คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)พิจารณาข้อยุติคดีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ซึ่งผลสรุปของคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2ชุด ได้เสนอความเห็นตรงกันให้ยกคำร้องในสำนวนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีข้อกฎหมายในการเอาผิดได้
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาของกกต.วันนี้ ได้มีมติมติยกคำร้องกรณีที่นายวีระ สมความคิด และนายประสิทธิ์ ดอนโพธิงาม ร้องนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และพรรคพลังประชาชน มีการกระทำเข้าข่ายตัวแทนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและพรรคไทยรักไทย โดยในคำร้องของนายประสิทธิ์นั้น กกต.มีมติ4ต่อ1 เห็นควรให้ยกคำร้อง เนื่องจากพยานหลักฐานในการเอาผิดไม่เพียงพอ
ส่วนกรณีของนายวีระ สมความคิด กกต.มีมติด้วยเสียง 3 ต่อ 1 ต่อ 1 โดยเสียงข้างมาก 3 เสียงเห็นว่า พรรคพลังประชาชนมีความผิดกระทำเข้าข่ายนอมินีพรรคไทยรักไทย แต่ไม่มีกฎหมายเทียบเคียงเอาผิดได้ หนึ่งเสียงเห็นว่าไม่ปรากฏหลักฐาน ควรยกคำร้อง ส่วนอีกหนึ่งเสียงนั้นเห็นว่ามีการกระทำผิด เข้าข่ายควรให้นายทะเบียนพรรคดำเนินการตรวจสอบตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา94
ด้านนายวีระ สมความคิด ประธานอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่าได้คิดอยู่นานแล้วหลังจากที่คณะอนุกรรมการให้ข่าวแต่ต้นปีว่าไม่มีกฎหมายที่จะเอาผิดได้ เท่ากับไปยึดเอาประเด็นนอมินีเป็นหลักแทนที่จะใช้พฤติกรรมเป็นหลัก ถ้าดูในคำร้องของตนก็จะเน้นคำว่าตัวแทนตัวการ ทำไม กกต.ไม่ปรับให้เข้าหลักตัวแทนตัวการตามกฎหมายแพ่ง แต่กลับไปจับคำว่านอมินีซึ่งถือว่าเป้นความพยายามที่จะบิดพริ้ว
“คำว่าตัวแทนมันไม่มีในกฎหมายไทยเลยหรือ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมกกต. ถึงไปคิดว่าผมไปให้ความสำคัญกับคำว่านอมีนี”นายวีระกล่าว
นายวีระกล่าวอีกว่า กำลังจะดูกฎหมาย อาจจะขอดำเนินคดีกับคณะอนุกรรมการชุดนายไพฑูรย์ เนติโพธิ หากมีช่องทางพิสูจน์ได้ว่าคณะอนุกรรมการชุดนี้พยายามบิดเบือนน้ำหนักของคำร้องให้ไปผิดทาง
ส่วนความพยายามที่จะดำเนินการกับพรรคพลังประชาชนนั้น นายวีระกล่าวว่า ก็จะพยายามต่อไป เพราะไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นบรรทัดฐาน ให้อีก 3 - 4 พรรคการเมืองที่กำลังจะถูกยุบพรรค ไปวิ่งหาพรรคใหม่ที่เป็นนอมินีแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาของกกต.วันนี้ ได้มีมติมติยกคำร้องกรณีที่นายวีระ สมความคิด และนายประสิทธิ์ ดอนโพธิงาม ร้องนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และพรรคพลังประชาชน มีการกระทำเข้าข่ายตัวแทนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและพรรคไทยรักไทย โดยในคำร้องของนายประสิทธิ์นั้น กกต.มีมติ4ต่อ1 เห็นควรให้ยกคำร้อง เนื่องจากพยานหลักฐานในการเอาผิดไม่เพียงพอ
ส่วนกรณีของนายวีระ สมความคิด กกต.มีมติด้วยเสียง 3 ต่อ 1 ต่อ 1 โดยเสียงข้างมาก 3 เสียงเห็นว่า พรรคพลังประชาชนมีความผิดกระทำเข้าข่ายนอมินีพรรคไทยรักไทย แต่ไม่มีกฎหมายเทียบเคียงเอาผิดได้ หนึ่งเสียงเห็นว่าไม่ปรากฏหลักฐาน ควรยกคำร้อง ส่วนอีกหนึ่งเสียงนั้นเห็นว่ามีการกระทำผิด เข้าข่ายควรให้นายทะเบียนพรรคดำเนินการตรวจสอบตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา94
ด้านนายวีระ สมความคิด ประธานอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่าได้คิดอยู่นานแล้วหลังจากที่คณะอนุกรรมการให้ข่าวแต่ต้นปีว่าไม่มีกฎหมายที่จะเอาผิดได้ เท่ากับไปยึดเอาประเด็นนอมินีเป็นหลักแทนที่จะใช้พฤติกรรมเป็นหลัก ถ้าดูในคำร้องของตนก็จะเน้นคำว่าตัวแทนตัวการ ทำไม กกต.ไม่ปรับให้เข้าหลักตัวแทนตัวการตามกฎหมายแพ่ง แต่กลับไปจับคำว่านอมินีซึ่งถือว่าเป้นความพยายามที่จะบิดพริ้ว
“คำว่าตัวแทนมันไม่มีในกฎหมายไทยเลยหรือ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมกกต. ถึงไปคิดว่าผมไปให้ความสำคัญกับคำว่านอมีนี”นายวีระกล่าว
นายวีระกล่าวอีกว่า กำลังจะดูกฎหมาย อาจจะขอดำเนินคดีกับคณะอนุกรรมการชุดนายไพฑูรย์ เนติโพธิ หากมีช่องทางพิสูจน์ได้ว่าคณะอนุกรรมการชุดนี้พยายามบิดเบือนน้ำหนักของคำร้องให้ไปผิดทาง
ส่วนความพยายามที่จะดำเนินการกับพรรคพลังประชาชนนั้น นายวีระกล่าวว่า ก็จะพยายามต่อไป เพราะไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นบรรทัดฐาน ให้อีก 3 - 4 พรรคการเมืองที่กำลังจะถูกยุบพรรค ไปวิ่งหาพรรคใหม่ที่เป็นนอมินีแน่นอน