WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, October 23, 2008

วันเผด็จศึก

บทความ โดย ปูนนก

วันที่ 6 มิถุนายน 2487 กองทัพของสัมพันธมิตรได้ยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส วันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของจุดสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป ก่อนหน้านั้นกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรได้ถูกกองทัพเผด็จการนาซีเยอรมันรุกไล่จนตกทะเล ไม่มีที่อยู่ในแผ่นดินยุโรป ช่วงเวลานั้นประชาชนชาวยุโรปต่างก็ถูกปกครองโดยเผด็จการนาซี ดังนั้นเมื่อกองทัพสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดีสำเร็จ พวกเขาต่างก็ฉลองชัย, ยิ้ม, หัวเราะ, ด้วยความชื่นชมยินดี แม้ว่าขณะนั้นพวกเขายังไม่ได้รับการปลดปล่อยจากนาซีเยอรมัน แต่พวกเขาก็มีความหวัง เพราะเขารู้แล้วว่า อีกไม่ช้าไม่นานเผด็จการนาซี จะต้องถูกขับไล่ออกไปจากประเทศของเขาแน่นอน.....และนี่คือความหมายอันยิ่งใหญ่ของ วันที่ 6 มิถุนายน 2487 วันเผด็จศึก

ประเทศไทยถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการอมาตย์มาอย่างยาวนาน จนทำให้ประชาชนไทยเข้าใจว่า การปกครองด้วยเผด็จการอมาตย์นั้น กลายเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยไป จนกระทั่งท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาบริหารประเทศ และทำให้ประชาชนชาวไทยทั้งมวลเริ่มเข้าใจว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงที่เป็นของประชาชนนั้น จะทำประโยชน์ให้กับประชาชนชาวไทยทั้งมวลและประเทศชาติได้อย่างไร.............

ด้วยเหตุนี้ความเป็นเผด็จการซึ่งได้สำแดงออกมาอย่างเต็มที่ ในวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หลังจากนั้นประชาชนและผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย ได้ถูกเผด็จการอมาตย์รุกไล่ จนบางคนต้องหลบหนีข้ามน้ำข้ามทะเลไปอยู่ต่างแดน, บางคนถูกต้องขังจำคุก, บางคนต้องเก็บตัวเงียบและปิดปากให้สนิท,

เผด็จการอมาตย์เริงร่าอย่างชื่นชมยินดีเมื่อดูเหมือนว่าสามารถกดดันและ รุกไล่ ฝ่ายประชาธิปไตยให้ถอยร่น และหลบหนีไปจนแทบไม่มีแผ่นดินจะอยู่ รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ที่เผด็จการอมาตย์ร่างขึ้นมา ถูกกำหนดให้เป็นกฎหมายสูงสุดสำหรับประเทศนี้ กองกำลังของเผด็จการอมาตย์ถูกกำหนดให้กระจายตัวเพื่อทำหน้าที่ เป็นกองกำลังในการปกครองประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งกองกำลังเหล่านี้อยู่ในรูปของคณะกรรมการอิสระต่าง ๆ เช่น ปปช. สตง. กกต. และยังรวมถึงกองทัพมวลชนพันธมิตร สว. บางส่วน, พรรคการเมืองบางพรรค, และแม้กระทั่งตุลาการบางท่าน ฯลฯ นี่คือกองกำลังที่เผด็จการอมาตย์พยายามดำรงเอาไว้เพื่อครอบครองประเทศนี้

แต่ข่าวดีก็คือ บัดเดี๋ยวนี้ กองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยที่ดูเหมือนว่ากระจัดกระจายถอยร่น แตกพ่าย และถูกครอบครองอยู่นั้น ได้รวมกำลังกันกลายเป็นกองทัพใหญ่ รายล้อมอยู่โดยรอบประเทศนี้เรียบร้อยแล้ว และรอคอยเพียงสัญญาณ ที่จะกำหนดเวลาเข้ามานำประชาธิปไตยกลับมาสู่ประเทศนี้อีกครั้ง หลังจากถูกกดดันทำลายมานาน ในที่สุดฝ่ายประชาธิปไตยก็ได้ชิมลางรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังให้กองทัพเผด็จการได้เห็นในวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผู้คนที่สวมเสื้อแดงพากันมาร่วมชุมนุมอย่างล้นหลามที่ธันเดอร์โดมเมืองทองธานี ได้เป็นสัญญาณให้เห็นว่ากำลังฝ่ายประชาธิปไตยพร้อมแล้ว สำหรับการทวงคืนประชาธิปไตยให้กลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง

การชุมนุมคนเสื้อแดงในวันที่ 11 ตุลาคมที่ธันเดอร์โดมที่ผ่านมา ได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับเผด็จการอมาตย์อย่างยิ่ง จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะเร่งรัดในการทำลายฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้ในทุก ๆ วิธี ดังที่ได้เห็นในระยะที่ผ่านมา ทั้งการเปิดตัวอย่างชัดแจ้งของผู้สนับสนุนพันธมิตร, การกดดันของฝ่ายตุลาการในเรื่องการยุบพรรคอย่างเร่งรีบ, และล่าสุดสั่งจำคุกท่านนายกทักษิณกรณีที่ดินรัชฎาไปเรียบร้อย, ข่าวลือถึงเรื่องการทำรัฐประหารแม้กระทั่งผู้นำเหล่าทัพก็ออกมากดดันท่านนายกสมชายให้ลาออกด้วยตนเอง, ม๊อบ พันธมิตร เร่งเครื่องทำการชุมนุมดาวกระจายมากขึ้น ฯลฯ

ความถ่อยเถื่อนและการเร่งรัดอย่างรีบเร่งผิดสังเกตของเหล่าเผด็จการอมาตย์ ที่จะทำลายฝ่ายประชาธิปไตยให้จงได้ โดยไม่หวั่นเกรงต่อความรู้สึกของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่เฝ้าดูอยู่ เป็นสัญญาณที่น่าสังเกตอย่างยิ่งว่า เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ในปัจจุบันสำหรับเหล่าอมาตย์......

การโต้กลับเป็นฝ่ายรุกของรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยการสลายการชุมนุม พันธมิตรที่ไปปิดล้อมรัฐสภาผ่านมา และการรวมตัวกันของประชาชนชาวเสื้อแดงในวันที่ 11 ตุลาคมนั้น คือกองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยที่กำลังทำสงครามตีโต้การครอบครองของฝ่ายอมาตย์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าด้วยพลังแห่งมวลชนเสื้อสีแดงที่เกิดจากความรักในประชาธิปไตย กำลังจะรวมกันกลายเป็นแรงขับเคลื่อนมหาศาล ที่จะพลิกประเทศไทยให้กลับคืนมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงให้ได้

ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ คือการรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ของพลังแห่งประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตยทั้งชาติ ที่สนามกีฬาราชมังคลาสถาน หัวหมาก เป็นที่น่าเชื่อได้ว่าจะมีประชาชนมาจากทุกภาคส่วนของประเทศไทย ไม่น่าจะน้อยกว่า 100,000 คน (อ่านว่าหนึ่งแสนคน) ที่จะเข้ามาร่วมชุมนุม และที่เป็นไฮไลท์สำคัญก็คือ ท่านนายกทักษิณ ชินวัตร จะโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมเข้ามาแถลงข่าวแจ้งให้ประชาชนไทยทั้งชาติได้รับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้.....

วันเผด็จศึกที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งชัยชนะในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เริ่มขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน 2487 แต่วันเผด็จศึกที่จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการล่มสลายของเผด็จการอมาตย์ สำหรับประเทศไทยก็คือวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ที่จะถึงนี้..... เราทุกคนกำลังอยู่ในภาวะสงครามระหว่างเผด็จการ กับประชาธิปไตย อะไรจะเกิดก็จะต้องเกิด ในทุกสงครามก็จะต้องมีการสูญเสีย แม้ว่าประชาชนจะสูญเสียมากเพียงใด แต่เมื่อวันเผด็จศึกมาถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งความหวัง และการฉลองการเริ่มต้นแห่งชัยชนะ

การต่อสู้นั้นจุดหมายก็เพื่อชัยชนะ และชัยชนะในครั้งนี้ก็คือ ต้องนำระบอบประชาธิปไตยมาสู่ประเทศไทยอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยทุกคนให้จงได้ ขอให้พี่น้องชาวไทยที่รักประชาธิปไตยทั้งหลายพร้อมใจกันลุกขึ้น แสดงความรู้สึกแห่งความรักและศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย เพื่ออธิปไตยของชาติ และเสรีภาพของปวงชนชาวไทยทั้งมวล เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ของท่านก็คือเพื่อตัวท่านเองและลูกหลานของท่านในอนาคตนั่นเอง

จาก thaifreenews