WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, March 23, 2011

ยุบสภา หรือ ยึดสภา กว่า 3 ชั่วโมงที่ "ตู่” แฉ "91ศพ” ‘มาร์ค-เทือก”ต้องเลื่อนแจง.

ที่มา บางกอกทูเดย์



ยุบสภา หรือ ยึดสภา กว่า 3 ชั่วโมงที่ "ตู่” แฉ "91ศพ”
‘มาร์ค-เทือก”ต้องเลื่อนแจงวันรุ่งขึ้น


ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไล่เชือดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
และอีก 9 รัฐมนตรี ถือเป็นบรรยากาศประชาธิปไตยที่คุ้มค่ามาก
เพราะล่อกันด้วยเนื้อหาและข้อเท็จจริงเป็นตัวเดินเรื่อง
แน่นอนว่า....ในเรื่องลีลาและการเชือดเฉือนทางคำพูดเป็นเรื่องที่หนีไม่พ้น ไม่มีก็ไม่ได้
เนื่องจากว่าพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ถือเป็นสุดยอดของการพูดด้วยกันทั้งคู่
นายอภิสิทธิ์นั้นเหน็บและเชือดเฉือนตามสไตล์ที่เรียนรู้และจดจำ
มาจากนายชวน หลีกภัย ผู้เป็นเสมือนอาจารย์ใหญ่
ในขณะที่นายสุเทพนั้น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว สามารถพูดได้หมดทุกเรื่อง
ลากโยงไปได้หมดทุกกรณี เป็นเรื่องที่คนฟังต้องไปแยกแยะหาความจริงกันเอาเอง
แต่ที่ดุเดือดที่สุดก็คือ กรณีการอภิปรายเรื่องการสลายการชุมนุม
จนมีประชาชนเสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน
ซึ่งเรื่องนี้เป็นปริศนาในใจประชาชนคนไทยมาจนเกือบจะครบรอบปีอยู่แล้ว
ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้น
ญาติของนักข่าวญี่ปุ่น ญาติของช่างภาพข่าวชาวอิตาลี รวมไปถึงประเทศญี่ปุ่น ประเทศอิตาลีเอง
หรือแม้แต่กระทั่งทั่วโลก ที่เห็นภาพข่าวการสลายการชุมนุมในประเทศไทย
ผ่านทางสำนักข่าว CNN สำนักข่าว BBC หรือสำนักข่าว Al Jazeera
ก็ล้วนแล้วแต่ต้องการรู้ความจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยกันทั้งสิ้น
ยิ่งปัจจุบันการเรียกร้องหาประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง และเบ่งบานไปทั่ว
ภายใต้คำว่า Jasmine Revolution นั้น ยิ่งทำให้ทั่วโลกสนใจ
กรณีการสลายการชุมนุมของประเทศไทยกันมากยิ่งขึ้น
หลายคนอาจจะมองว่าประเด็นในเรื่องภาษีบุหรี่ 6.8 หมื่นล้านบาท
น่าจะเป็นจุดตายของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
เพราะจำนวนเงินของผลประโยชน์แฝงเร้นมันมากมายมหาศาล
ยังอดสะดุ้งในใจไม่ได้ว่า
แม้แต่กลุ่มขั้วอำนาจพิเศษ กลุ่มนายทหารที่อุ้มรัฐบาลอภิสิทธิ์อยู่
มีผลประโยชน์ตกหล่นขนาดนี้เชียวหรือ???
แต่สังคมจำนวนไม่น้อยมองว่า กรณีสลายการชุมนุมจนมรคนตายคนเจ็บจำนวนมาก
โดยที่พยายามทำให้เป็นเรื่องคลื่นกระทบฝั่งนั้น
จริงๆแล้วน่าจะเป็น”จุดตายทางการเมือง”มากกว่าเรื่องภาษีบุหรี่

ดังนั้นในคืนวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา
เรทติ้งของศึกอภิปรายซักฟอกรัฐบาลขยับขึ้นมาสูงลิ่วทันที
คนจำนวนมากรีบกลับบ้านเพื่อที่จะไปดูการถ่ายทอดศึกซักฟอก
ซึ่งพรรคฝ่ายค้านกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะเปิดประเด็น
ในเรื่อง การเผาเซ็นทรัล และการสังหารประชาชน 91 ศพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม
คนส่วนใหญ่อยากรู้ด้วยกันทั้งนั้น ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย
ที่ประกาศตัวเป็นเมืองพุทธ
แต่ในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย กลับมีคนตาย คนบาดเจ็บจำนวนมาก
ในการอภิปรายนายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย
พูดถึงกรณีประชาชนเสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน
และโดยเฉพาะกรณี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
ว่าคนบงการสั่งฆ่าไม่ใช่ธรรมดา แต่ทำเป็นขบวนการ
เล่นเอานายอภิสิทธิ์ ต้องลุกขึ้นขอชี้แจงว่า
ที่บอกว่ามีคนสั่งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพนั้น ขอยืนยันว่าไม่มี
ถ้ามีขอให้ระบุให้ได้ว่าเป็นใคร
ข้อมูลจากฝ่ายค้านในเรื่องเกี่ยวกับการเผาห้างเซ็นทรัลนั้น
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย นำคลิปวีดีโอ และ รูปภาพ มาประกอบ
การอภิปรายถึงเหตุการณ์กระชับพื้นที่ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 โดยระบุว่า
สาเหตุการเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุม
พร้อมทั้งระบุว่าวันนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปทำการดับเพลิงได้
เนื่องจากอ้างว่ามีการปะทะกันอยู่กับผู้ก่อการร้าย
ซึ่งนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่พรรคเพื่อไทยพยายามใช้พยาน หลักฐาน
ที่นำมาประกอบการอภิปราย อธิบายย้ำว่าไม่มีการปะทะกันตามที่อ้าง นอกจากนั้น
ยังมีการผลักดันรปภ.ทั้งหมดให้ออกจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์
โดยชายกลุ่มหนึ่งแถมระหว่างการอภิปรายยังเกิดมีสีสันซ้อนขึ้นมาด้วย
โดย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นบอกกับประธานในที่ประชุมว่า
ขณะนี้มีชายชุดดำ 3 คน เข้ามาในสภา อยู่บริเวณห้องโสตฯ พร้อมพกอาวุธปืนเข้ามาด้วย
จึงขอให้ประธานตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด่วน
ทำให้เกิดความฮือฮาขึ้นภายในห้องประชุมทันที
นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นประธานการประชุม
จึงได้สั่งการให้ไปตรวจสอบ หลังการตรวจสอบพบว่าชายชุดดำที่เอ่ยถึงคือ
คนส่งเอกสาร ใส่สูทแต่ไม่มีอาวุธใดๆ ทั้งสิ้น
และสำหรับนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ซึ่งทุกฝ่ายจับตามมาตลอดว่า
จะมีไม้เด็ดอะไร ที่จะมาแฉรัฐบาลในกรณีการตาย 91 ศพ
ได้เริ่มอภิปรายตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 17 มีนาคม โดยระบุว่า
ได้แสวงหาข้อเท็จจริง ที่มีการกล่าวหาว่าเสื้อแดงฆ่ากันเอง 91 ศพ

ส่วนตัวแล้วอย่าว่าแต่มนุษย์เลย ไก่ ปลา ยังไม่กล้าฆ่าเลย
ความมาแตกตอนที่รัฐบาลโยกคดี จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเป็นคดีพิเศษ
ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งก็ได้ทักท้วงไปแล้ว
เพราะเจ้าหน้าที่ท้องที่เขาได้ชันสูตรศพแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ซึ่งหัวกระสุนสีเขียว
แต่ในวันที่ 31 พ.ค. และวันที่ 1 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ ยังมาโกหกในสภาว่าไม่มีกระสุนของทหาร
นายจตุพร ได้นำสำนวนสอบสวนข้อเท็จจริง
ที่พนักงานสอบสวนคดีส่งให้อธิบดีดีเอสไอ รวมทั้งหนังสือของดีเอสไอ ส่งไปถึงศอฉ.
ซึ่งมีนายสุเทพ เป็นผอ.ศอฉ. เพื่อสอบถามว่า
ระหว่างเกิดเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค. ได้มีทหารหน่วยใดเข้าไปดำเนินการบ้างมาอ่าน
ประเด็นสำคัญในการอภิปราย นายจตุพร ได้มีการเปิดชื่อตำรวจยศสิบตำรวจเอก
ซึ่งเป็นพยานคนสำคัญที่บันทึกภาพชายแต่งกายคล้ายทหารบนรางรถไฟบีทีเอส
และยืนยันว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด
นอกจากนี้นายจตุพรยังเปิดเผยสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ
ซึ่งมีคำให้การของเจ้าหน้าที่ทหาร 5 นาย ยอมรับว่า
ในวันเวลาเกิดเหตุประจำการอยู่บนรางรถไฟบีทีเอส บริเวณหน้าปทุมวนาราม
มีการระบุถึงอาวุธประจำกาย ปืนเอ็ม 16 หัวกระสุนสีเขียว
และมีบางนายให้การว่า มีการยิงกระสุนปืนเข้าไปในวัดปทุมฯ หลายนัด
ซึ่งนายจตุพร ยังได้มีการนำผลการชันสูตรศพเหยื่อ 6 รายในวัดปทุมฯ
มาเปรียบเทียบกับลักษณะกระสุน ว่า
ใกล้เคียงกับกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวใช้เป็นอาวุธประจำกาย
ในภาพรวมนายจตุพรได้นำสำเนา
ซึ่งเป็นสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับผู้เสียชีวิต
ในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ราชประสงค์ มาอ่านในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ในช่วงท้าย นายจตุพรอภิปรายถึงชะตากรรมของเหยื่อรายต่างๆ
ที่เสียชีวิตในการปราบปราม มีเหยื่อซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป
ไม่ใช่ผู้ชุมนุมรวมอยู่ด้วย รวมแล้ว 13 ศพ ล้วนตายจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตของ นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น
และ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ บริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน รวมถึง
นายชาติชาย สาเหลา นายบุญมี เริ่มสุข และ น้องอีซา ที่ถูกยิงเสียชีวิต

ซึ่งนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกประท้วงว่าไม่ควรแสดงภาพศพเด็ก
จากนั้นนายจตุพรได้อภิปรายต่อถึงการเสียชีวิตของ
นายพัน คำกอง
นายเกียรติคุณ ฉัตรวีระสกุล และ
นายประจวบ ประจวบสุข
งานนี้นายจตุพรใช้เวลาอภิปรายรวมทั้งสิ้นกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง เกือบๆ 4 ชั่วโมง
ถือเป็นการอภิปรายที่นานมาก
ซึ่งจากข้อมูลและหลักฐานประกอบต่างๆของนายจตุพร
โดยเฉพาะในเรื่องสำนวนการสอบสวนของ ดีเอสไอ
ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับคนที่รับรู้ข้อมูลมากพอสมควร
และท่าทีของรัฐบาลเองที่นิ่งงันฟังนายจตุพร และใช้ยุทธวิธีในการรับมือ
ด้วยการที่ นายอภิสิทธิ์ แจ้งว่า จะขอตอบนายจตุพร ในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 18 มี.ค.

จึงทำให้หลายคนมองว่า ผิดปกติลักษณะนิสัยของทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ
ที่น่าจะแลกหมัดสวนควันปืนในทันทีทันใดมากกว่า ที่จะขอเวลาเพื่อไปชี้แจงในเช้าวันรุ่งขึ้นเช่นนั้น
ดังนั้นในมุมมองหนึ่ง คือเป็นไปได้ว่า นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ
จำเป็นต้องเข้าวอร์รูม เพื่อหาทางตอบโต้ประเด็นกล่าวหาดังกล่าว
เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะแค่นายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ เท่านั้น
หากแต่ยังโยงผูกพันไปถึงคนในกองทัพด้วย!!!
ในขณะที่อีกประเด็นหนึ่งก็เป็นไปได้เช่นกันว่าเป็นเรื่องของเงื่อนเวลา
เพราะขณะนั้นเป็นเวลาตี 2 แล้ว
หากนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ตอบเลยในทันทีคนดูก็อาจจะไม่มาก
จึงต้องการเลือกที่จะตอบในตอนเช้า ให้มีคนดูมากๆก็เป็นได้
ซึ่งหลังจากได้พักไปตั้งหลัก นายสุเทพ ได้ชี้แจงว่า ในเรื่องว่า
มีการปล่อยให้คนเผาลอยนวลนั้นไม่จริง
เพราะเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้แล้ว 4 คน อีก 5 คน มีรายชื่อสามารถออกหมายจับได้ทั้งหมด
และที่อ้างว่าห้ามทหาร รวมทั้งไม่ให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปดับเพลิงนั้น ก็ไม่จริง!
ยืนยันว่าคนที่เข้าไปเผาไม่ใช้เจ้าหน้าที่ทหาร หรือตำรวจ
ซึ่งนายสุเทพได้นำหลักฐานภาพถ่ายมาประกอบการอภิปรายชี้แจงเช่นกัน
โดยพยายามชี้เห็นว่ากลุ่มคนที่บุกเข้าไปเผาห้างมีสัญลักษณ์สายรัดข้อมือ
รวมทั้งนายสุเทพได้งัดไม้เด็ดขึ้นมาท่ามกลางความงุนงงของสังคม ก็คือ
พยายามใช้ข้อกล่าวหาในเรื่องกระบวนการล้มล้างสถาบัน
พร้อมกับโยงเปรียบเทียบไปถึงกระบวนการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
จนทำให้ถูกพรรคเพื่อไทยตอบโต้อย่างหนัก
ซึ่งทั้งนายสุเทพ และนายจตุพรได้มีการปะทะกันในเรื่องหลักฐานข้อมูลอย่างหนัก
โดยนายจตุพร ยืนยันว่า
ไม่มีรายงานว่า 2 ใน 6ศพที่วัดปทุมมีเขม่าดินปืน เหมือนที่นายสุเทพ กล่าวอ้าง
รวมทั้งเรื่องที่บอกว่าเสธ.แดงมีการฝึกคนยิงสไนเปอร์หัวเป้าหมายที่ท้องสนามหลวง
ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น เพราะใครจะไปฝึกยิงกลางท้องสนามหลวงได้???

แต่ที่น่าจับตามว่า การอภิปรายในเรื่องการสลายการชุมนุมจนนมีคนตาย 91 ศพ
ของพรรคฝ่ายค้านในครั้งนี้ ต้องถือว่ากระเทือนไม่เพียงแค่รัฐบาลเท่านั้น
หากแต่กระเทือนไปถึงกองทัพ ถึงนายทหาร และแม้แต่กระทั่งถึงกลุ่มอำนาจพิเศษด้วยซ้ำ
เพราะนายจตุพรมีการเอ่ยชื่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาด้วย
และมีการโยงชี้ให้เห็นว่า มีการหักหลังกันเกิดขึ้นจากฝีมือของนายสุเทพ
ที่เอาข้อมูลชื่อทหารที่ปฏิบัติการ ซึ่งมีแต่ ศอฉ.เท่านั้นที่รู้ เอาไปให้ทาง ดีเอสไอ ตรวจสอบ
งานนี้แน่นอนว่าบรรดาทหารใหญ่ที่ฟังการอภิปรายอยู่ คงต้องสะดุ้ง
และอาจจะฉุกใจคิดขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกันว่า มีรายการตลบหลังกันจริงหรือไม่
เพราะเรื่องเช่นนี้ไม่ยากสำหรับทหารที่จะต่อจิ๊กซอว์ได้
ส่วนเมื่อต่อจิ๊กซอว์ได้แล้ว จะบีบคอใครอย่างที่นายจตุพรแนะนำ
หรือจะทำอะไรหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตามองกันต่อไป
เพราะในทางการเมือง แน่นอนว่าบาดแผล 91 ศพครั้งนี้ต้องถือว่าบาดลึกไม่น้อย
และน่าจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการยุบสภาในเดือนพฤษภาคมได้จริงๆ
เนื่องจากคำตอบของนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่า
จะทำให้ประชาชนเห็นด้วยเพียงใด
ขณะเดียวกันเรื่องนี้กระทบกระเทือนถึงทหารและกลุ่มอำนาจพิเศษไม่น้อย
ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข่าวลือมาเป็นระยะๆว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ซึ่งหากการอภิปรายครั้งนี้เกิดไปจี้ใจดำของใครบางกลุ่มบางคนเข้า
โอกาสที่สภาจะไม่ได้ยุบ แต่ถูกยึดสภา ก็มีความเป็นไปได้สูงเหมือนกัน
ฉะนั้นคงต้องลุ้นระทึกกันต่อว่า จะมีการยุบสภา หรือ ยึดสภา เกิดขึ้นในเร็วๆนี้