรงจะมีคน ตามมายิงซ้ำอีก
เผยแดงสุรินทร์ถูกยิงตาย5ศพ
ที่จ.สุรินทร์ นายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคไทยรักไทย ประธานที่ปรึกษากลุ่มเสื้อแดงสุรินทร์ เปิดเผยว่า มีคนเสื้อแดงสุรินทร์เสียชีวิตจากการชุมนุมที่กทม.ระหว่าง 10 เม.ย.-19 พ.ค. จำนวน 5 ราย คือนายสมพาน หลวงชม ราษฎรบ้านจาน ต.ทับใหญ่ อ.รัตนบุรี นายกิตติพงษ์ สมสุข ราษฎรต.หนองหลวง อ.โนนนารายณ์ นายสวาท วางาม ราษฎรอ.ชุม พลบุรี นายประจวบ ประจวบสุข ราษฎรบ้านกรูด ต.เมืองลิง อ.จอมพระ และนายชาติชาย ชาเหลา ราษฎรบ้านเจ้าคุณ ต.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เฉพาะนายชาติชาย จะฌาปนกิจศพในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ที่เมรุวัดบ้านเจ้าคุณ ผู้เสียชีวิตทุกราย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยค่าปลงศพ รายละ 100,000 บาท มูลนิธิไทยคม ช่วยค่าเคลื่อนย้ายศพรายละ 20,000 บาท ผู้เสียชีวิตรายใดที่มีบุตร มูลนิธิไทยคมจะให้ทุนเรียนจนจบปริญญาตรีทุกราย และในวันเสาร์ที่ 29 พ.ค.นี้ เวลา 15.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงสุรินทร์ทั้งจังหวัด จัดงานทำบุญมหาบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตทุกรายทั้งทหาร ตำรวจ นักข่าว และพี่น้องชาวเสื้อแดงทุกคน ที่บ้านสำโรง-หนองกา ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ โดยนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 99 รูป มาประกอบพิธี ขอเชิญชวนชาวเสื้อแดงสุรินทร์ทุกท่าน มาร่วมงานโดยทั่วกัน
คนเจ็บสุดท้ายของ"น้องหมู"แฉ
เมื่อเวลา 17.00 น. ที่โรงพยาบาลกลาง ชั้น 9 แผนกผู้ป่วยศัลยกรรมชายสามัญ นายกิติชัย แข็งขัน อายุ 40 ปี เหยื่อคมกระสุนจากเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค. นายกิติชัย อยู่ในสภาพเหนื่อยและอิดโรยเจ็บบาดแผลอยู่บนเตียงคนไข้ พร้อมเล่าถึงนาทีชีวิตที่รอดตายมาได้ว่า ตนมีอาชีพทำงานก่อสร้าง ทำงานก่อสร้างอยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังเลิกงานตนจะลงมาหาเพื่อนที่เดินทางมาร่วมชุมนุม ตั้งเต็นท์จังหวัดขอนแก่น เพื่อมาพูดคุยกินข้าวกันตามปกติ หลังจากนั้นตนก็จะกลับไปนอนในแคมป์ที่พักคนงาน ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 19 พ.ค. นั้นตนก็ทราบว่าจะมีทหารเข้ามาบุกขอพื้นที่คืน และก็ได้ยินเสียงระเบิดและยิงปืนกันทั้งวัน จนกระทั่งได้ยินเสียงแกนนำออกประกาศว่าขอสลายการชุมนุม จนเย็นตนคิดว่าเรื่องต่างๆ คงจบไปแล้วไม่มีเหตุอะไรบานปลาย จึงได้เดินไปหาเพื่อน ทั้งนี้ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อตนเดินมาถึงจวนใกล้ถึงวัดปทุมวนาราม ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ตนรู้สึกตกใจกลัวมากและยังมีประชาชนคนอื่นๆ อีกหลายคนต่างก็วิ่งเข้าไปหลบในวัดปทุมวนาราม ตนรีบเข้าหาที่กำบังนอนราบหมอบกับพื้นใต้รถกระบะคันหนึ่งที่จอดอยู่ในวัด แต่เสียงปืนก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีกระสุนนัดหนึ่งมาโดนที่บริเวณหลังขวา ขณะที่ตนนอนหมอบอยู่รู้สึกทันทีว่าเจ็บบริเวณดังกล่าว ตนจึงได้ยกมือขวาร้องตะโกนบอกว่ายอมแล้ว แต่ก็ถูกยิงเข้าที่มือขวาอีกหนึ่งนัด และก็ได้ยินเสียงทหารบอกว่า ให้ออกมา ออกมา ตนจึงกัดฟันวิ่งไปหาทหาร และถูกทหารสั่งให้ถอดเสื้อออกและให้ยกมือขึ้น ก่อนจะสั่งให้วิ่งเข้าไปในวัดปทุมวนารามทั้งที่ตนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตนตกใจกลัวมาก จึงรีบวิ่งไม่คิดชีวิตจนไปพบกับเต็นท์พยาบาล และมีพยาบาลหญิงคนหนึ่ง ได้ให้ความช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่ตนจะสลบไป และเพิ่งจะมาทราบภายหลังว่า พยาบาลดังกล่าวที่ช่วยเหลือตนมาถูกยิงเสียชีวิตไป ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แฉอีก-นาทีการ์ดถูกยิงล้มทั้งยืน
นอกจากนี้ นายภัสพล ไชยพงษ์ อายุ 40 ปี อาชีพค้าขายและอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมในวันสลายการชุมนุมด้วยและถูกยิงได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนขายของอยู่บริเวณใต้รถไฟฟ้าราชดำริ ขณะนั้นกำลังเก็บร้านอยู่ แต่ได้มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกยิง 2 ราย และมีหน่วยกู้ภัยบอกให้ตนช่วยเหลือ ขับรถจักรยานยนต์กุยทางเพื่อนำคนเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนได้ขับรถพาไปส่งแล้วถึง 3 เที่ยว จากนั้นก็ได้มาจอดรถอยู่ที่เดิม ขณะนั้นตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ โดยที่บริเวณที่ตนอยู่นั้นมีการ์ดนปช.คนหนึ่งยืนอยู่กับตนด้วย ก่อนได้ยินเสียงกระสุนดังขึ้นหนึ่งนัด ก่อนที่การ์ดนปช.คนดังกล่าวจะล้มทั้งยืนลงมาทับร่างตน และพบว่าการ์ดนปช.คนดังกล่าว ถูกยิงเข้าหน้าผากกระสุนทะลุท้ายทอยด้านซ้าย และลูกกระสุนยังทะลุมาถูกลำคอของตน กระสุนฝังในก่อนจะหมดสติไป และมารู้สึกตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เบื้องต้นแพทย์ไม่สามารถผ่าเอาหัวกระสุนออกได้ เพราะฝังอยู่ในกล้ามเนื้อ ใกล้กับเส้นประสาท คงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจอีกหลายวัน
เผยชีวิตเหยื่อปืนชาวยโสฯ
ที่ จ.ยโสธร ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านมัน ปลา เลขที่ 223 ม.5 ต.กุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ซึ่งเป็นบ้านของนายพัน คำกอง อายุ 44 ปี เหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. พบเพียงนางฉัตร สุวเพ็ชร อายุ 63 ปี อยู่เลขที่ 140 ม.5 ต.กุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร เป็นแม่ยายของนายพัน ซึ่งปลูกบ้านอยู่คู่กับบ้านลูกเขยลูกสาว ลักษณะเป็นบ้านแบบชั้นเดียว ติดทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน
นางฉัตร กล่าวว่า ลูกสาวคือนางหนูชิด คำกอง พร้อมลูกๆ 4 คน และญาติพี่น้องทราบข่าวนายพันเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 พ.ค. จึงได้ประกอบพิธีเผาศพนายพัน ที่วัดในกทม. จะเป็นวัดอะไรนั้น ตนจำไม่ได้ และได้นำกระ ดูกนายพันกลับมาประกอบพิธีอุทิศส่วนกุศลที่บ้านเกิดในเช้าวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งตนและญาติพี่น้องได้นำกระดูกนายพันไปบรรจุอัฐิที่วัดป่าบ้านมันปลา ส่วนนางหนูชิด คำกอง ลูกสาวได้หอบเอกสารหลักฐานเดินทางไปติดต่อขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลที่ กทม. เมื่อวันที่ 26 พ.ค. จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้ติดต่อกลับมา
ทิ้งลูก4คนเผชิญชะตากรรม
นางฉัตร กล่าวว่า ที่บ้านยึดอาชีพทำนาปีละครั้ง และเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา หลังนายพันแต่งงานกับลูกสาวตนแล้ว ก็ได้อพยพไปทำงานที่ กทม. เพื่อหนีความแห้งแล้ง นางหนูชิด ลูกสาวทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. ส่วนนายพันลูกเขยเช่ารถแท็กซี่ หลายปีผ่านไปลูกเขยลูกสาวเก็บออมเงินมาสร้างบ้านให้ตน และบ้านเขาเองเพื่อให้ลูกเขา ซึ่งมีด้วยกัน 4 คน หญิง 1 คน ผู้ชาย 3 คน ได้อยู่เพื่อเรียนหนังสือ ปัจจุบันลูกชายคนโตเรียนที่วิทยาลัยโปลี จ.อำนาจเจริญ ลูกสาวคนรองเรียนชั้น ม.3 ที่โรงเรียนบ้านกุดแห่วิทยา ลูกชายเล็กอีก 2 คน เรียนชั้น ป.4 และชั้น ป.1 ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน ทุกวันหลานๆ ทั้ง 4 คน ต้องใช้เงินค่ารถค่าอาหารขณะไปเรียนหนังสืออย่างน้อยวันละ 60 บาท เมื่อลูกเขยซึ่งเป็นเสาหลักในการหาเงินจุนเจือครอบครัว มาเสียชีวิตลงลูกชายลูกสาวเขาที่กำลังเรียน คงเดือดร้อนแน่ ยิ่งเด็กชายสุพจน์ คำกอง อายุ 10 ขวบ ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.4 ป่วยมีโรคประจำตัว โรคหัวใจ โรคหืดหอบ ต้องไปหาหมอประจำใช้เงินมากคงเดือดร้อนอย่างหนัก ลำพังตนทำนาปีละครั้งคงไม่มีเงินพอจะพาหลานไปหาหมอบ่อยๆ
นางฉัตร ยังกล่าวถึงวันที่ลูกเขยเสียชีวิตโดยได้ฟังจากปากของนางหนูชิด ลูกสาวว่า ก่อนเกิดเหตุในวันที่ 15 พ.ค. นายพันนำรถแท็กซี่ไปจอดอู่เพื่อตรวจก่อนจะเดินทางไกลมาที่ยโสธร เพื่อมาส่งลูกๆ ทั้ง 4 คน ในช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ค. เพื่อเรียนหนังสือหลังลูกเขยลูกสาวมารับลูกไปอยู่ที่ กทม. ช่วงปิดเทอม ก่อนลูกเขยจะขับรถมาจอดที่อู่ นางหนูชิด ลูกสาวบอกว่านายพันได้ร้องบอกนายคมกริช คำกอง อายุ 18 ปี ลูกชายคนโตให้บอกน้องๆ ให้รอกินข้าวด้วยกันพ่อจะซื้อกลับข้าวมาด้วย และนางหนูชิดลูกสาวมาทราบจาก ร.พ.อีกทีว่าสามีเสียชีวิตแล้ว
องค์การนิรโทษฯขอร่วมสอบ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. องค์การนิรโทษกรรมสากล ในกรุงลอนดอน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดทางให้ทีมสอบสวนนานาชาติเข้าไปช่วยสอบสวนพิสูจน์ความจริงกรณีที่ทหารใช้กำลังต่อผู้ชุมนุม เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
เคลาดิโอ คอร์ดัน รักษาการเลขาธิการองค์การนิรโทษกรรมสากล กล่าวว่า ทางองค์การ วิตกถึงสถานการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และก่อนหน้านั้นทหารเผชิญกับผู้ชุมนุมที่ใช้อาวุธ แต่การตอบโต้ที่เราเห็นก็คือ กองทัพยิงใส่ผู้ชุมนุมแบบไม่เลือกหน้าในกลุ่มผู้ชุมนุม และมีบางกรณีที่เล็งเป้าหมายใส่ผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ นอกจากนี้ ยังไม่ทราบว่า มีผู้ชุมนุมจำนวนเท่าใดที่ถูกคุมขังอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งเสี่ยงต่อให้เกิดสภาพการละเมิดสิทธิ์ไม่ถูกลงโทษ ดังนั้นขั้นแรก รัฐบาลไทยต้องเปิดเผยว่า มีจำนวนคนเท่าใดกันแน่ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ และจำเป็นต้องมีการสอบสวนอย่างเหมาะสม รัฐบาลไทยอาจต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วยนานาชาติ เพื่อให้การสอบสวนเป็นอิสระและน่าเชื่อถือ