WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 7, 2009

"กกต.ชุด...′หนา 2".....

ที่มา มติชนออนไลน์


โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

ความไม่ชอบมาพากลใน กกต.นั้นมีหลายเรื่อง เช่น หมกเม็ดการสอบสวนวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่ กกต.2 คนที่ปลอมลายเซ็นเอกสารที่ส่งศาลฎีกาในคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช นานกว่าครึ่งปี

เห็นอาการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่มีนายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นประธานแล้วรู้สึกว่า มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกับ กกต.ชุดที่มีพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน จนเกือบจะคิดว่าเป็น " กกต.ชุดวาสนา 2 "หรือเรียกสั้นๆว่า "กกต.ชุด..′หนา2"


ที่ว่า พฤติการณ์ใกล้เคียงกันนั้น มีตั้งแต่ความไม่ลงรอยกันของ กกต.ทั้ง 5 คน, การทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพ, การวินิจฉัยคดีที่ถูกมองว่าไม่มีบรรทัดฐาน, ทำงานไร้ประสิทธิภาพคดีตกค้างเป็นจำนวนมาก, ดื้อดึงไม่แก้ไขความผิดพลาด, ปกปิดข้อมูล ขาดความโปร่งใส


ที่สำคัญคือ มีการร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการวินิจฉัยว่า นายนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสมาชิกภาพ อาจทำให้ต้องเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับ กกต.ชุด พล.ต.อ.วาสนา


ความไม่ชอบมาพากลใน กกต.นั้นมีหลายเรื่อง เช่น หมกเม็ดการสอบสวนวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่ กกต.2 คนที่ปลอมลายเซ็นเอกสารที่ส่งศาลฎีกาในคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช นานกว่าครึ่งปี แต่ขอยกมาเพียง 2 ตัวอย่าง ดังนี้


หนึ่ง กกต.มีมติเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551ว่า นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมาและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมีพฤติการณ์หลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จจริงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ในการเลือกตั้งปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ว.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 53(การทุจริตเลือกตั้งด้วยการจูงใจให้ลงคะแนนด้วยวิธีการต่างๆ) แต่ให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายบุญจงเพียงอย่างเดียว(แถมยังล่าช้านานถึง10 เดือน) โดยไม่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ให้ใบแดง)ซึ่งต้องส่งคำร้องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 239 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 111


คำถามคือ เคยมีผู้สมัครรับเลือกตั้งรายใดบ้างที่ กกต.มีมติว่า เป็นผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 53 แต่ไม่ถูกแจกใบแดง


หรือมีนายบูญจงเพียงกรณีเดียว?


ที่ผ่านมา เลขาธิการ กกต.เคยหยิบยกคดี 3 คดีมาเปรียบเทียบ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เป็นตามที่ชี้แจง เพราะมีถึง 2 คดีกระทำผิดเกี่ยวกับการติดป้ายไม่เป็นไปตามระเบียบ กกต.


ยิ่งประธาน กกต.อ้างว่า การปราศรัยโจมตีผู้อื่นไม่ใช่เรื่องความไม่สุจริต และไม่มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม ไม่ให้ใบแดงนายบุญจง


แต่ประธาน กกต.คง(แกล้ง?)ลืมไปแล้วว่า กกต.มีมติเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2551แจกใบแดงนายธานินทร์ ใจสมุทร นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดสตูลในข้อหาปราศรัยใส่ร้ายเช่นเดียวกับนายบุญจง และต้องส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 239


นอกจากนั้น ถ้าพิจารณาจากเอกสารโหวตเสียงของ กกต.แต่ละคนพบว่า นายประพันธ์ นัยโกวิทและนายสุเมธ อุปนิสาการมีความเห็นว่า มีการกระทำความผิดมากกว่าการปราศรัยใส่ร้าย แต่มีการให้ทรัพย์สินด้วยเพราะเห็นตามความเห็นของอนุการสืบสวนฯและเลขาธิการ กกต.


ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรมรทำเครื่องหมายในช่องให้ดำเนินคดีอาญาอย่างเดียว


ส่วนนายอภิชาตเอง แม้จะให้ดำเนินคดีอาญาอย่างเดียว แต่เห็นว่า นายบุญจงมีความผิดในข้อกล่าวหาที่ 1 และ 3 แสดงว่า มากกว่าการปราศรัยใส่ร้าย


จากข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่า กกต.อย่างน้อย 3 คน เห็นว่า นายบุญจงมีความผิดมากว่าการปราศรัยใส่ร้ายฯซึ่งน่าจะเพียงพอในการให้ใบแดงแล้ว


การที่ กกต.มีมติเพียงให้ดำเนินคดีอาญาอย่างเดียวจึงเป็นพิรุธอย่างมาก


เมื่อมีการเปิดโปงเรื่องนี้ทางสื่อมวลชน มีข่าวว่า กกต.บางคนซึ่งลงชื่อไปแล้วแก้ร่างคำวินิจฉัยหลายรอบเพื่อลดข้อกล่าวหาให้น้อยลง


สอง กกต.มีมติเอกฉันท์ให้นายสุรเดช ส.ว.ปราจีนบุรี พ้นจากความเป็น ส.ว.เนื่องจากขาดคุณสมบัติ เพราะพ้นจากเป็นการสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เกิน 5 ปี แต่กลับส่งให้ประธานวุฒิสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้งๆที่เป็นการคัดค้านการเลือกตั้งหลังประกาศผล ต้องส่งให้ศาลฎีกาฯตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 239ซึ่งท้ายคำวินิจฉัยของ กกต.เองก็อ้างอิงมาตราดังกล่าว แต่กลับทำในทางตรงกันข้าม


ยิ่งฟังนางสดศรีชี้แจงว่า ที่ไม่ส่งศาลฎีกาเพราะนายสุรเดช ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ขาดคุณสมบัติการเป็นส.ว. แล้วเห็นได้ชัดว่า ขัดแย้งกับ มติกกต.กรณีนายสมบูรณ์ นุชพันธ์ อดีตนายก อบต.แก่งกระจานที่ขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่ยื่นบัญชีทรัพย์ต่อ ป.ป.ช. โดย กกต.เขียนคำวินิจฉัยว่า มีผลให้การเลือกตั้งที่มีขึ้นเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม การประกาศผลจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและส่งให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย


เรื่องนี้ถ้านายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำตัวเป็นแค่บุรุษไปรณีย์ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อาจมีชะตากรรมเดียวกับ"กกต.ชุด...′หนา 2 "