ที่มา มติชน เทศกาลตรุษจีน เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่งแล้ว โดยในปีกระต่ายนี้ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 ตามหลักชาวจีนนั้นจะนับวันตามหลักจันทรคติ จึงทำให้วันตรุษจีนเปลี่ยนไปในทุก ๆ ปี 2. รวมญาติกินเกี๊ยว การฉลองปีใหม่ตรุษจีน ชาวจีนจะเคร่งครัดในเรื่องของความเป็นสิริมงคลและการอยู่ "รวมญาติ" พร้อมหน้ากัน โดยทุกคนจะมาร่วมโต๊ะกิน "เจี่ยวจื่อ" หรือ เกี๊ยว การที่สมาชิกครอบครัวนั่งล้อมวงห่อเกี๊ยวด้วยกัน และรับประทานเกี๊ยวด้วยกัน ถือว่ามีบรรยากาศแห่งความสมานฉันท์และความสนุกสนานมากเลยทีเดียว เจียวจื่อ หรือเกี๊ยว เป็นอาหารสำคัญที่ไม่อาจขาดได้ในวันตรุษจีน นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลมาจากรูปลักษณ์ของเจี่ยวจือ ที่เป็นรูปทรงคล้ายเงินในสมัยโบราณการรับประทานเจี่ยวจือ จึงเหมือนการนำเงินทองเข้ามาสู่ตัว นอกจากนั้น ไส้ในเจี่ยวจือก็ยังสะดวกต่อการบรรจุสิ่งที่เป็นมงคลลงไปเป็นการให้ความหวังต่อคนที่รับประทานด้วย เช่น ลูกกวาด ถั่วลิสง พุทราแดง เม็ดเกาลัด เหรียญเงิน โดยคนที่กัดเจอลูกกวาด หมายถึง ชีวิตในปีใหม่ก็จะยิ่งหอมหวาน ในขณะที่ ถั่วลิสง มีความหมายว่า แข็งแรงและอายุยืนนาน ส่วน พุทราแดง และ เกาลัด หมายถึง การจะมีบุตรภายในปีนั้น และหากกัดเจอ เหรียญเงิน ก็จะยิ่งร่ำรวยเงินทอง "ไช่ซิงเอี้ย" เป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ส่วนใหญ่จะทำพิธีระหว่างหลังเที่ยงคืนของวันซาจั๊บจนถึงก่อนตี 1 ห้ามทำความสะอาด เนื่องจากการทำงานบ้านต่างๆ เท่ากับขับไล่ความโชคดีออกไป แต่ควรทำตั้งแต่ก่อนที่วันตรุษจีนจะมาถึง เราจึงเห็นว่า ตามบ้านคนจีน หรือบริษัทคนจีน จะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ เสียตั้งแต่ปลายปี เมื่อถึงวันปีใหม่จะไม่กวาดบ้านจนถึงวันชิวสี่ ในวันชิวอิกทุกคนจะนำส้ม 4 ผล ไปกราบผู้ใหญ่ขอพร เจ้าบ้านเองนอกจากจะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้ 1 พาน และลูกสมอจีนไว้รับแขกแล้ว เมื่อมีผู้มาอวยพร จะรับส้มขึ้นมา 2 ผล และนำส้มในบ้านที่เตรียมไว้วางคืนลง 2 ผล 9. รับอั่งเปา ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน * ห้ามสระผม ความเชื่อบอกไว้ว่า ไม่ควรสระผมในวันเริ่มต้นและวันสุดท้ายของวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากการสระผมถือเป็นการชะล้างความโชคดีที่มาถึงในวันขึ้นปีใหม่ * ระมัดระวังอย่าให้ซุ่มซ่ามในการทำสิ่งใดๆ ไม่ว่าจะสะดุด หรือ ทำสิ่งของตกแตก ซึ่งนั่นจะหมายถึงการนำความโชคไม่ดีเข้ามาในอนาคต * การใส่เงินอังเปา ก็ควรใช้ซองสีแดง และเป็นธนบัตรใหม่เพื่อความโชคดี * ไม่ควรเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษจีน เพราะถือเป็นโชคร้าย
ตรุษจีน เรียกว่า "วันชิวอิก" ซึ่งเป็นวันแรกของปีตามปฏิทินของชาวจีน จะเริ่มต้นเมื่อหลังเที่ยงคืนของ "วันซาจั๊บ" ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปี เรียกอีกอย่างว่า "วันถือ" เพราะถือเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ ทุกคนจะพูดแต่สิ่งดีๆ สิ่งที่เป็นมงคล
เพื่อความเป็นสิริมงคล และเสริมสิ่งที่ดีงามในชีวิต ในช่วงเบิกศักราชปีเถาะ ตามธรรมเนียมความเชื่อของชาวจีน มติชนออนไลน์ จึงรวบรวมข้อควรปฏิบัติ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย รับตรุษจีน มาให้ผู้อ่านได้รับทราบ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัวต้อนรับสิ่งดีๆ ในชีวิตกัน
1. ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
ของไหว้จะมีทั้งของคาว-หวาน รวมทั้งเป็ด-ไก่ มากหรือน้อยแล้วแต่ฐานะของผู้ไหว้ ซึ่งในวันซาจั๊บ ช่วงเช้าไหว้ "ตีจูเอี๊ย" เจ้าในบ้าน ต่อด้วยไหว้บรรพบุรุษ ตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ ทั้งนี้ควรมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร เกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติพกไปด้วย พร้อมกับจุดขี้ไต้ 2 ชิ้นไว้ เมื่อไหว้เสร็จจะจุดประทัด จากนั้นจะโปรยข้าวสารผสมเกลือ ขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
สำหรับชาวจีนในประเทศไทยเอง กลับไม่ค่อยนิยมในการรับประทานเกี๊ยว หรือเจียวจื่อกันเท่าไหร่นัก
3. กินเจมื้อเช้า
คนจีนจะกินเจมื้อแรกของปี ในวันชิวอิก โดยเชื่อกันว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
4. ทำพิธีรับ "ไช่ซิงเอี้ย"
5. ห้ามกวาดบ้าน
6. ติด "ตุ๊ยเลี้ยง" หรือคำอวยพรปีใหม่
คำอวยพรที่เขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ทำมาค้าขึ้น ให้มั่งมีเงินทอง ติดตามสองข้างประตูบ้าน และมีอีกแผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก เขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" แปลว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีการติด"หนี่อ่วย"ซึ่งเป็นภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชายด้วย นับเป็นภาพมงคลอีกอย่างหนึ่งของชาวจีนนอกเหนือจากการตัดกระดาษ มักติดที่ประตูหน้าบ้าน
7. ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
โดยเฉพาะเสื้อผ้าสีแดง เป็นสีที่นิยมใส่มาก ในช่วงเทศกาลนี้ ด้วยสีแดงถือเป็นสีแห่งความสุข จะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด
8. ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของตรุษจีน คือ อั่งเปา (ซองแดง) คือ ซองใส่เงินที่ผู้ใหญ่แล้วจะมอบให้ผู้น้อย และมีการแลกเปลี่ยนกันเอง หรือ หรือจะใช้คำว่า แต๊ะเอีย (ผูกเอว) ด้วยที่มาในสมัยก่อน เหรียญจะมีรูตรงกลาง ผู้ใหญ่จะร้อยด้วยเชือกสีแดงเป็นพวงๆ และนำมามอบให้เด็ก ๆ ซึ่งจะนำมาผูกเก็บไว้ที่เอว อย่างไรก็ตาม ทั้งแต๊ะเอีย และอั่งเปา คือสิ่งสร้างสีสัน ความสุข ความตื่นเต้น ให้กับเด็กๆ เป็นอย่างมากที่จะรอลุ้นว่า ในแต่ละปี พวกตนจะได้สตางค์คนละเท่าไหร่กัน
10. ไหว้เจ้าเพื่อเป็นความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
--------------------------------------------------------
* ห้ามใช้ของมีคม ไม่ควรใช้ของมีคมในวันขึ้นปีใหม่ เช่น มีด , กรรไกร , ที่ตัดเล็บ ซึ่งอาจเป็นการตัดสิ่งหรืออนาคตที่ดี ที่จะนำมา ในวันขึ้นปีใหม่
* หลีกเลี่ยงการโต้เถียง ใช้คำพูดไม่ดี หยาบคาย คำที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยหรือความตาย คำพูดไม่เป็นมงคล คำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา รวมถึงเรื่องผีสางก็เป็นเรื่องที่ต้องห้าม ทั้งไมม่พุดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ แต่ควรพูดเรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานศพ และการฆ่าสัตว์ปีกด้วย
* อย่าร้องไห้ในวันปีใหม่ เพราะอาจจะทำให้มีเรื่องเสียใจไปตลอดปี กระทั่งผู้ใหญ่ที่มีลูกหลานเด็กๆ ที่ดื้อ ซน ปฎิบัติตัวไม่ดี ก็จะต้องอดทน ไม่ตีสั่งสอน
* ทำจิตใจให้แจ่มใส อารมณ์ดี ว่ากันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้
* บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี รวมถึงหากได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ก็ถือเป็นโชคดี