WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, May 28, 2010

เคอร์ฟิวทำพิษ ‘ธุรกิจภาพยนตร์’…?!!

ที่มา บางกอกทูเดย์



แม้ว่าสุดท้าย รัฐบาลจะตัดสินใจหดระยะเวลาการประกาศเคอร์ฟิว จาก 7 วัน ลดเหลือเพียง 4 วัน แต่ผลพวงจากการต่ออายุการประกาศ เคอร์ฟิว ออกไปจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ที่เป็น “วันวิสาขบูชา” ด้วยเหตุผลและความจำเป็นว่า “สถานการณ์ยังดูไม่น่าไว้วางใจ” ทำให้มนุษย์กลางคืนที่มีวิถี “หาค่ำกินเช้า” และอีกผู้ประกอบการธุรกิจยามกลางคืน รวมถึงธุรกิจบันเทิงทั้งหลาย ยังต้องนอนก่ายหน้าผาก เอาน้ำลูบท้องต่อไป ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูล พบว่า ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเคอร์ฟิวหลักๆ ได้แก่ ธุรกิจ

ในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เช่น ผับ เธค, ร้านอาหาร ทั้งประเภทโต้รุ่ง แผงลอยริมฟุตบาธที่เปิดบริการตอนกลางคืน, ห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมถึงธุรกิจ “โรงภาพยนตร์” ที่คนส่วนใหญ่กำหนดไว้เป็นจุดหมายปลายทางเพื่อผ่อนคลายความเครียดในชีวิตประจำวันหลังเลิกงาน ซึ่งหากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์จะคึกคัก

กันแทบทั้งวัน แต่หากเป็นวันธรรมดา รายได้หลักก็ล้วนแล้วแต่มาจากเวลาในช่วงย่ำค่ำเป็นต้นไป ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา “ธุรกิจภาพยนตร์” สามารถพลิกวิกฤติความสับสนวุ่นวายทางการเมืองให้เป็นโอกาสได้อยู่เสมอ แม้ว่าธุรกิจบันเทิงในสาขาอื่นๆ จะเจ๊งกันไปแบบระเนระนาดด้วยกลไกด้านความเชื่อมั่น

ในความปลอดภัย แต่ทว่า ธุรกิจภาพยนตร์กลับเอาตัวรอดไปได้แทบทุกครั้ง จึงไม่แปลกที่จะทำให้คนในแวดวงภาพยนตร์ไทย...มองการเมืองเป็นเรื่องที่ยังไกลตัว แต่นั่น คงไม่เหมาะจะใช้อธิบายกับสถานการณ์ความเป็นไปของธุรกิจภาพยนตร์ไทยในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรีไทย เจ้าของสถิติใหม่ในยุค “พฤษ

ภามหากาฬ” เพราะปัจจุบันสถานการณ์ของหนังไทยเริ่มฉายแวววิกฤติให้เห็น โดยภาพยนตร์หลายเรื่องต้องถูกเลื่อนฉายออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่โรงภาพยนตร์หลายโรงในย่านใจกลางกรุง เริ่มมีรายได้การจำหน่ายตั๋วลดลงจากการตกเป็นทางเลือกสำรอง เมื่อคนส่วนใหญ่หันไปดูภาพยนต์ในโรงภาพยนต์ที่

ไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีรายงานข่าวในมุมบวก ที่พอเป็นกำลังใจหล่อเลี้ยงให้คนในธุรกิจภาพยนตร์ได้ชื่นใจอยู่บ้าง เมื่อ "เผด็จ หงษ์ฟ้า" บอสใหญ่ เอ็มพิคเจอร์สฯ ระบุว่า ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2553 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รายได้จากภาพยนต์ยังเติบโตได้ดี แม้ว่าจะมีปัญหาความขัด

แย้งทางการเมืองที่บานปลายจนรัฐบาลต้องประกาศให้เป็นวันหยุดยาว ก็ส่งผลกระทบกับโรงภาพยนตร์ในพื้นที่เสี่ยงเพียงเท่านั้น ทั้งนี้ ยังเชื่อมั่นว่าปัญหาทางการเมือง จะไม่ส่งผลกระทบกับธุรกิจภาพยนต์หรือธุรกิจบันเทิงมากนัก แม้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ จะยังไม่โดนพิษภัยจากการเมืองเล่นงานจนอ่วม แต่เชื่อแน่ว่า

ผู้ประกอบธุรกิจในสายนี้ คงไม่มีใครอยากให้การประกาศเคอร์ฟิวยืดเยื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พรพรรคกลุ่มคนหาค่ำกินเช้า” ทั้งหลาย ที่ยังคงรอและเปี่ยมไปด้วยความหวังว่ารัฐบาลจะปลดล็อกเวลา ให้ได้ออกมาทำมาหากินตามวิถีอย่างปกติสุขได้โดยเร็วที่สุด