ที่มา ประชาไท
ผมไม่ใช่พันธมิตร และก็ไม่ใช่เสื้อแดง แต่สนใจกิจกรรมทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย เย็นวันเสาร์ที่29 มกราคม 2554 ผมเลยไปสังเกตการการชุมนุมของพี่น้องฝ่ายพันธมิตร โดยเดินทางไปคนเดียว ลองดูนะครับ จะได้เห็นภาพบรรยากาศ ซึ่งหลายท่านคงไม่คิดจะย่างกรายผ่านไป หลายท่านอาจอยากไปแต่ไม่มีโอกาสได้ไป การดูไว้อาจทำให้เขาเข้าใจและเข้าถึงความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง
ผมได้เห็นคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กำลังแจกลายเซ็นให้แฟน ๆ แล้วจากนั้นก็ถ่ายรูปหมู่กัน ผมก็เลยขอเข้าไปร่วมถ่ายด้วย นอกจากนั้นยังพบมหาจำลองกำลังขี่มอเตอร์ไซค์คันเล็ก ๆ ผมได้ถ่ายรูปท่านไว้เหมือนกัน แต่รูปดังกล่าว ไม่มีผมอยู่ด้วย ผมเลยไม่ได้นำมาลงไว้ในที่นี้ (ฮา)
ฝ่ายพันธมิตรก็กลัวจะมีคนแปลกปลอมเข้ามาในที่ชุมนุม มีการค้นกระเป๋าถือ แม้แต่กระเป๋าของสุภาพสตรี เพราะก่อนหน้านี้ก็พบระเบิดแบบที่ใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นระเบิด 2 จังหวะ คือจังหวะแรกหลอกให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจ แล้วจะมีจังหวะที่ 2 กดบึมตอนเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ไม่ทราบว่าเป็นการค้นพบวัตถุระเบิดเพื่อขู่ฝ่ายพันธมิตรไม่ให้ไปชุมนุมหรือเปล่า
อย่าว่าแต่ฝ่ายพันธมิตรจะกลัวเลยครับ แม้แต่ฝ่ายรัฐบาลก็กลัวจะถูกบุกทำเนียบเหมือนครั้งรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ดังนั้นในวันนี้จึงมีรั้วลวดหนามหลายชั้น แน่นหนาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันภัย (ฮา) นอกจากนั้นยังมีทหาร-ตำรวจเดินกันขวักไขว่ พร้อมกับมีการจัดกองกำลัง และมีแท่งคอนกรีตคอยรับมือการบุกทำเนียบอีกชั้นหนึ่ง ด้านในทำเนียบยังมีลำโพงขนาดใหญ่ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเครื่องเสียงสลายการชุมนุม (Long Rang Acoustic Device: LRAD) หรือไม่
บรรยากาศบนเวที
ณ เวทีใหญ่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ในช่วงเวลาประมาณ 17:30 น. แม้แดดร่มลมตกแล้ว แต่ก็มีประชาชนเข้าร่วมไม่มากนัก ผมได้พบเห็นแฟน ๆ พันธมิตรบางคนนั่งแท็กซี่มาบ้าง ขับรถมาบ้าง บางคนถึงขนาดนั่งรถเข็นมาชุมนุมก็ยังมี แต่จำนวนคนโดยรวมยังมีน้อย ยกเว้นในช่วงด้านหน้าของเวที ที่มีแฟน ๆ นั่งเก้าอี้พับ หรือนอนฟังการปราศรัยอยู่หนาแน่นพอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะนั่งอยู่ห่าง ๆ กัน
ยิ่งเวทีสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ซึ่งเป็นที่ ๆ ท่านโพธิรักษ์ ศูนย์รวมใจของกลุ่มสันติอโศก กำลังปราศรัยอยู่ ณ เวลา 18:15 น. นั้น ยิ่งมีจำนวนน้อยมาก ทั้งนี้คงเป็นธรรมดาที่คนไทยไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม คงไม่ค่อยอยากฟังธรรมะมากนัก คงเป็นเพราะไม่เร้าใจตามกระแสการชุมนุมทางการเมือง อย่างไรก็ตามสำหรับศิษย์สันติอโศก ก็ยังพอมีนั่งฟังอยู่ประปราย
การกินอยู่หลับนอน
กลุ่มสันติอโศกรับหน้าที่ในการจัดหาอาหารการกิน สังเกตดูตามภาพจะเห็นคนเดินเท้าเปล่าในส่วนของคนทำอาหาร คาดว่ากลุ่มสันติอโศก คงพาชาวบ้านในเครือจากสำนักต่าง ๆ ทั้งหมดมาร่วมในการนี้ หลังจากทำเสร็จก็นำไปแจกจ่ายตามพื้นที่ต่าง ๆ ของการชุมนุม โดยมีเตนท์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่แจกอาหารมังสะวิรัติ หากดูตามภาพคงต้องทำอาหารต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงผู้เข้าชุมนุม
แต่นอกจากอาหารคาวหวานแล้ว ยังมี “แม่ยก” ฝ่ายพันธมิตร พาโรตี ลอดช่อง ขนมครก หรือแม้แต่สับปะรด มาให้ทานเป็นจุด ๆ อีกด้วย ผมในฐานะที่ไปร่วมชุมนุม ก็ได้รับอานิสงส์ได้ทานสับปะรดปอกสด ๆ จากพี่น้องพันธมิตรนครปฐมเช่นกัน รสชาติก็ดีครับ แต่นี่เป็นน้ำใจของ “แม่ยก” ที่ร่วมชุมนุม ซึ่งก็สามารถสร้างความอิ่มเอมให้กับผู้ชุมนุมได้ระดับหนึ่ง
เท่าที่สังเกต ม็อบนี้มีเตนท์นอนที่สวยงามโดดเด่น และมีเตนท์นอนอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนมากเป็นเตนท์ขนาดเล็ก ๆ คาดว่าคงใช้นอนเตนท์ละคนเป็นสำคัญ และที่สำคัญที่สุดก็คือเตนท์จำนวนมาก ๆ เช่นนี้ก็กินเนื้อที่ถนนและพื้นที่แถวนั้นไปเป็นอันมาก ทำให้แลดูเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ แม้ว่าจะยังมีผู้มาเข้าร่วมไม่มากนักก็ตาม
ดูความน่ารัก
สำหรับผู้ที่มาชุมนุมแล้วเกิดความเมื่อยล้า ก็สามารถใช้บริการนวดแผนโบราณได้ สนนราคาถูก ผู้เข้าร่วมชุมนุมมาใช้บริการเป็นระยะ ๆ สังเกตดูผู้ให้บริการซึ่งเป็นสาวใหญ่ก็มีอารมณ์ดี สนุกสนาน และที่สำคัญยังได้เงินอีกด้วย คาดว่าจะเป็นกิจการที่ดีมากในการชุมนุมลักษณะนี้ เมื่อวันก่อนผมผ่านวัดพระยาไกร เห็นติดป้ายค่านวดตกชั่วโมงละ 70 บาท ก็แทบหาคนนวดไม่ได้ แต่ที่นี่คงมีผู้ใช้บริการต่อเนื่อง
และเพื่อให้เกิดภาวะร่วมสมัย (Intrend) ณ ซุ้มหนึ่งของการชุมนุมจึงมีการแต่งตัวชุดนักโทษกัมพูชา มาเพื่อขอล่ารายชื่อ 20,000 ชื่อเพื่อประเด็นอะไรบางอย่างที่ผมฟังไม่ถนัดเกี่ยวกับกัมพูชา ซึ่งกิจกรรมนี้นำโดย ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ซึ่งเคยล่ารายชื่อ 20,000 ชื่อ เพื่อคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้ดูไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร
สำหรับภาพข้างต้นนี้ ไม่ทราบว่ากัมพูชาจะหาว่าไทยละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ประการหนึ่งก็คือ ชุดนักโทษกัมพูชา ดูดีกว่านักโทษไทย ที่ยังต้องมีโซ่ตรวน และเป็นแบบขาสั้น แขนสั้น สีตุ่น ๆ อย่างไรก็ตามหากให้ผมใส่ ผมก็คงไม่ขอใส่หรอกครับ (ฮา)
แหล่งเงินทุน
อาจกล่าวได้ว่ากลุ่มสันติอโศกเป็นแหล่งคนและแหล่งเงินทุนใหญ่ที่สุด ตามภาพการบริจาค จะเห็นได้ว่ามหาจำลองบริจาคมากที่สุด ณ วันที่แสดง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้เข้าชุมนุมจำนวนมาก หรืออาจดูเป็นคนส่วนใหญ่ก็คือชาวสันติอโศก ซึ่งมีชุมชนชาวสันติอโศกอยู่หลายแห่งในภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้การย้ายครัวเรือนมาอยู่อาศัยในพื้นที่ชุมนุมทำได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามภาพที่เป็น “สันติอโศก” อาจทำให้ผู้ที่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรบางส่วนอาจรู้สึกแปลกแยกไปจากตนก็เป็นได้ อาจส่งผลให้จำนวนผู้ชุมนุมไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควรมีมาก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะประเด็นการเรียกร้องยังไม่แรงเท่าที่ควรหรืออย่างไร ก็คงต้องให้ผู้สันทัดกรณีให้คำอรรถาธิบายต่อไป แต่สำหรับผม คงให้ภาพในฐานะผู้สังเกตการเท่านั้น
เพลงสุดท้ายของแผ่นดิน
ในระหว่างสังเกตการณ์ชุมนุมพี่น้องเสื้อเหลือง ฝ่ายพันธมิตร ณ เวลา 18:00 น. เสียงเพลงชาติไทยดังขึ้น ทุกคนที่ชุมนุมก็พร้อมใจกันร้องเพลงชาติ ผมเคยไปสังเกตการณ์ชุมนุมของพี่น้องเสื้อแดง ก็พบปรากฏการณ์เดียวกัน ผมจึงเชื่อว่าเพลงชาติไทย คงเป็นเพลงสุดท้ายในแผ่นดินไทยที่ทั้งพี่น้องเสื้อเหลือง และพี่น้องเสื้อแดงจะร่วมร้องกันได้
ดีครับ อย่างน้อยเราก็มีความรักในชาติ ขอให้แตกต่างแต่อย่าแตกแยก คือ แตกต่างในความคิดได้ แต่อย่าได้แตกแยกกันมากกว่านี้ในหมู่คนไทยเลยครับ ผู้ที่กดขี่ขูดรีดประชาชนจะยิ่งสบายนะครับ