ไม่อยากเชื่อว่าหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจับผิดการเลือกตั้ง ชี้ชะตา ส.ส. ทั่วบ้านทั่วเมือง พอถึงคราวตัวเองตกเป็นฝ่ายถูกตรวจสอบบ้างจะออกอาการ “ดิ้น” เอาตัวรอดอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างกรณีที่ พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ ร้องต่อกระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้เข้าไปตรวจสอบการพิมพ์บัตรเลือกตั้งของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.
ที่นอกจากจะพบว่ามีการพิมพ์บัตรเกินจำนวนผู้ใช้สิทธินับสิบล้านใบ จนน่าตกใจแล้ว ยังส่อว่าอาจจะมีการฮั้ว และบัตรที่ถูกพิมพ์เกินก็ยังส่อว่าอาจจะถูกนำไปใช้เพื่อการทุจริตเลือกตั้ง
กรณีดังที่ว่านี้ไม่ใช่มีเพียง พล.ต.ต.เสวก เป็นผู้ร้อง แต่ยังมีผู้เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายการเมือง และประชาชน ทำเรื่องร้องเรียน นำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกหลายราย
รวมทั้งการลงพื้นที่สอบหาข้อเท็จจริงในพื้นที่ก็ได้หลักฐาน และพยานสำคัญมากมาย จนทำให้เชื่อได้ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูลและดีเอสไอพร้อมจะบรรจุเรื่องเป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป
ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา การสอบหาข้อเท็จจริงก้าวหน้าไปมากจนน่าชื่นชม เพราะได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้ที่มีข้อมูล และจากหลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ยกเว้นเพียงหน่วยงานเดียว คือ กกต.
ที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือตั้งแต่ต้นเรื่อง แม้ว่าดีเอสไอ จะมีหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อขอตรวจสอบข้อมูลเอกสาร ก็ไม่ได้รับการสนองตอบ
มีเพียงถ้อยแถลงจาก สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาฯ กกต. ที่ออกมาระบุว่าการสอบสวนเรื่องดังกล่าวไม่อยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอ
ทำให้ถูกมองได้ว่า กกต. เองพยายามหลบเลี่ยงที่จะให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว แต่จะเป็นเพราะกลัวเรื่องราวความจริงจะถูกเปิดโปง หรือขัดข้องประการใดนั้นไม่รู้แน่ชัด
ที่สำคัญการออกมาโต้แย้งเรื่องบัตรเลือกตั้งดังกล่าวของ กกต. ไม่เคยแย้งที่ประเด็นเนื้อหา ไม่เคยบอกว่ามีเหตุผลเช่นไรในการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ กกต.ยุคก่อนๆ ก็ไม่เคยปรากฏปัญหาแบบเดียวกันนี้
หรือจะเป็นการแยกพิมพ์บัตรเลือกตั้งในหลายโรงพิมพ์ ที่หลายคนตั้งข้อสงสัยในความไม่ชอบมาพากล กกต. เองก็ไม่เคยออกมาเอ่ยถึง
รวมทั้งข้อกล่าวหาที่ว่า มีการนำบัตรในส่วนที่พิมพ์เกินไปสลับสับเปลี่ยนในการนับคะแนนเลือกตั้ง ก็ไม่มีคำอธิบายว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่
เพราะหากมีเค้าความจริงก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ผลการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเสียงของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศเกิดความเบี่ยงเบน
ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวเลื่อนลอย แต่เป็นข่าวลือที่มีเหตุผลสนับสนุน เพราะในเวลาต่อมาก็พบว่าบัตรเลือกตั้งส่วนเกิน ที่ กกต. ต้องเก็บรักษาไว้นั้น กลับหลุดรอดออกมาภายนอกได้อย่างง่ายดาย โดยที่ กกต. ไม่มีใครรู้เรื่องเลยสักคน
แถมยังมีข้อแก้ตัวมักง่ายว่า เป็นความพยายามของบางกลุ่มที่ต้องการดิสเครดิต กกต.
เรื่องนี้เคยมีนักข่าวไปถามกับ สุทธิพล คนเดิม ว่าจะต้องมีการตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงอย่างไรหรือไม่ ก็ได้รับคำชี้แจงว่า มีการตั้งกรรมการสอบสวนมาก่อนหน้านี้นานแล้ว
แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่าจะตั้งกรรมการมานานแค่ไหน ก็ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าออกมาจาก กกต. ยังคงไม่มีคำชี้แจงในสิ่งที่ประชาชนเฝ้ารอฟังข้อเท็จจริงออกมาแม้แต่น้อย
ฝากถามถึงสุทธิพล และบรรดา กกต. ทั้ง 5 คนสักหน่อย
ประการแรกหากมีความบริสุทธิ์ใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว จะเป็นดีเอสไอ หรือ ป.ป.ช. หรือจะเป็นหน่วยงานใดเข้ามาตรวจสอบจะมีความแตกต่างกันตรงไหน
ประการที่สอง หาก กกต.มีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วข้อสรุปของการสอบสวนเป็นอย่างไร มีความเกี่ยวพันถึงใครบ้าง จะสามารถนำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ได้หรือไม่
ประการที่สาม การที่พยายามอ้างว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวนเพราะมูลค่าในการพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ถึง 100 ล้านบาท อันเนื่องมาจากมีการแบ่งแยกพิมพ์หลายแห่งนั้น เข้าข่ายหัวหมอ หรือตะแบง หรือจะเป็นเล่ห์เหลี่ยมอย่างไรหรือไม่
สุดท้าย หากดีเอสไอรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งหมายถึงการชี้ชัดว่าคดีมีมูล
บรรดา กกต. ทั้งหลายจะมีสปิริตพอ ที่จะยุติบทบาทการทำงานเพื่อเปิดทางให้เกิดกระบวนการตรวจสอบหรือไม่...!?
บิ๊กโบ๊ต