ที่มา thaifreenews
“เจ๊วา” ปรี๊ดแตก ออกโรงฉะ “เด็กปชป.” ไล่ส่งให้หยุดเหยียบบ่าพรรคร่วมฯได้แล้ว ยันทุ่มเทแก้ปัญหาของแพงเต็มที่ เผยราคาน้ำมันปาล์มพุ่ง ให้ไปดูที่ "ต้นทาง" ของปัญหาว่าทำไมถึงแพง และใครรับผิดชอบอยู่ เหน็บเป็นส.ส.น่าคิดให้รอบคอบ ไม่ใช่มาเอะอะโวยวายแบบนี้
แฉ "นักการเมืองใหญ่" สมคบ "ผู้ผลิต" ได้ประโยชน์วิกฤติน้ำมันปาล์มขาด รวมหัวทำให้ขาดแคลนจนต้องขึ้นราคาและนำเข้า เปิดรายชื่อบอร์ดน้ำมันปาล์ม พบตัวแทนกลุ่มโรงงานโรงสกัดเพียบ
วันที่ 3 ก.พ. 2554 ที่รัฐสภา นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เปิดแถลงข่าวตอบโต้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กรณีตีปี๊บแถลงข่าว กล่าวหารมว.พาณิชย์ไม่แก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มแพง จากปี๊บละ 560 บาท เป็น 1,150 บาท และราคามะขามเปียกที่ราคากิโลกรัมละ 45 บาท เป็น 110 บาทว่า นายวัชระควรที่จะไปดูที่ต้นน้ำของปัญหา ว่าทำไมสินค้าถึงแพง เพราะกระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่แก้ปัญหาที่ปลายน้ำ นายวัชระควรที่จะวิคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นให้ถูกต้อง ไม่ใช่ตีปี๊บพูดเอามัน ตีกิน เหยียบบ่าเพื่อนพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถือว่าไม่ถูกต้อง คนเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล น่าจะเข้าใจ ยืนยันว่าตนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต้ต้องดูว่าต้นทางอยู่ที่ไหน ใครรับผิดชอบเรื่องปาล์ม กระบวนการมันมีอยู่ ถ้าตนมีอำนาจคนเดียวก็จะสามารถสั่งการได้เร็ว แต่ตนต้องรับนโยบายจากกรรมการหลายชุด แต่กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามตรึงราคา และต้องดูในมุมดีด้วยว่าปัญหาสินค้าแพง ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือเกษตรกร ดังนั้นคนเป็นส.ส.ไม่ใช่จะมาเอะอะโวยวาย น่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกให้ดู "ต้นทาง" หมายถึงในพื้นที่ภาคใต้ขชองพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพื้นที่ปลูกปาล์ม ด้วยหรือไม่ นางพรทิวา กล่าวยอมรับว่า พื้นที่ภาคใต้มีผลผลิตปาล์มมาก แต่เมื่อผลผลิตออกมาน้อย ราคาก็ต้องสูงเป็นธรรมดา และเกษตรกรก็เป็นผู้ได้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้น เป็นไปตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องที่มีส.ส.ออกมาพูด คงไม่ต้องมีการพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เพราะแกนนำก็เข้าใจว่าตนเป็นคนทำงาน ทั้งนี้ ภายหลังจากที่นายวัชระแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา นายวัชระได้เข้ามาขอโทษตน โดยบอกว่าได้แถลงข่าวเรื่องของแพง ซึ่งตนก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่พอตื่นเช้า เห็นข่าวแล้วก็โมโห ปรี๊ดขึ้นมาทันที
เมื่อถามว่า "ต้นน้ำ" ที่ว่า หมายถึงคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน ใช่หรือไม่ นางพรทิวา กล่าวว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวรับผิดชอบเรื่องตรงนี้อยู่แล้ว แต่ต้นทางคือการเพาะปลูก แต่ปลายทางกระทรวงเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวแกนนำหรือผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์เข้าใจดี แต่นายวัชระไม่เข้าใจมาทำภาพรัฐบาลเสียหาย เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เกิดกับใครคนใดคนหนึ่ง
สถานการณ์การขาดแคลนน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ยังคงเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะอนุมัติให้มีการปรับราคาจำหน่ายขึ้นขวดละ 9 บาท เป็น 47 บาท และคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติให้นำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จำนวน 30,000 ตัน เพื่อนำมาบรรจุขวด 23 ล้านขวด วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกทั่วไปแล้วก็ตาม
ล่าสุด คณะกรรมการนโยบายปาล์มฯ ได้มีมติให้นำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งสำเร็จรูปอีก 120,000 ตัน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน แต่พบว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้คลี่คลายลง แต่กลับมีมากขึ้น
ทั้งนี้มีรายงานว่า ส่วนหนึ่งของการขาดแคลนน้ำมันปาล์ม นอกจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2553 แล้ว ยังมาจากการคาดการณ์การผลิตที่ผิดพลาดของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสต็อกคงเหลือ ณ สิ้นเดือน ม.ค.2554 อยู่ที่ 67,787 ตัน จากคาดการณ์ในเดือน ธ.ค.2553 ที่คาดว่าจะมี 80,005 ตัน หรือลดลง 25.34%
ขณะเดียวกัน สศก.คาดการณ์ว่า ในปี 2554 สำหรับเดือนม.ค.จะมีผลผลิตปาล์มสด 328,418 ตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 51,083 ตัน, เดือนก.พ. ปาล์มสด 443,090 ตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 69,107 ตัน, เดือนมี.ค. ปาล์มสด 922,875 ตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 143,753 ตัน, เดือนเม.ย. ปาล์มสด 1,031,124 ตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 162,196 ตัน, เดือนพ.ค. ปาล์มสด 1,027,455 ตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 171,27 ตัน และเดือนมิ.ย. ปาล์มสด 988,925 ตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 165,052 ตัน
ขณะที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า สถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบขาดแคลนรุนแรงมากขึ้น จากการแจ้งปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มดิบของโรงงานสกัดเดือน ธ.ค.53 ผลิตได้ 45,360 ตัน ต่ำกว่าที่ผลิตได้เฉลี่ยเดือนละ 110,000 ตัน ขณะที่ความต้องการเฉลี่ยเดือนละ 100,000 ตัน โดยเป็นน้ำมันพืช 65,000 ตัน และไบโอดีเซล 35,000 ตัน และราคาผลปาล์มสดเพิ่มขึ้น ณ วันที่ 20 ม.ค.เป็น กก.ละ 8.85-9.90 บาท และน้ำมันปาล์มดิบเป็น กก.ละ 58.75-63.50 บาท และได้เสนอให้มีการนำเข้าแค่ 50,000 ตันเท่านั้น แต่ในที่สุดคณะกรรมการฯ ได้อนุมัติให้นำเข้าสูงถึง 120,000 ตัน
อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตว่าน้ำมันปาล์มขาดแคลนจริงหรือไม่ และใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการปรับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดและการนำเข้า น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จากต่างประเทศ
แหล่งข่าวจากวงการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม ระบุว่า จริงๆ แล้วน้ำมันปาล์มไม่ได้ขาดแคลนหนักอย่างที่เป็นข่าว เพียงแต่ปริมาณลดลง เนื่องจากผลผลิตออกน้อยจากภาวะน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2553 แต่การที่น้ำมันปาล์มหายไปจากตลาดเนื่องจากมีกระบวนการที่ต้องการให้เกิด ความปั่นป่วนเพื่อจะได้ขอปรับราคาขึ้น
โดยในส่วนของผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มในปัจจุบันมี 9 ราย แต่มีอยู่ประมาณ 5 รายที่เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด เนื่องจากบางรายผลิต 2 ยี่ห้อ โดยผู้ผลิตกลุ่มนี้จะวิ่งหานักการเมืองที่มีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลโดยอ้างว่า สินค้าขาดแคลนจำเป็นต้องขอปรับราคาขึ้น ซึ่งหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้มีการปรับราคาน้ำมันปาล์มขวดขึ้นอีก ขวดละ 9 บาท จาก 38 บาทเป็น 47 บาท แต่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายลง ขณะเดียวกันผู้ผลิตกลุ่มดังกล่าวยังกดดันให้รัฐบาลต้องนำเข้าน้ำมันปาล์ม กึ่งบริสุทธิ์จากต่างประเทศ เนื่องจากผู้ผลิตกลุ่มนี้มีการติดต่อและร่วม มือกับกลุ่มผู้ผลิตในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งมีผลผลิตปาล์มจำนวนมาก กระทั่งคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติต้องมีมติให้มีการนำเข้าน้ำมัน ปาล์มล็อตแรก 30,000 ตัน ภายในเดือนม.ค.และอีก 120,000 ตัน ภายในเดือนก.พ.-มี.ค.
"แม้ว่าเวลานี้จะไม่มีใบเสร็จระบุได้ชัดว่าใครได้ประโยชน์จากการปรับราคา น้ำมันปาล์มและนำเข้าครั้งนี้ แต่เป็นที่รับรู้กันว่านักการเมืองที่กลุ่มผู้ผลิตวิ่งหานั้นเป็นเจ้าของ พื้นที่ปลูกปาล์มทางภาคใต้ถึง 50,000 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ครอบครองในชื่อของตัวเอง แต่ใช้นอมินีถือแทน ซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่"แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าว กล่าวย้ำว่า กระบวนการของกลุ่มผู้ผลิตและนักการเมืองคนดังกล่าวพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ เกิดภาวะขาดแคลนในตลาดจนต้องมีการขึ้นราคาและนำเข้าสินค้า ซึ่งจะเป็นช่องทางได้ระบายสินค้าที่ได้กักตุนเอาไว้โดยผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม ทั้ง 9 ราย เช่น ยี่ห้อโอลีน แวว มรกต ทับทิม เกษร หยก ผึ้ง เป็นต้น
สำหรับคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติมีนายสุเทพเป็นประธาน ส่วนรองประธานมี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน และนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ส่วนกรรมการมาจากกระทรวงเกษตรฯ, กระทรวงพลังงาน, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงอุตสาหกรรม เป็น ต้น ส่วนกรรมการจากภาคเอกชนมาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยโดยมี เลขาธิการ สศก.เป็นกรรมการและเลขานุการ
แหล่งข่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัด วันไชยปิโตรเลียมแอนด์เซอร์วิส เปิดเผยว่า จากภาวะที่ปาล์มได้ขยับราคาสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อ พลังงานเชื้อเพลิงไบโอดีเซล น้ำมันดีเซลบี 5 และดีเซลบี 3 แล้ว โดยคลังน้ำมันบางแห่งได้บอกกับผู้ค้าส่งว่าภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นี้จะงดขายน้ำมันดีเซลบี 5 และบี 3
แหล่งข่าวจากวงการปาล์มน้ำมัน เปิดเผยว่า ปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มว่าราคาจะขยับ สูงขึ้นถึง 15 บาท/กก. ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปาล์มราคาสูงขึ้นมาก เนื่องจากเป็นที่สงสัยว่ามีการกักตุนทั้งน้ำมันปาล์มดิบ ทั้งที่น้ำมันปาล์ม ดิบที่เก็บสต็อกไว้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมามีประมาณ 5 ล้านล้านลิตร ซึ่งในขณะนั้นน้ำมันไบโอดีเซลบี 3 และ 5 เพิ่งแจ้งเกิดใหม่โดยกระจายไปตามแท็งก์น้ำมันในภาคใต้และภาคอีสาน เชื่อว่าสินค้าเหล่านี้ทยอยออกสู่ตลาดเพราะจะได้ราคาที่ดี
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10203632/I10203632.html