โฆษกรัฐบาลระบุชัด! หากเกิดการยึดอำนาจ ประชาชนนับแสนคนจะออกมาต่อต้านแน่นอน ส่วน‘ทักษิณ’เตรียมต่อสายตรง‘ความจริงวันนี้’ถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เชื่อ 1 พ.ย.คนมาแน่นราชมังคลาฯ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมที่จะให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ‘ความจริงวันนี้’โดยจะออกอากาศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานว่า ตนก็เพิ่งทราบจากข่าว และยังไม่ได้คุยกับผู้จัดรายการ ว่าจะมีการให้พ.ต.ท.ทักษิณส่งสัญญาณ โทรศัพท์มาหรือไม่
ทั้งนี้ทางผู้จัดรายการจะแถลงถึงรูปแบบการจัดงานและวัตถุประสงค์ให้สื่อมวลชนได้ทราบในสัปดาห์หน้า แต่โดยหลักการก็ต้องถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะแสดงความเห็นผ่านช่องทางต่าง ๆ สู่สาธารณะได้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะเป็นการยั่วยุฝ่ายตรงข้ามให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เท่าที่ตนได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมที่ผ่านมา ถือเป็นการจัดกิจกรรมที่อยู่ในพื้นที่มีรั้วรอบขอบชิดชัดเจน ไม่มีการเคลื่อนขบวนไปไหน มีกำหนดเวลาเริ่มและเลิกชัดเจน เป็นการชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธ ไม่มีนักรบหรือกองกำลังจากที่ใดมาคอยดูแลห้อมล้อมให้ตกใจกัน แม้จะมีการแสดงอารมณ์ความรู้สึกจากประชาชนทางด้านการเมืองบ้าง แต่ก็ถือเป็นมิติใหม่ของการชุมนุมเคลื่อนไหว และคิดว่าในวันดังกล่าวประชาชนจะมาชุมนุมเต็มสนามราชมังคลาฯ
นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกระแสการปฏิวัติว่า ตนเชื่อมั่นว่าถ้าหากมีการออกมาปฏิวัติของทหารจะมีประชาชนออกมาต่อต้านมากกว่า 7 หมื่นคนแน่นอน
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของรายการ “ความจริงวันนี้” กับพล.ต.อ.สล้าง บุญนาค อาจถูกมองว่าเป็นกระบวนการเดียวกัน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีการดำเนินการร่วมกัน เพียงแต่ทั้ง 2 กลุ่มมีเป้าหมายเดียวกันคือไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่อต้านการรัฐประหารทันที และเป็นความต้องการร่วมกันที่อยากจะเอาทำเนียบรัฐบาลคืนมา
ส่วนที่ พล.ต.อ.สล้างประกาศปิดล้อมทำเนียบฯ และอาจใช้อาวุธพิเศษเพื่อสลายกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในชั้นนี้ยังเป็นเพียงการแสดงความเห็น หากมีกรณีที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงสูญเสีย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะต้องพยายามเจรจาควบคุมไม่ให้เกิดขึ้น อยากตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของประชาชนหลายกลุ่มวันนี้มีเพียงกลุ่มพันธมิตรฯกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตนเอง มีการประกาศตัวเป็นนักรบ จัดหน่วยลาดตระเวน และตั้งสน.พันธมิตรฯ ซึ่งสังคมควรจะกังวลว่าสภาพในทำเนียบฯกลายเป็นที่ตั้งของกองกำลังติดอาวุธไปแล้วหรือ
เชื่อ 'ทักษิณ'พร้อมคืนเครื่องราชฯตามกม.
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ อาจต้องคืนเครื่องราชอิสริยาภารณ์ เนื่องจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2ปีในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดิน ถนนรัชดาภิเษกจากกองทุนเพื่อการฟื้นและพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า หากระเบียบหลักเกณฑ์กำหนดไว้และ
พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดเข้าข่าย ซึ่งต้องคืนเครื่องราชฯ ก็คงต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้เมื่อพิจารณาดูจากความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกิดจากการคอร์รัปชั่น แต่เป็นความผิดตามกฎหมายเฉพาะที่เกี่ยวพันธ์กับภริยา(พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนุญว่าด่วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542) ดังนั้นใครเปิดประเด็นและพยายามโยง เพราะต้องการจะเหยียบซ้ำพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำได้