ที่มา มติชน
เร่ง สปีดเต็มกำลังสำหรับงานแรก-งานหลักของ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการเขี่ย "พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้พ้นจากตำแหน่ง
ล็อกสเปกไปที่ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" รอง ผบ.ตร. พี่ชาย "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร์" อดีตภรรยา "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นแท่นนั่ง "เจ้ากรมปทุมวัน"
แล้วโยก "พล.ต.อ.วิเชียร" ไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตามคำขอ แต่ติด "ตอ" อยู่เล็กน้อยหลัง "ถวิล เปลี่ยนศรี" เลขาธิการ สมช.ไม่ยอมง่ายๆ ประกาศฟ้องศาลปกครองและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) หากโดนโยกย้ายจริง แต่มาถึงขั้นนี้แล้วคงยากที่จะต้านทาน
โดยเนื้อ งานแล้ว "สมช." จะทำนโยบายด้านความมั่นคงในภาพใหญ่ ประมวลงานด้านการข่าว เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณาและนำมาบังคับใช้ และแม้ "สมช." จะไม่มีกำลังแต่เปรียบเสมือนมันสมองของรัฐบาล
ซึ่งแน่นอนหาก "พล.ต.อ.วิเชียร" ไปเป็นเลขาธิการ สมช.ก็จะเป็นคนประมวลภาพรวมนโยบายและการข่าวนำเสนอให้ "รัฐบาล"
แต่ โดยเส้นสนกลในแล้วคงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" จะไว้เนื้อเชื่อใจ "พล.ต.อ.วิเชียร" ดังนั้น บทบาทของ "สมช." คงต้องลดน้อยถอยลงโดยปริยาย
นอก เสียจากจะแต่งตั้งระดับ "รองเลขาธิการ" สาย "แดง" ที่สูญเสียอำนาจไปในยุค "ถวิล" ให้กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งต้องยอมรับว่ามีโอกาสเป็นไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยดูตามโครง สร้างแล้วหนีไม่พ้นลูกน้องเก่า "พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา" อดีตเลขาธิการ สมช. เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 "พ.ต.ท.ทักษิณ" ผนึกกำลังกับ "พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร" อดีตรองเลขาธิการ สมช. ซึ่งทั้งสองคนถูกปลดในยุครัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" สร้างความขุ่นเคืองใจและรอวันชำระแค้น
ดัง นั้น ตำแหน่งรองเลขาธิการ-ผอ.หน่วย จึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับ "พล.ต.อ.วิเชียร" ที่จะเสนอชื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
ทั้งนี้ เมื่อ "สมช." อยู่ในมือคนไม่ไว้ใจ คงหนีไม่พ้นที่ "รัฐบาล" จะใช้ "กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร" (กอ.รมน.) เป็นหลักในการดำเนินงานด้านความมั่นคง เนื่องจากงานหลายอย่างทับซ้อนกันอยู่ แม้ "กอ.รมน." จะเน้นหนักไปทางปฏิบัติก็ตาม
ดังนั้น ตำแหน่ง "เสนาธิการทหารบก" ซึ่งจะเป็น "เลขาธิการ กอ.รมน." โดยตำแหน่งจึงถูกจับตาเป็นพิเศษ แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายเพราะ "เสธ.ทบ." โดยปกติแล้วจะเป็นนายทหารคู่ใจของ "ผบ.ทบ."
ล่าสุด โผโยกย้ายนายทหารปรากฏชื่อ "พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล" รอง เสธ.ทบ. ขึ้นเป็น "เสธ.ทบ." ซึ่งว่ากันว่า "พล.ท.ศิริชัย" คือน้องรัก "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสมัยรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"
และเป็นนายทหารที่ทำงานคล่อง-รู้ทาง-รู้ใจ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นอย่างดี
แต่ ทว่าฝ่ายการเมืองนำโดย "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมผลักดัน "พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต" ผู้ทรงคุณสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม เตรียมทหารรุ่น 10 ขึ้นเป็น "เสธ.ทบ." หลังจากโดนแขวนมาตลอดจากพิษ "ปฏิวัติ"
และหากนับ "พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี" ที่จ่อคิวนั่งที่ปรึกษากอ.รมน.แล้ว เป็นที่รู้กันอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลเอาจริง
แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ "เบอร์ 1 ทบ." จะยอมรับได้
ศึก มวยรุ่นใหญ่ไฟต์นี้จึงต้องจับตาเป็นพิเศษ กอปรกับวาทะร้อน "ถ้ายังมีปัญหาก็มาลองน้ำหนักหมัดกันว่าใครจะหนักกว่ากัน"ของ "บิ๊กอ๊อด" แล้ว อาการหนาวๆ ร้อนๆ สั่นๆ คงแพร่ไปทั่วอณูของ "ทบ."
และยิ่งเมื่อ ปล่อยมือยอมเสีย "สมช." แล้ว คงยากที่ "รัฐบาล" จะยอมเสีย "กอ.รมน." เพราะนี่คือหน่วยงานหลัก "ด้านความมั่นคง" ที่จะเป็นมือ-ไม้ ประมวลความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เพื่อประคองให้รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" อยู่รอดปลอดภัย..