เป็นที่รู้กันดีว่านับตั้งแต่รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาทำงานบริหารบ้านเมือง ก็มีคนบางกลุ่มบางพวกตั้งหน้าตั้งตาคัดค้านการทำงานของรัฐบาลเสียทุกเรื่องทุกราว
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เป็นคนเคลื่อนไหวส่งลูกให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
หรือจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่เชื่อกันว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มพันธมิตรฯ ดังจะเห็นได้จากภาพเก่าที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นำทีมไปคารวะนายสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงบ้านพระอาทิตย์
อีกทั้งในช่วงการเลือกตั้งยังมีข่าวออกมาว่าฝ่ายทหารมีเอกสารชัดแจ้งสั่งกำลังพลให้สกัดกั้นพรรคพลังประชาชน ขณะเดียวกันในทางลับก็ยังมีการออกปากให้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะที่มีหลักฐานเป็นวีซีดีที่เขตดุสิต
และเมื่อมาถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ตามพันธสัญญาที่พรรคพลังประชาชนและหลายพรรคการเมืองมีต่อประชาชนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง
คนเหล่านี้ก็กระโดดออกมาคัดค้านตามเคย ตามมาด้วยกลุ่ม สสร.50 ที่ถูกแต่งตั้งโดย คมช. เป็นกลุ่มคนที่มีที่มาจากเผด็จการชัดแจ้งเป็นที่สุด
และในประดาคนกลุ่มนั้นก็ยังหมายถึงการมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่มีสัมพันธ์อันดีกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธาน มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ร่วมอยู่ในนั้น และยังมีคนในชายคา “เครือผู้จัดการ” มีนายทหารที่มีสายสัมพันธ์กับพวกปฏิวัติรวมอยู่มากมาย
อย่างไรก็ดีการคัดค้านของกลุ่มคนเหล่านี้ต้องถือว่าได้รับการตอบรับเพียงวงแคบ และแม้ในช่วงเริ่มต้นจะเสมือนมีคนหลายหมู่เหล่า แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็สามารถเชื่อมโยงได้ว่าผู้คนที่ออกมาเคลื่อนไหวทั้งหลายล้วนเป็นคนที่มาจาก “รากเหง้า” อันเดียวกัน
ในขณะที่กระแสสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 กลับขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จากฝ่ายการเมือง สู่ภาคประชาชน ไปจนถึงขบวนการนิสิต นักศึกษา และนักวิชาการ
แม้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ และพวกพ้องจะพยายามงัดกลยุทธ์ออกมามากมาย ทั้งการออกแถลงการณ์ฉบับแล้วฉบับเล่า ด้วยภาษาที่มุ่ง “ชวนเชื่อ” ให้ประชาชนตื่นตระหนกคิดว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นในบ้านเมือง
แต่ก็ไม่เป็นผล นัยว่าประชาชนจะเริ่มรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมคนเหล่านี้มากขึ้น และประชาชนคงตระหนักถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในยามบ้านเมืองอยู่ในห้วงเผด็จการ
ถึงแม้ความพยายามต่อมาจะพยายามระดมคนออกมาเคลื่อนไหว ด้วยการเปิดเวที “ยามเฝ้าแผ่นดิน” บังหน้า โดยความเอื้อเฟื้อให้เช่าใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แต่ความก็มาแตก เมื่อมีการแฉเรื่องการจ้างคนมาร่วมชุมนุมเสียก่อน
ซึ่งอาจจะเป็นผลพวงให้คนที่มาร่วมรับฟังที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บางตา มีเพียงคนที่นั่งในห้องประชุมจำนวนหนึ่ง กับคนที่ออกมาเดินเพ่นพ่านโดยรอบอีกจำนวนหนึ่ง และไม่ได้มีคนเรือนหมื่นอย่างราคาคุยที่บอกเอาไว้ล่วงหน้า
ยิ่งเมื่อการจัดเวทียามฯ เป็นหนที่ 2 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยิ่งเห็นได้ชัดผ่านการถ่ายทอดของ ASTV เอง ว่าผู้คนบางตาลงไปมากทีเดียว
เพียงเท่านี้ก็เป็นการชี้วัดแล้วว่าความพยายามของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ประสบผลสำเร็จหรือล้มเหลวมากน้อยเพียงไหน
และอาจจะด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้หรือไม่ จึงทำให้เกิดความพยายามของบรรดาแกนนำผู้คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายต่อหลายคน ออกมาพูดด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ด้วยการพยายามหยิบเอาประเด็นหมิ่นเบื้องสูงมาเล่นงานผู้เรียกร้องแก้ รัฐธรรมนูญ 2550 เล่นงานรัฐบาล และพาลไปถึงการเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ทั้งที่ข้อกล่าวอ้างของบรรดาผู้ที่ออกมากล่าวหา ไม่ได้มีหลักฐานยืนยันชัดแจ้ง เป็นเพียงแค่ความพยายามในการจับแพะชนแกะ และออกมาพูดเพียงเพื่อหวังให้ประชาชนที่เคารพเทิดทูนในสถาบันเบื้องสูงเกิดความไขว้เขว
เป็นการเปิดช่องให้เกิดความชอบธรรมในการที่ทหารจะนำกำลังเข้ายึดอำนาจในบ้านเมืองอีกครั้ง
และยังอาจหมายถึงการมุ่งหวังให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดแบบเดยวกับความรุนแรงหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ที่มีการจุดชนวนด้วยข้ออ้างอันเดียวกัน
ขณะที่ความพยายามต่างๆ เหล่านี้ของกลุ่มพันธมิตรฯ และผองเพื่อน ที่ดึงฟ้าต่ำอย่างมิบังควร เพื่อสู้กับการแก้ รัฐธรรมนูญ 2550 เองต่างหากที่น่าจะเห็นชัดเจนกว่าว่าเป็นการกล่าวถึงสถาบันอย่างไม่เหมาะสม
อาจเหมือนกับกรณีที่คำพิพากษาในคดีหมิ่นประมาทของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่มีการระบุชัดว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำตัวแอบอิงกับสถาบัน หรือใช้เรื่องดังกล่าวทำลายคู่ต่อสู้ในทางการเมือง
หากกลุ่มพันธมิตรฯ และประดาแนวร่วมเล็งเห็นถึงประโยชน์ของ รัฐธรรมนูญ 2550 เล็งเห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และจะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า
ทำไมจึงไม่เลือกที่จะออกมารณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ชี้ให้เห็นข้อดีกันไปเลยเป็นข้อๆ แบบที่อีกฝ่าย อีกแนวความคิดกำลังดำเนินการอยู่
ทำไมถึงได้จิตใจคับแคบมองว่าคนที่มีความคิดแตกต่างเป็นคนเลวร้าย และทำไมจึงเลือกที่จะโจมตีอีกฝ่ายด้วยเหตุผลอื่น ที่อยู่นอกเหนือเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ
โดยเฉพาะการที่ออกมากล่าวอ้างถึงสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ
นั่นเป็นเพราะถึงทางตัน อับจนหนทางต่อสู้ เพื่อล้มรัฐบาลตามใบสั่ง...อย่างนั้นหรือเปล่า...!!
บิ๊กโบ๊ต (แทน)