การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ที่บางคนปรามาสว่าเป็นแค่เสียงจากนายตำรวจนอกราชการ ที่ไม่ได้มีอำนาจบารมีอย่างแต่ก่อน คงจะไม่เป็นจริงตามนั้นเสียแล้ว
เพราะเพียงแค่ พล.ต.อ.สล้าง ขยับ ก็มีแนวร่วมตอบรับทั้งในและนอกประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือ และตำรวจนับพันที่พร้อมลาออกจากราชการ
รวมไปถึงท่าทีของพันธมิตรฯ ที่ทำเหมือนกล้าๆ กลัวๆ ทำเหมือนจะเลิกการชุมนุมในตอนแรก ก็บอกกล่าวได้เป็นอย่างดีว่าบารมีของ พล.ต.อ.สล้าง เป็นอย่างไร
อาจจะแตกต่างกันไปบ้างก็ตรงที่ในวันนี้ พล.ต.อ.สล้าง นุ่มนวลมากขึ้น และระมัดระวังอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ไม่ให้มีการบาดเจ็บล้มตาย ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่วก็ตาม
เพราะเท่าที่ประมาณการกำลังสนับสนุนแล้ว หาก พล.ต.อ.สล้าง จะนำพรรคพวกเข้าทวงทำเนียบรัฐบาลคืนในวันนี้ก็ยังไม่ใช่เรื่องยากเย็น
เพียงแต่ว่าเมื่อสู้กับคนที่มีอาวุธ รบกับคนที่สั่งสมกองกำลังมานานถึง 5 เดือน การหลีกเลี่ยงความสูญเสียเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
โดยเฉพาะเป็นการสุ่มเสี่ยงมากหากฝ่ายตรงข้ามจะคิดชั่วได้เหมือนอย่างที่ผ่านมา คือยอมฆ่าพวกเดียวกันเพื่อป้ายสีให้ฝ่ายตรงกันข้ามเสียหาย
และแม้ว่าพันธมิตรฯ จะประกาศชุมนุมต่อไปจนกว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะลาออก
แต่ท่าทีในช่วงเช้าวันเดียวกันที่แถลงข่าวโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย กลับแบะท่าไปแล้วว่าอาจจะหยุดการชุมนุมชั่วคราว พร้อมบ่นถึงความยากลำบากสารพัด
เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้ไปพลิกผันเอาเมื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ยังไม่อยากลงจากหลังเสือ เพราะเป็นคนเดียวในกลุ่มแกนนำที่ได้รับผลประโยชน์มหาศาล
ทั้งจากการขายสื่อในเครือ การทำเสื้อ ทำอุปกรณ์ทั้งหลายจำหน่าย
รวมไปถึงเงินบริจาคให้ ASTV ก็เหมือนกับเป็นการยักยอกเงินเพื่อนซึ่งๆ หน้า แบบเดียวกับการทำมาหากินร่วมกับโทรศัพท์ค่ายดีแทค ขาย SMS ราคาแพง เพื่อเลี่ยงบาลีการสนับสนุนอย่างโจ๋งครึ่ม
แล้วดีแทคในวันนี้เป็นใคร หุ้นส่วนต่างประเทศเท่าไร telenor ถือหุ้นอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ จะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับการเข้ามาทำลายเมืองไทยอย่างไรหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องที่ค่ายผู้จัดการโกรธจัดถึงกับตัดสัมพันธ์นายพลคนดัง กรณีประมูล 3G ที่ค่าย AIS คว้าพุงปลาไปกิน
เช่นเดียวกับ นายสุริยะใส กตะศิลา ที่ยังหลงระเริงกับผลตอบแทนมหาศาล ก็เป็นอีกเสียงหนึ่งที่ไม่อยากให้เลิก ไม่อยากให้หยุด
ซึ่งใครที่สังเกตสักนิดก็คงจะเห็นว่าแกนนำพันธมิตรฯ ที่แถลงข่าวร่วมกันเป็นวาระด่วน แต่ละคนไม่สู้จะมีสีหน้าแช่มชื่นสักเท่าไร
แม้แต่ นายสุริยะใส ก็ยังประกาศงดแถลงข่าวรอบ 1 ทุ่ม ที่แถลงเป็นประจำเอาดื้อๆ
งานนี้คนที่ไม่แฮปปี้ และไม่แฮปปี้ ก็คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย เพราะต้องทำงานหนักมากกว่าเก่า
ต้องคอยระแวดระวัง หวาดผวาว่า พล.ต.อ.สล้าง จะส่งคนเข้ามาเมื่อไร
อาจจะถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ติดกัน 4-5 วันอีกครั้ง เหมือนเมื่อคราวเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลใหม่ๆ ท่ามกลางข่าวบุกสลายม็อบที่ออกมาเป็นระลอก
ก็ขอบอกว่า พล.ต.จำลอง คงต้องวางกำลังเอาไว้ให้แน่นหนา และต้องหูตาไว
เพราะคนระดับ พล.ต.อ.สล้าง คงไม่ใช่แค่คิดแล้วก็ออกมาพูดปาวๆ แต่คงมีการเก็บข้อมูล ประเมินสถานการณ์มานาน เรื่องพวกนี้ตำรวจก็อาจจะชำนาญกว่าทหาร ที่เน้นการใช้กำลัง ใช้ความรุนแรงเสียมากกว่า
และที่สำคัญ แนวร่วมของ พล.ต.อ.สล้าง มีมากมายกว่าที่ประกาศตัวออกมามากมายนัก ผมว่างานนี้ พล.ต.จำลอง ต้องไม่คลาดสายตาเลยทีเดียว เพราะอาจจะตายน้ำตื้นได้ง่ายๆ
แต่ก็ต้องฝากเตือนคนที่ไปร่วมชุมนุมกันสักนิด ให้ระมัดระวังความปลอดภัย เพราะพวกหมาบ้าเวลาเข้าตาจนแล้วมันกัดไม่เลือกเลยเหมือนกัน
เหมือนที่เคยมีข่าวมาแล้วหลายครั้งว่า มีการซ้อมผู้เข้าร่วมชุมนุมปางตาย ส่วนคุณสุภาพสตรี ก็อาจจะได้ข้อหาโสเภณีติดตัวไปดื้อๆ
ที่จริงแล้วผมไม่เคยปรารถนาให้คนไปรบรากันเองแม้แต่น้อย อยากเห็นการแก้ปัญหาด้วยการพูดจาทำความเข้าใจกันมากกว่า
แต่กรณีของพันธหมา...ผมคงต้องยอมหรี่ตา หรือจะให้หลับสนิท ไม่รู้ ไม่เห็น ก็เอา...!!