ที่มา ไทยรัฐ กรณีรัฐสวัสดิการหรือนโยบาย อภิมหาประชานิยม ในขณะนี้ จะได้เนื้อได้น้ำหรือจะเป็นแค่ การสร้างภาพตามฤดูกาล ของรัฐบาล ต้องติดตามกันต่อไป ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ให้โบนัสข้าราชการ มาตรการลดค่าครองชีพ เยอะแยะไปหมด ส่วนจะนำมาปฏิบัติได้แค่ไหน เป็นอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่อง ดูอย่างการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบย่านราชประสงค์นั่นปะไร พอชาวบ้านออกมาโวยก็หาโครงการอื่นมาล่อตาล่อใจกันต่อไป
มีหลายสิบโครงการประชานิยมที่เงียบไปพร้อมกับ ความไม่ ชอบมาพากล อาทิ ต้นกล้าอาชีพ ตามใช้หนี้กันหมดหรือยังก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหน ซึ่งอันที่จริงชาวบ้าน ไม่ได้ต้องการอะไรที่เกินขีดความสามารถของรัฐบาล เอาแค่มาตรฐานการครองชีพในพื้นฐานเบื้องต้นให้มีประสิทธิภาพก็พอแล้ว เรื่องปากท้องชาวบ้านสำคัญที่สุด
ไม่ใช่ปล่อยให้ไข่แพงได้ลงคอ
จะมาอ้างเหตุผลว่าจะได้เป็นประโยชน์กับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ ดูจะหน่อมแน้มไปหน่อย ชาวบ้านที่เลี้ยงไก่ทั่วไปก็ไม่ได้ประโยชน์ อะไรในระยะเวลาสั้นๆ ที่ไข่ราคาแพงขึ้นเป็นไปตามฤดูกาลเท่านั้น เพราะถ้าจะพูดถึงเรื่องการขาดทุนของผู้เลี้ยงไก่แล้ว ขาดทุนมาโดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
จะช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ก็เป็นอีกเรื่อง จะแก้ปัญหาเรื่องไข่แพงก็ต้องแก้อีกประเด็น ซึ่งกลไกของตลาดไม่มีอะไรพิสดาร ระหว่างดีมานด์กับซัพพลาย เป็นตัวกำหนดราคาไข่ในตลาดอยู่แล้ว
ปัจจุบัน มีแม่ไก่อยู่ประมาณ 35-36 ล้านตัว ลดลงประมาณร้อยละ 20 ปริมาณไข่ไก่ในประเทศอยู่ที่ประมาณ 25-26 ล้านฟองต่อวัน จากเดิม 28-30 ล้านฟองต่อวัน ย่อมต้องส่งผลกระทบแน่นอน และที่มีอะไรมากกว่านั้นก็คือ ที่มาของแม่ไก่ ว่ากันว่ามีบริษัทที่นำเข้าแม่ไก่อยู่ไม่กี่ราย แถมราคายังสูงขึ้นด้วย
ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้กันทั้งระบบ
รัฐบาลจะต้องช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้กับผู้บริโภคที่กำลังเดือดร้อนเรื่องปากท้องอย่างไรมากกว่า ก็ต้องโทษกระทรวงพาณิชย์ของ คุณพรทิวา นาคาศัย การบริหารงานจะอื้อฉาวอย่างไร จะทำงานเป็นหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง จะมัวนั่งแถลงข่าวตัวเลขส่งออกนำเข้า จะวุ่นวายกับโควตาข้าว น้ำตาล มันสำปะหลังก็ไม่ว่ากัน
แต่ชาวบ้านต้องไม่เดือดร้อนจากการขึ้นราคาสินค้าโดยไม่เป็นธรรม การนำนโยบายประชานิยมมาเพื่อเป็นประโยชน์ทางการเมืองย่อมจะผิดความมุ่งหมายเพราะไม่ต่างอะไรจากการนำงบประมาณมาใช้หาเสียงกับชาวบ้านชั่วคราวเท่านั้น ไม่ยั่งยืน แม้รัฐบาลชุดนี้จะพยายามลอกเลียนแบบนโยบายประชานิยมของรัฐบาลอื่นมาใช้ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ ปัญหาอยู่ที่ว่าใช้เป็นหรือเปล่าเท่านั้น หรือตั้งใจตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ.