ที่มา มติชน ถือเป็นงานที่ท้าทายที่สุดของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" ในทางการเมือง แต่ในมุมกลับนี่คือการกดดัน "ทักษิณ" ให้ยอมสนับสนุน "มิ่งขวัญ" เป็นนายกรัฐมนตรี แต่อีกมุมหนึ่งก็มีคนมองว่า "ทักษิณ" ต้องการส่ง "มิ่งขวัญ" ลงสนามที่เขาไม่เชี่ยวชาญ ใช้สถานการณ์จัดการ "มิ่งขวัญ" บารมีของ "ทักษิณ" และฝีปากของร.ต.อ.เฉลิม –จตุพร พรหมพันธุ์ ย่อมมีพลังกว่า "ท่อน้ำเลี้ยง" ของ "มิ่งขวัญ" โดยเฉพาะส.ส.ภาคอีสาน และภาคเหนือ แต่ชัยชนะที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ "ผลงาน" ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อนหน้านี้ "เพื่อไทย" อาศัยความสามารถส่วนตัวของ "ร.ต.อ.เฉลิม" ในการขุดคุ้ยข้อมูลต่างๆ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จะเหลือก็แต่เพียง "จตุพร พรหมพันธุ์" ที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ส.ส.กลุ่ม "มิ่งขวัญ" แต่ละคนก็ไม่ได้มีผลงานที่น่าตื่นตาตื่นใจมากนัก ลีลาของ "มิ่งขวัญ" ทำเอาส.ส.ที่เข้าร่วมประชุมต่างทำหน้าบอกไม่ถูก ไม่มีใครรู้ว่ากว่าจะถึงวันยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเกิดปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ทันทีที่เห็นชื่อ "มิ่งขวัญ" เป็นผู้นำการซักฟอก จังหวะก้าวที่ผ่านมาของเขาบนเวทีการเมือง ยืนยันได้ว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดา
เมื่อพรรคเพื่อไทยมีมติเอกฉันท์มอบหมายให้ "มิ่งขวัญ" เป็นหัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งหมายถึงการแนบชื่อ "มิ่งขวัญ" เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย
"มิ่งขวัญ" นั้นสร้างชื่อในเชิงการบริหารจากการพลิกฟื้น "อ.ส.ม.ท." จาก "แดนสนธยา" ให้กลายเป็น "โมเดิร์นไนน์" ที่ประสบความสำเร็จทั้งทางธุรกิจและภาพลักษณ์
กลายเป็น "กรณีศึกษา" ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งทางการตลาด
แต่พลันที่ "มิ่งขวัญ" ก้าวสู่เวทีการเมือง ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรองนายกรัฐมนตรี
ผลงานของเขากลับไม่ได้สร้างความประทับใจเหมือนเมื่อครั้งที่เป็น "กรรมการผู้อำนวยการใหญ่" ของบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)
และเมื่อพรรคเพื่อไทยพลิกกลับเป็น "ฝ่ายค้าน"
บทบาทของ "มิ่งขวัญ" ก็หายไปจากพื้นที่ข่าว เพราะไม่เคยแสดงความเห็นวิจารณ์รัฐบาลในเรื่องใดเลย จนใครๆนึกว่าเขาจะกลายเป็น "ดาวดับ" ทางการเมือง
แต่ "มิ่งขวัญ" กลับซุ่มเงียบ เคลื่อนไหวในพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นระบบ
เขาได้ "ถุงเงินใหญ่" ที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครสนับสนุน และเป็น "ท่อน้ำเลี้ยง" ที่ต่อตรงไปยังส.ส.เพื่อไทย จนกลายเป็น "ก๊วนใหญ่" ที่สุดในพรรค
แม้แต่ "ทักษิณ ชินวัตร" ก็ยังไม่สามารถทานกระแส "ท่อน้ำเลี้ยง" ของ "มิ่งขวัญ" ได้
และเมื่อร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหมู่ทะลวงฟันของ "เพื่อไทย" พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งที่ผ่านมา โอกาสจึงกลับมาอยู่ในมือของ "มิ่งขวัญ" อีกครั้ง
"มิ่งขวัญ" ส่งส.ส.ไปคุยกับ "ทักษิณ" เพื่อขอการสนับสนุน
แม้ "ทักษิณ" จะไม่ปฏิเสธและเปิดทางให้ "มิ่งขวัญ" แสดงฝีมือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เพราะ "ทักษิณ" รู้ดีว่าเมื่อถึงขั้นทีเด็ดทีขาด
ถ้ามีการยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่เมื่อไร ส.ส.ทุกคนจะคิดเพียงว่าอยู่กับใครแล้วเขาจะมีโอกาสได้เข้าสภาฯมากที่สุด
ดังนั้น การเปิดทางให้ "มิ่งขวัญ" ในเกมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ จึงเป็นเพียงการประนีประนอมทางการเมืองของ "ทักษิณ"
แต่เป็น "โอกาส" ที่ดียิ่งของ "มิ่งขวัญ"
.............................
แม้ "มิ่งขวัญ" จะชนะในเกมนี้
เขาได้เป็นผู้นำในการซักฟอกรัฐบาล และมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ไม่มีใครรู้ว่า "มิ่งขวัญ" วางแผนการซักฟอกอย่างไร และมีข้อมูลมากแค่ไหน
แต่วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิมแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่เข้าร่วมในการซักฟอก
บทบาทหนักจึงอยู่ที่ "มิ่งขวัญ"
และเพียงวันแรกของการประชุมทีมซักฟอก "มิ่งขวัญ" ก็ทำให้สื่อมวลชนรัฐสภาปวดหัว
เขากำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆ มากมาย และมีการสั่งสอนสื่อมวลชนด้วยการอ้างว่าเป็นอดีตผู้บริหารอสมท.มาก่อน
เพราะนี่คือครั้งแรกที่ "มิ่งขวัญ" แสดงความเป็นผู้นำ ส.ส.
รอยร้าวในพรรคเพื่อไทยที่มีอยู่แล้วจะเกิดการปริแยกออกมาหรือไม่
วันนี้พรรคประชาธิปัตย์มองข้ามช็อตเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ห้ามประมาทคนชื่อ "มิ่งขวัญ" เป็นอันขาด