ที่มา ข่าวสด
จุดเทียนสีแดงบุกสำนักงานคณะกรรมการสิทธิฯ เรียกร้องจี้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉิน-ปล่อยตัวบ.ก. ลายจุด"สมบัติ บุญงามอนงค์" ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข "เทือก" ระบุจะยกเลิกพ.ร.ก.หรือไม่ ต้องฟังศอฉ.ประเมินก่อน แต่ในกทม.ต้องคงไว้อ้างสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ กมธ.การคลังเรียกปปง. ชี้แจงอายัดบัญชีเครือข่ายแม้ว-นักธุรกิจ ไล่ไปสอบเส้นทางการเงินเจ้าหน้าที่ศอฉ.ตบทรัพย์นักธุรกิจด้วย ส.ส.กรุง-ญาติโวยราชทัณฑ์แยกขังแกนนำนปช.หลัง "ก่อแก้ว"ได้ลงสมัครซ่อมส.ส.
จี้ปล่อย - กลุ่ม 24 มิถุนายนฯ ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิฯ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และปล่อยตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ"บ.ก.ลายจุด" นักกิจกรรมทางสังคม เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.
-เทือกอ้างกทม.ต้องคงฉุกเฉิน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดรัฐบาลจะใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แทน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่เราจะประเมินสถานการณ์จากรายงานของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละฝ่าย เช่น ผู้ว่าฯ กระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด แม่ทัพภาค รวมทั้งผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละพื้นที่ เมื่อประเมินสถาน การณ์ในทุกพื้นที่แล้วเห็นว่าในพื้นที่จังหวัดใดที่เราดูแลสถานการณ์ไว้ด้วยกฎหมายปกติ จะเป็นพื้นที่ชุดแรกที่เราจะประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยังไม่มีแนวคิดใช้มาตรการอื่นเข้ามาทดแทน
เมื่อถามว่าในพื้นที่กทม.ยังต้องคงพ.ร.ก.ฉุก เฉินไว้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าในพื้นที่กทม. ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่เมื่อทำงานในระบบกรรมการ ต้องฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ทั้งนี้ พื้นที่กทม.มีความล่อแหลม หากเรารีบร้อนยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่ายที่จ้องรอเวลาอยู่จะออกมาสร้างปัญหาได้ ขณะนี้มีรายงานข่าวทุกวันว่ายังมีความเคลื่อนไหวและรวมกลุ่มกัน โดยอ้างว่าทำบุญบ้าง มีงานเลี้ยงบ้าง มีการปลุกระดมในกลุ่มพวกเดียวกัน ซึ่งเราเห็นว่ายังเป็นปัญหาอยู่
เมื่อถามว่ามีข่าวศอฉ.จะทดลองยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ในบางจังหวัด เพื่อดูว่าจะมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะตัดสินใจ การที่คนมีความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่การทำร้ายประเทศชาติด้วยการสร้างความวุ่นวายก่อเหตุร้ายอย่างนี้ ประเทศไหนก็ยอมไม่ได้
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้ง วัฒนะ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย พร้อมคณะประมาณ 20 คน ได้เดินจุดเทียนสีแดง จากด้านล่างของอาคารบี ศูนย์ราชการ ขึ้นมาจนถึงชั้น 6 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เพื่อขอให้มีมติให้รัฐบาลยกเลิกการขยายเวลาการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมเรียกร้องให้กรรมการสิทธิฯ ประสานรัฐบาลปล่อยตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข โดยมีน.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง สิทธิการเมือง และสิทธิชุมชน เป็นผู้รับหนังสือ
นายสมยศกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้กรรมการสิทธิฯ ประสานกับรัฐบาล เพื่อให้ยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพราะพ.ร.ก.ไม่สามารถแก้ไขสถาน การณ์บ้านเมืองและไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ซึ่งเหตุการณ์รุนแรงที่ผ่านมา ทั้งหมดไม่เกี่ยวกับพ.ร.ก.เลย เพราะพ.ร.ก.ล้มเหลวแต่ต้น และการที่รัฐบาลจะขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเพียงเพื่อการขยายขอบเขตของอำนาจและใช้ละเมิดสิทธิของผู้ชุมนุม รวมทั้งนำมาเป็นเหตุจับกุมนายสมบัติ เพียงเพราะนายสมบัติและกลุ่มเฟซบุ๊ก ทำกิจกรรมแสดงออกทางการเมืองที่แยกราชประสงค์ แสดงให้เห็นว่าคุกคามเสรีภาพการชุมนุมโดยสันติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และสูญเสียเสรีภาพ ถูกควบคุมตัว พวกเราห่วงใยและอยากให้กรรมการสิทธิฯ เร่งรัดเพื่อปล่อยตัวนายสมบัติ
ดูในคุก - นางสาวสุณีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมทนายแกนนำนปช.นำโปสเตอร์หาเสียงและเจ้าหน้าที่ธนาคารมาพบนายก่อแก้ว พิกุลทอง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อให้เปิดบัญชีธนาคารในการหาเสียงเลือกตั้งเขต 6
-อัดกก.สิทธิฯช้า-ไร้ประสิทธิภาพ
นายสมยศ กล่าวว่า หากยังคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ เชื่อว่าจะเกิดความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และประชาชนไม่สามารถออกมาชุมนุมได้ ซึ่งเป็นการเสียสิทธิเสรีภาพ ถูกจำกัดทางการเมือง ทำให้ทุกข์ทรมานทางจิตใจ จึงอยากให้กรรมการสิทธิฯ ปฏิบัติหน้าที่อย่างสมบูรณ์ เพราะที่ผ่านมากรรมการสิทธิฯ ทำงานล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หนังสือที่ยื่นในวันนี้มีการลงลายมือชื่อของประชาชน 700 คน และหลังจากยื่นหนังสือให้กรรมการสิทธิฯ แล้ว ตนจะไปยื่นหนังสือต่อสถานทูตต่างๆ เพื่อให้ช่วยกดดันให้รัฐบาล เพื่อให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายสมยศ ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ต้องจุดเทียนมาพบกรรมการสิทธิฯ ครั้งนี้ เพราะสังคมไทยขาดเสรีภาพ เข้าสู่ยุคมืดบอด ทั้งยังถูกปิดกั้นข่าวสาร จึงหวังให้แสงเทียนนี้นำความสว่างให้กรรมการ ซึ่งถือเป็นที่พึ่งสุดท้าย เพื่อให้ออกมาทำหน้าที่ปกป้องสิทธิประชาชนอย่างจริงจัง เนื่องจากที่ผ่านมาทำงานไม่เต็มที่ ไม่มีประสิทธิ ภาพ การเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ์โดยเฉพาะคนเสื้อแดงนั้น เห็นได้ชัดว่ามีความล่าช้ากว่าจะช่วยได้คงสิ้นลมก่อน หรือเรื่องที่ตนถูกนำไปควบคุมตัวที่ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ร้องเรียนไปตั้งแต่ตอนโดนนำไปขัง จนถึงตอนนี้ถูกทหารปล่อยตัวออกมาตั้งนาน เรื่องยังค้างอยู่ในการพิจารณาของกรรมการทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ประสานกับรัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้
-"นิรันดร์"รับ-ใช้กม.ละเมิดสิทธิ
ด้านน.พ.นิรันดร์ กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรรมการสิทธิฯ ได้ติดตามรวบรวมข้อมูลหลักฐาน เพื่อตรวจสอบการละเมิดสิทธิตามการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และที่ผ่านมาซึ่งมีการควบคุมตัวประชาชนและแกนนำ เราได้ประสานและเข้าพบไม่ว่าจะเป็นนายสมยศ นายสมบัติ และในวันศุกร์ที่ 2 ก.ค. ตนได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เพื่อขอเข้าพบผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทั้งประชาชน และแกนนำคนเสื้อแดง
น.พ.นิรันดร์ กล่าวว่า ภายใน 1-2 วันนี้ กรรมการสิทธิฯ จะเร่งสรุปการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่าไปกระทบ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไรบ้าง เพราะที่ผ่านมาได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ทั้งเจ้าหน้าที่ ศอฉ.และตัวแทนของนายสุเทพ เราจะดูว่ากฎหมายฉบับนี้ละเมิดสิทธิทางการเมืองของประชาชนและขัดแย้งต่อนโยบายปรองดอง จนเป็นเหตุให้ละเมิดสิทธิประชาชนหรือไม่ อีกทั้งเราจะลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั้งอุดรธานี มุกดาหาร อำนาจ เจริญ เชียงใหม่ เชียงราย เพื่อติดตามว่ามีเจ้าหน้าที่ละเมิดสิทธิประชาชนหรือไม่ และยืนยันว่า กรรมการสิทธิฯ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการต่อสู้ภาคประชาชนเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพโดยใช้แนวทางสันติวิธี
"เท่าที่คุยกันในอนุกรรมการฯ ก็เห็นตรงกันว่าการจับกุมตัวนายสมบัตินั้น ใช้กฎหมายที่ ละเมิดสิทธิทางการเมืองของประชาชน" น.พ. นิรันดร์กล่าว
-แฟนคลับณัฐวุฒิ-แห่เยี่ยมแน่น
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 10.00 น. นางศรีวิไล ประสุตานนท์ ภรรยานายวีระ มุสิกพงศ์, นางธิดา ถาวรเศรษฐ ภรรยาน.พ.เหวง โตจิราการ และนางศิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เดินทางเข้าเยี่ยมที่เรือนจำ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกลุ่มทนายความ นปช.นำโดยนายคารม พลทะกลาง และทีมงานพรรคเพื่อไทย เข้ามาหารือกับแกนนำ โดยเฉพาะนายก่อแก้ว พิกุลทอง ซึ่งทนายความได้พาเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาราชวัตร มาพบเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายหาเสียง เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าห้องเยี่ยมเมื่อช่วงเช้า มีกลุ่มเสื้อแดงและแฟนคลับของนายณัฐวุฒิ มาเยี่ยมมากกว่าทุกวัน จำนวนหลายร้อยคน ในจำนวนนี้มีผู้นำชุดนักมวย ประกอบด้วยกางเกงมวย และนวม มาฝากเจ้าหน้าที่ เพื่อส่งมอบให้นายณัฐวุฒิ แต่ทางเรือนจำไม่อนุญาต เพราะผิดระเบียบจึงนำกลับไป ส่วนอาหารที่ทางเรือนจำจัดเตรียมไว้ให้กับแกนนำนปช.ในช่วงเช้าและบ่ายวันนี้ มื้อเช้า แกงส้มปลากระบอก กับข้าวสวย ส่วนมื้อกลางวันเป็นราดหน้า เส้นใหญ่ ส่วนการเยี่ยมแกนนำ นปช.นั้น วันเดียวกันนี้ทางเรือนจำได้จัดใหม่ โดยผู้ที่ต้องการเยี่ยมแกนนำทุกคนจะต้องมาลงทะเบียนเยี่ยม จันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-10.40 น. เพื่อเข้าเยี่ยมในเวลา 11.00-11.20 น. หยุดเสาร์และอาทิตย์
ด้านนายคารม กล่าวว่า การยื่นฟ้องรัฐบาลและผู้ที่ออกมากล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายนั้น คาดว่าสัปดาห์หน้าจะยื่นฟ้องได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานอยู่
-โวยแยกขังแกนนำคนละแดน
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากนายก่อแก้ว ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขต 6 กทม.เสร็จแล้ว ปรากฏว่าเรือนจำได้กระจายย้ายแกนนำนปช.ไปคุมขังในแดนต่างๆ แม้จะไม่ผิดระเบียบ แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่าแกนนำนปช.ควรได้อยู่ร่วมกันในแดน 1 แต่ขณะนี้ได้กระจายกันหมด โดยนายณัฐวุฒิและนายสมบัติ นาคทอง อยู่แดน 3 นายวีระ นายสมชาย ไพบูลย์ นายภูมิกิตติ สุขจินดาทอง อยู่แดน 4 นายนิสิต สินธุไพร นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อยู่แดน 5 นายวิภูแถลง พัฒนาภูมิไท และน.พ.เหวง โตจิราการ อยู่แดน 6 ส่วนนายก่อแก้ว นายอำนาจ อินทโชติ และนายขวัญชัย สาระคำ หรือไพรพนา อยู่แดน 8
นางธิดา กล่าวว่า กรณีที่เรือนจำ ได้สั่งแยกขังแกนนำ นปช.กระจายไปตามแดนต่างๆ นั้นตนไม่เห็นด้วย ควรจะย้ายมาอยู่รวมกันเหมือนเดิมเพราะจะง่ายต่อการเข้าเยี่ยม ส่วนที่นายก่อแก้ว ลงสมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.นั้นตนสนับ สนุน เพราะจะทำให้พวกเรามีเวทีเล็กๆ ได้แสดงออกทางการเมือง ส่วนจะแพ้หรือชนะก็เป็นหน้าที่ของประชาชนในการตัดสินใจเลือก
-สภาจี้ปปง.สอบศอฉ.ตบทรัพย์
ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการเศรษฐกิจจุลภาค สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญตัวแทนศอฉ.และกรมสอบสวนคดีพิเศษมาชี้แจงกรณีออกคำสั่งห้ามทำธุรกรรมของบุคคล 83 ราย แต่ปรากฏว่า ศอฉ.และดีเอสไอไม่ได้มาชี้แจง มีเพียงพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาชี้แจง ซึ่งน่าสนใจกรณีการออกคำสั่งห้ามทำธุรกรรมของของศอฉ.และดีเอสไอ ไม่ได้ใช้กฎหมายตรวจสอบทรัพย์สินของปปง. แต่ใช้อำนาจตามประกาศของศอฉ.จึงถือเป็นการกระทำที่เหมือนเด็กเล่นขายขนม ขาดความรอบคอบ
"ประกาศของศอฉ.ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้บุคคลที่ถูกห้ามทำธุรกรรมเกิดความเดือดร้อน ขณะที่เกิดการตบทรัพย์บริษัทเอกชนที่ถูกขึ้นบัญชีห้ามทำธุรกรรม โดยบอกว่าหากใครต้องการหลุดจากบัญชีห้ามทำธุรกรรม ต้องยอมให้ตบทรัพย์ เรื่องดังกล่าวกรรมาธิการจึงขอให้ปปง.ช่วยตรวจสอบเจ้าหน้าที่ศอฉ.และดีเอสไอว่า มีใครร่ำรวยผิดปกติภายหลังการออกคำสั่งนี้หรือไม่ วันนี้ครอบครัวและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งดังกล่าว ทำให้บริษัทไม่สามารถประกอบธุรกรรมได้" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การที่ดีเอสไออ้างว่ามีการไหลเวียนถอนเงินจากบัญชีคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ โดยกล่าวหาว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยง เลขาธิการปปง.ชี้แจงว่า ไม่ได้ศึกษาเรื่องการไหลเวียนผิดปกติของบัญชีเงินดังกล่าวว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงหรือไม่ หรือมีความเกี่ยวข้องกับการถอนเงินมาสนับสนุนการชุมนุม
"หลังการอายัดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ 4.6 หมื่นล้านบาท เหลืออีก 3 หมื่นล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ แต่ปรากฏว่ามีข่าวมีเม็ดเงินหมุนเวียนของกระแสเงินกว่าแสนล้านบาทในระบบ จึงเป็นที่สงสัยทำให้กรรมาธิการต้องขอให้ ปปง.ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ด้วย" นายสุรพงษ์กล่าว
-ครอบครัวชินวัตรส่งทนายชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าชี้แจงธุรกรรมการเงินต้องสงสัยต่อพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ 4 หน่วยงาน ประกอบด้วยกรมสรรพากร ดีเอสไอ ปปง. และป.ป.ส. ในวันที่สอง ของครอบครัวในตระกูลชินวัตรยังคงส่งทนายความมาเป็นตัวแทน โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่งนายวีรภัทร์ ศรีชัยยา ทนายความเป็นตัวแทนมาชี้แจง เช่นเดียวกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และนางกาญจนาภา หงส์เหิน และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ขณะที่นางเยาวเรศ ชินวัตร ส่งหนังสือขอเลื่อนนัดเข้าให้ข้อมูล ส่วนของนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. และนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง
นายวิชาญ เปิดเผยภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ขอเวลาจัดเตรียมเอกสารเพื่อนำเข้าชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 21 ก.ค. นี้ เนื่องจากเป็น การใช้จ่ายเงินย้อนหลังในช่วง 9 เดือนที่แล้ว ยืนยันว่าที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้มีการถอนเงินสดออกจากธนาคาร โดยบัญชีเงินฝากที่ถูกระบุเป็นบัญชีต้องสงสัยมีอยู่ 2-3 บัญชี และไม่มีรายการค่าใช้จ่ายที่ผิดปกติ จึงมั่นใจว่าจะชี้แจงให้พนักงานสอบสวนสิ้นข้อสงสัยได้
-เผยบัญชี"อุ๊งอิ๊ง"ถูกอายัดเรียบ
ด้านนายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความของน.ส.พิณทองทา เปิดเผยหลังเข้าชี้แจงว่า ได้ชี้แจงความเคลื่อนไหวทางการเงินของน.ส.พิน ทองทา รวม 4 บัญชี โดยยืนยันว่าไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติใดๆ เนื่องจากทุกบัญชีเงินฝากถูกอายัดโดยคตส.ตั้งแต่ปี 2550 และถูกศอฉ.อายัดซ้ำอีกครั้งในเดือนเม.ย. ซึ่งรายการเบิกถอนล็อตใหญ่มีเพียงการโอนเงิน 22,000 ล้านบาท ไปให้กรมบัญชีกลาง ตามคำสั่งของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในส่วนของน.ส.พิณทองทาจึงไม่มีอะไรต้องชี้แจงเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวถามถึงบัญชีเงินฝากในต่างประเทศ นายกิตติพร กล่าวว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้สอบถามในประเด็นดังกล่าว แต่เชื่อว่าน.ส.พิณทองทามีเฉพาะเงินฝากในไทยเท่านั้น
สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเงินของ น.ส.พิณทองทา มีดังนี้ บัญชีเงินฝากประจำ 6 เดือน เลขที่ 127-237287-9 ธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ มีเงิน 3,172,340,035.57 บาท ถูกอายัดทั้งหมด บัญชีเงินฝากประจำ 6 เดือน เลขที่ 146-231081-2 ธนาคารกรุงเทพ สาขาราชวัตร จำนวน 1,061,432,127.64 บาท ถูกอายัดทั้งหมด บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 111-112222-0 จำนวน 3,174,545,916.21 บาท ถูกอายัดทั้งหมด บัญชีเลขที่ 111-112631-3 จำนวน 13,616,053,545.70 บาท ถูกอายัดทั้งหมด บัญชีเลขที่ 111-241524-4 จำนวน 316,930,408.86 บาท ถูกอายัดทั้งหมด บัญชีเลขที่ 001-155188-2 จำนวน 3,138,853,134.57 บาท ถูกอายัดทั้งหมด
เพื่อไทย
Thursday, July 1, 2010
จุดเทียนเรียกร้อง กก.สิทธิ จี้เลิกพรก.ฉุกเฉิน
บี้ปล่อย"สมบัติลายจุด" กมธ.ไล่ปปง.สอบเงิน! ศอฉ.ตบทรัพย์ท่อเลี้ยง โวยแยกขังแกนนำนปช.
-จุดเทียนบุกกสม.-จี้ปล่อย"สมบัติ"