นับเป็นสิ่งที่ถูกต้องเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (30 เม.ย.) ที่ผ่านมา โดยการเปิดแถลงข่าวของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.
ต่อกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมากล่าวร้ายป้ายสี ขบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเป้าประสงค์คิดไม่ดีต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพยิ่งของคนไทย ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อค่ำคืนวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
เหตุหนึ่งเพราะ .... นปช.กำลังเดินหน้าเรียกร้องมหาชนคนไทยทั่วประเทศ ลุกขึ้นมาช่วยกันล้างกฎหมายโจรให้หมดไปจากแผ่นดินไทย...
ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจทำให้กระบวนการเดินหน้าเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญโจรฉบับนี้ ถูกเบี่ยงเบนให้เกิดความเข้าใจผิด และนำพาไปสู่ความวุ่นวายต่อไปได้
เหตุหนึ่งเพราะ .... นปช.ก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยที่เทิดทูนสถาบันเบื้องสูง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากลุ่มอื่นๆ เฉกเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่รักและหวงแหน และจะไม่ยินยอมให้ผู้ใดมาทำลายล้าง...
การกล่าวหาเรื่องสถาบันจึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนไทยทุกคน ยิ่งกว่าการกล่าวหาอื่นใด....!!!
การออกมาของ นปช. ครั้งนี้ จึงถือเป็นการทำความจริงให้ปรากฏขึ้นแก่สาธารณชนว่า การกล่าวหาของกลุ่มพันธมิตรฯด้วยการนำสถาบันเบื้องสูงมากล่าวอ้างนั้น ปราศจากซึ่งความเป็นจริงในทุกถ้อยคำ
และที่สำคัญยิ่งก็คือ เรื่องราวทั้งหมดเป็นการกล่าวที่โป้ปดมดเท็จอย่างไม่น่าอภัยแต่อย่างใดทั้งสิ้น....!!!
เพราะสถาบันที่คนไทยเคารพและเทิดทูนนี้ ไม่สมควรที่ผู้หนึ่งผู้ใด และไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามจะนำมากล่าวอ้างได้ โดยคาดนัยอันสมควร ทั้งแก่ประโยชน์และกาลเทศะ
แต่แกนนำพันธมิตรฯ ก็หาคำนึงไม่ เพราะหากนำคำกล่าวอ้างทั้งหมด ย้อนกลับมาฟังดูแล้ว จะพบได้อย่างชัดแจ้งว่า แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ หาได้สำรวมที่จะคิดว่าเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่....???
ชัดเจนยิ่งเมื่อหากถอดคำกล่าวของ “จำลอง ศรีเมือง” หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ จะพบประหนึ่งว่า ไม่แยแสต่อการนำสถาบันเบื้องสูงมาใส่ร้ายป้ายสีให้แก่ผู้อื่น โดยขาดหลักฐานและพยานอย่างเด่นชัด
ชัดเจนยิ่งเพราะ จำลอง ศรีเมือง ระบุถึงกลุ่มที่กำลังดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในขณะนี้ มีเป้าหมายไปถึงสถาบันเบื้องสูง
คำถามจึงเกิดขึ้นว่า แล้วใครคือผู้เสียหาย ...??? หากไม่ใช่มวลมหาประชาชนทั้งเหนือ ใต้ กลาง ตะวันออก ตะวันตก ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประเทศชาติกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และหากย้อนกลับไปดูคำพิพากษาให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ติดคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา โดยอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทที่ถูกกล่าวหาในลักษณะเช่นเดียวกัน จะพบว่าข้อสรุปของคำพิพากษามีนัยเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า
จากพฤติการณ์แห่งคดี เห็นว่าจำเลยที่ 1 (คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล) กล่าวหมิ่นประมาทโจทก์เป็นลำดับ มีการเปิดประเด็นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้มุ่งพิสูจน์ความจริงตามหลักนิติธรรม
บางครั้งปล่อยให้เป็นที่สงสัยกำกวม เร่งเร้าให้เกิดความสับสนวุ่นวายในสังคม ก่อให้เกิดความครอบงำบิดเบือนเนื้อหาข้อมูล ทำให้ขาดดุลความจริง
หวังมุ่งสร้างกระแสเพื่อโค่นล้มโจทก์ออกจากตำแหน่งนายกฯโดยไม่ใช้วิธีการที่รัฐธรรมนูญขณะนั้นกำหนด การกระทำดังกล่าวกระทบโครงสร้างทางสังคมครั้งใหญ่
เกิดความขัดแย้งอย่างมากระหว่างผู้ที่สนับสนุนโจทก์กับฝ่ายตรงข้ามโจทก์ ต่างมุ่งห้ำหั่นล้างผลาญกันทุกวิถีทาง สถานภาพของสังคมไทย เกิดความสูญเสียทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง
ทางนำสืบจำเลยที่ 1 และพฤติการณ์การกล่าวปราศรัยของจำเลยที่ 1 ตามวัตถุพยานของจำเลยที่ 1 ก็ดี การแต่งกายของจำเลยที่ 1 ไม่ว่ามีสีของเสื้อที่ใช้สีเหลือง อันเป็นสีประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตัวอักษรที่หน้าอกเสื้อคำว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง" ก็ดี
ล้วนพยายามสร้างภาพของโจทก์และผู้สนับสนุนโจทก์ให้มีภาพยืนอยู่ตรงข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และพยายามสร้างภาพของจำเลยกับพวกให้อิงแอบแนบชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันสูงสุดที่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าต่างเทิดทูน
เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์กับพวกไม่จงรักภักดี ทำตัวเสมอพระมหากษัตริย์ หรือไม่ถวายพระเกียรติพระมหากษัตริย์ เป็นการแยกประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีบางส่วนให้เป็นฝ่ายตรงข้ามสถาบันพระมหากษัตริย์ นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ
การที่จำเลยที่ 1 พยายามดึงสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพ เทิดทูนสูงสุดของประชาชนทุกหมู่เหล่ามาเป็นเครื่องมือในการกำจัดโจทก์กับพวกในทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พฤษติการณ์แห่งคดีมีลักษณะร้ายแรง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลหรือคณะบุคคลอื่นอีกต่อไป จึงพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญา....!!!
มาถึงตรงนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าขบคิดว่า เมื่อการใส่ร้ายป้ายสีที่เกี่ยวโยงไปถึงสถาบันเบื้องสูง ที่คนไทยทุกผู้ทุกนามมิอาจยินยอมได้แล้ว
ใยจะปล่อยให้กลุ่มแก๊งกวนเมืองเหล่านี้ เชิดหน้า กระหยิ่มยิ้มหย่องต่อพฤติกรรมชั่วร้ายของตัวเองต่อไปอีก
ไหนๆ ก็จะมีถึง 5 หมื่นคน 5 หมื่นรายชื่อ เพื่อยื่นต่อสภาให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ก็หาทาง
ฟ้องร้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อให้หลาบจำเสียอีกคน เสียอีกคดีจะดีไหม
เพราะ 5 หมื่นรายชื่อนี่แหละครับ คือผู้ที่ถูกกล่าวหาจากปากของ จำลอง ศรีเมือง... ใครรู้กฎหมายช่วยตอบหน่อย....???
พร ภัทร