ที่มา ประชาไท
กว่าสองพันห้าร้อยปีที่ล่วงผ่าน
จะช้านานอย่างไรไม่แปรเปลี่ยน
‘จิตเดิมแท้’ ยังตั้งอยู่เพื่อรู้เรียน
หนทางเวียนทางลัดจัดไว้แล้ว
ในจิตที่มีความปริสุทธิ์
กิเลสผุดแค่ผ่านไม่นานแผ่ว
มีสติรู้ตัวไม่กลัวแกล้ว
จะโลกุตฯ โลกิฯ แผ้วผ่านไป
พุทธองค์ทรงประกาศความเทียมเท่า
คนหนึ่งคนเป็นคนเพราะตนไต่
มิใช่เพราะวรรณะกักกันไว้
อยู่ที่ใฝ่ดีชั่วตัวประพฤติ
พระธรรมเอกพุทธองค์ทรงสอนสั่ง
ชีวิตนั้นมีค่าดารดึก
จิตมีใจ ใจมีจิตที่คิดนึก
การพรากพฤติบาปหนาคณานัก
โลกุตฯ โลกิฯ มิแยกไม่แปลกดอก
แต่จะต้องเกื้อเพื่อคนทนทุกข์หนัก
ต้องเพื่อห้ามประหัตชีวิตอวิชนัก
ต้องรู้หลักแยกแยะในแง่นี้
พระพม่าต้านปฏิวัติหยุดการฆ่า
จีวรเหลืองสะบัดหราสู้ทุกที่
ถึงกระบอกปืนทหารจะผลาญพลี
แต่โลกิฯ ดุลโลกุตฯ ดุจเดียวกัน
หากทว่า “ทับธรรม” ไทยในวันนี้
เรียกให้มีปฏิวัติรัฐประหาร
ถือกระบอกปืนเพื่อว่าจะฆ่าฟัน
ควบคุมมันด้วยปืน ไม่เป็นไร
ไม่อยู่ข้างชั้นชนคนทุกข์ยาก
ร่วมจัดฉากชาตินิยมขึ้นมาใหม่
เพื่อกลบอธรรมไร้ประชาธิปาไตย
ที่แก่นธรรมพระทรงชัยวางไว้นั้น
สันตินั้นอยู่ไหน กรูไม่รู้
กรูไม่หยุด หาความรู้ กรูไม่หัน
สมณะพระพุทธเจ้าได้อย่างไรกัน?
ทับพระธรรม์ของพระองค์ลงแหลกลาญ...
หมายเหตุจากผู้เขียน: บทกวีนี้เขียนขึ้นมาเพื่อล้อเลียนหน้าปกมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21-27 มกราคม 2554 ที่พาดหน้าปกว่า "ทับ 'ธัมมั้ง' ?"