WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, February 2, 2009

'เทพเทือก'ยืนยันขอสู้กกต.ถึงฎีกา

ที่มา เดลินิวส์

มั่นใจทำบุญไม่น่าผิด ก.ม.สุเมธปฏิเสธอุ้มคดีบุญจง

"เทพเทือก"ลั่นขอสู้ กกต.ถึงฎีกา มั่นใจไปทำบุญวันสงกรานต์ไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง แจงเลิกแจกทุนการศึกษามานานแล้ว นายกฯอภิสิทธิ์ ยึด 9 กฎเหล็กจัดการ รมต.มีปัญหา ขณะที่กกต.เต้น “สุเมธ” ปฏิเสธอุ้มคดี “บุญจง” ฝ่ายเลขาฯกกต.ยอมรับสะสางคดีอืด เปลี่ยนถ่ายงานยังไม่ดีขึ้น รับไปแก้ไข โอดตกเป็นเป้าดึงไปถล่มทุกคราวยามการเมืองขัดแย้ง “เพื่อไทย” ปักธงตรวจสอบ กกต. พร้อมจองอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 รมต.ฉาว “สุรพงษ์” เรียกร้องรัฐบาลยุบสภา “พร้อมพงศ์” ขู่ลากไส้แก๊งปลากระป๋องเน่า ระบุ “เจ๊ บ.” กร่างคับกระทรวง นายกฯจ้อเข้าประชุมดาวอส เชื่อมั่นกู้ภาพลักษณ์สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนไหลเข้า ไทยกลับคืนได้ ให้มั่นใจประเทศมีเงินพอใช้ไม่ฝืดเคือง ส่วน “เพื่อไทย” ห่วงต้องกู้เงินนอกเข้ามาใช้

แจงไปทำบุญวันสงกรานต์

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุจะดำเนินคดีอาญากับตนฐานเป็นเหตุจูงใจในการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนายกอบจ.สุราษฎร์ธานีว่า เป็นเรื่องเก่าก่อนที่จะจัดตั้งรัฐบาลนี้ ซึ่งกกต.มีคำวินิจฉัยออกมาเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนก็มีเพียงในฐานะที่เป็น ส.ส.สุราษฎร์ธานี ไปร่วมงานสงกรานต์ที่ อ.เกาะสมุย โดยมี ส.ส. อีก 2 คนคือ นายชุมพล กาญจนะ และนายประพนธ์ นิลวัชรมณี ไปด้วย หลังร่วมทำบุญตนได้แจกผ้าขนหนูที่มีชื่อของ ส.ส.ทั้ง 3 คน ให้กับผู้ใหญ่ร้อยกว่าคนจากนั้นก็เดินทางกลับ ไม่มีการปราศรัยทางการเมืองใด ๆ เพียงแต่อวยพรสงกรานต์ปีใหม่ไทยเท่านั้น

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ต่อมามีคนไปร้องเรียนว่า นายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายของตนซึ่งลงรับสมัครนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี และกล่าวหามาถึงตนว่าการที่ไปร่วมงานทำบุญดังกล่าวทำให้มีผลได้ผลเสียต่อคะแนนของน้องชายตน ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เหตุเกิดที่ อ.เกาะสมุย ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของสุราษฎร์ฯต้องใช้เวลา เดินทางทางเรือ 2 ชั่วโมง ซึ่งนายธานีน้องของตนก็ไม่ได้เดินทางไปร่วมงานนี้ด้วย

เลิกแจกทุนให้ นร.นานแล้ว

“ส่วนเรื่องการแจกทุนการศึกษาเข้าใจว่าเขาจะฟังมาผิด มันจึงเป็นข้อหาที่ผิดเพราะผมไม่เคยไปแจกทุนการศึกษาที่เกาะสมุยเลย ที่ ไหนก็ไม่ได้แจก เพราะเรื่องนี้ระวังอยู่แล้ว เนื่องจากตอนหลังมีกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นออกมา จากเมื่อก่อนที่ผมเคยแจกทุนการศึกษาส่วนตัวส่งให้เด็ก ๆ เรียนปีละ 48 คน มาช่วงหลังก็ไม่ได้ให้ใครเลยเพราะกฎหมายห้ามไว้ว่า คนเป็น ส.ส.ให้เงินใครเกิน 3 พันบาทไม่ได้ ต้องระวัง” นายสุเทพ กล่าว

รองนายกฯ ยังระบุอีกว่า เรื่องการแจกทุนการศึกษา เป็นเรื่องที่น้องชายของตนให้ทุนการศึกษากับเด็กในนามของนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงที่เขาเป็นนายกอบจ.อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ทางอนุกรรมการสอบสวนของกกต.ก็ยกคำร้องเรียนนี้ไปแล้ว เข้าใจว่าการให้ข่าวของกกต.คงจะสับสน แต่เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับผมใน ระยะนี้ เพราะกกต.ต้องสรุปสำนวนใบเหลืองกับน้องชายของผมยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ก่อน

“เทพเทือก”ขอสู้กกต.ถึงฎีกา

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ถ้าศาลมีคำพิพากษาให้ใบเหลืองกับน้องชายตน โดยต้องมีการเลือกตั้งนายก อบจ.ใหม่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อถึงตอนนั้นกกต.ค่อยมาตั้งเรื่องการดำเนินคดีอาญากับตนในข้อหาทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ ซึ่งตนจะสู้คดีถึง 3 ศาล จนถึงชั้นฎีกา ทั้งนี้ หาก กกต.ชี้มูลแล้วตนก็จะไม่ลาออกเพื่อสร้างมาตรฐานทางการเมืองที่พิสดารขนาดนั้น เพราะเป็นเรื่องไปทำบุญตามประเพณี ไม่ได้ไปทำ ผิดกฎหมายอะไร หรือไปฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ ได้ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอะไร และยังเป็นปัญหาที่ต้องตีความกันอีกว่า การไปทำบุญตาม ประเพณีมันผิดหรือไม่อย่างไร และตนไม่หนักใจในเรื่องนี้

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงกับนายกรัฐมนตรีแล้วเมื่อคืนวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯก็เข้าใจ แต่ยอมรับว่าต่อจากนี้ก็ต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้ยกเรื่องของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ว่าทำผิดเช่นเดียวกับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และอาจมีผลถึงยุบพรรคภูมิใจไทย นายสุเทพ ตอบว่า ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพิ่งจะทราบจากข่าวเมื่อเช้านี้เอง และไม่ทราบรายละเอียดอะไร จึงไม่อยากวิจารณ์อะไรไปก่อน

ปัดหาคนเสียบแทน“วิฑูรย์”

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการแจกปลากระป๋องหมดอายุของนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว. การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่า พวกตนตระหนักดีว่ากระทบกับความรู้สึกจริง ๆ ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงที่นายกฯเดินทางไปที่สวิต เซอร์แลนด์ จึงคิดว่าจะมาคุยเรื่องนี้ประมาณ วันที่ 2-3 ก.พ.นี้ โดยตนจะไม่ปกป้องคนผิด แม้แต่ตนเอง เพราะตั้งความหวังไว้ว่าเราจะต้องเป็นรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประชาชนให้ได้ ดังนั้นอะไรที่ต้องเสียสละก็ต้องทำ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่มีการเตรียมรายชื่อผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีไว้แต่อย่างใด อย่าไปคิดข้ามช็อต ตนม่มีการเตรียมรายชื่ออะไรไว้จนกว่าจะได้ข้อสรุป มาพูดกันอย่างนี้ตอนนี้นายวิฑูรย์ คงนอนฝันร้าย ไปแล้ว

นายกฯยึด9กฎเหล็กคุมรมต.

ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ เวลา 15.25 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก ครั้งที่ 39 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถึงการที่เคยระบุว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันภายหลังกลับจากเมืองดาวอส ในการจัดการ ปัญหากรณีความไม่โปร่งใสในการแจกถุงยังชีพของนายวิฑูรย์ และการแจกเงินพร้อมแนบนามบัตรของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่ จ.นครราชสีมาว่า เมื่อครบเวลาแล้วตนจะเรียนให้ทราบ โดยตนจะยึดประโยชน์ของส่วนรวมและหลักมาตรฐาน 9 ข้อเป็นหลัก

นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.ชี้มูลว่านายสุเทพมีความผิดจากการแจกทุนการศึกษาในช่วงการเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ที่นายธานี เทือกสุบรรณ ลงสมัคร และเตรียมส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่า ทราบว่ามีการร้องเรียนในช่วงเลือกตั้งนายก อบจ. ถ้าเข้าใจไม่ผิดเป็นการร่วมกิจกรรมในวันสงกรานต์ แต่กระบวนการต้องขึ้นอยู่กับศาลอุทธรณ์ ตอนนี้เรายังไม่ทราบว่าข้อยุติในส่วนของศาลอุทธรณ์และการดำเนินงานในกระบวนการทางอาญาจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อถามว่า นายสุเทพยังไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าว ว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรต้องรอให้ทุกอย่างเดินไปให้มีความชัดเจนก่อน

“สุเมธ”ปัดกระเตง“บุญจง”

นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่กกต.เคยมีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจงว่า ตนจำไม่ได้ว่า กกต.เคยมีมติดังกล่าวไปว่าอย่างไร และยังจำไม่ได้ว่าตนเองเคยให้ใบแดงกับนายบุญจงหรือไม่ เพราะเวลาวินิจฉัยตนไม่ได้สนใจชื่อผู้ถูกร้องมากนัก และไม่ได้ดูว่าใครสังกัดพรรคไหน อีกทั้งตอนกกต.วินิจฉัยสำนวนของนายบุญจงนั้น นายบุญจงเป็นผู้สมัครที่สอบตกจึงไม่ให้ความสนใจ และไม่คิดว่านายบุญจงจะได้มาเป็นรัฐมนตรีในอนาคต ทั้งนี้ ยืนยันว่ากกต.ไม่ได้อุ้มนายบุญจงตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน

ส่วนข้อกล่าวหาว่า กกต.ดองเรื่องนี้ไว้ทั้ง ๆ ที่ กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจงตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2551 นั้น ขอเรียนว่าในขณะนั้นเรื่องดังกล่าวอยู่ที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน และช่วงเวลาดังกล่าวมีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้การทำสำนวนต่าง ๆ ล่าช้า กระทั่งเดือน ก.ย. 2551 กกต.มีคำสั่งแต่งตั้งสำนักวินิจฉัยและคดีขึ้นมา ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้ตนเป็นผู้ควบคุมสำนักดังกล่าว โดยโอนสำนวนที่ค้างอยู่ในสำนักสืบสวนสอบสวน มาให้สำนักวินิจฉัยและคดีเป็นผู้ดูแลแทน ทั้งนี้จะเร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว

กกต.ยอมรับสะสางคดีล่าช้า

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงมติ กกต.ให้ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง แต่กลับล่าช้าในการแจ้งข้อกล่าวหาที่มีความผิดตาม มาตรา 53 ของ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มา ซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 ว่า ก่อนหน้านั้นฝ่ายสืบสวนสอบสวนก็มีร่างคำวินิจฉัยสำนวนเลือกตั้งท้องถิ่นจำนวนมาก ทำให้เกิดความล่าช้า กกต. จึงตั้งสำนักวินิจฉัยและคดีขึ้นมาเมื่อเดือน ก.ย. 2551 ก็เพื่อให้การจัดทำคำวินิจฉัยส่งศาลมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น แต่ตั้งขึ้นมาแล้วก็ยังพบว่ามีปัญหาอยู่ก็ต้องหาทางปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น

นายสุทธิพล กล่าวว่า การที่สื่อบอกว่า กกต.มี 2 เสียงให้ใบแดงนายบุญจงนั้น ที่ตนชี้แจงก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงได้รับรายงานเข้ามา ยังไม่เห็นเอกสารมติดังกล่าวเลย และตนก็ทราบมาว่ากกต.ได้มีมติเอกฉันท์ให้ดำเนินคดีอาญานายบุญจงด้วย แต่ก็เข้าใจว่าอาจมี 2 เสียงของ กกต.ตามที่เป็นข่าวที่ยังให้ใบแดงนายบุญจงไปพร้อมกัน

โอดตกเป็นเป้าถล่มตลอด

นายสุทธิพล กล่าวถึงกรณีของนายสุเทพถูกแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอาญานั้นเป็นเพียงกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นเท่านั้น ไม่ใช่การทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเข้าตามมาตรา 237 แห่งรัฐธรรมนูญประกอบกับมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีผลถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้ เพราะกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นต่างกันใช้กับส.ส.ไม่ได้ ซึ่งนายสุเทพถูกข้อหาตามมาตรา 57 ของกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นและกฎหมายดังกล่าวก็ไม่ได้เขียนให้เป็นผลเชื่อมโยงจนพรรคถูกยุบได้ การจะยุบพรรคได้ต้องทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้งส.ส.เท่านั้น ทั้งนี้นายสุเทพยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และยังต้องสู้กันต่อไปในกระบวนการหากศาลยืนตามมติ กกต.

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านและกลุ่มเสื้อแดงจะหยิบยกกรณีกกต.ดำเนินคดีอาญานายบุญจงล่าช้าขึ้นมาตรวจสอบ นายสุทธิพล กล่าวว่า กกต.เป็นองค์กรอิสระที่ให้คุณให้โทษกับนักการเมือง เมื่อใดที่กกต.ไม่ให้โทษ กกต.ก็จะเพลี่ยงพล้ำทุกครั้ง ทุกยุคเมื่อเกิดปัญหาข้อโต้แย้งขึ้นมากกต.ก็ จะถูกลากเข้าไปให้ถูกตรวจสอบเสมอ

โฆษกมท.เชื่อกลการเมือง

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายบุญจงแจกเงินพร้อมแนบนามบัตรว่า ขอแสดงความเห็นในฐานะข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ตนเห็นว่าตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง รมช.มหาดไทย นายบุญจงก็มีความใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่และการบริหารราชการเป็นอย่างดี แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปหมด เท่าที่ทราบการแจกของให้กับประชาชนวันนั้นก็อยู่ในสายตาข้าราชการและหลายฝ่าย โดยมีการประกาศให้ทุกส่วนรับรู้

โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า ของที่แจกมีการแยกออกเป็นส่วน ไม่ได้นำนามบัตรแนบไปกับของที่แจกแต่อย่างใด ซึ่งคนที่แจกนามบัตรเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ตัวนายบุญจงแจกเอง ตนเห็นว่าไม่ควรมีการนำการเมืองมาพัวพันในทุกเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนผู้ยากไร้ ถ้ามองเป็นประเด็นการเมืองทุกเรื่องก็จะทำให้การช่วยเหลือประชาชนในอนาคตเกิดปัญหา เพราะต้องพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ สุดท้ายแล้วผลกระทบจะตกอยู่ที่ประชาชนที่ขาดโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือ

พท.เดินหน้าตรวจสอบกกต.

นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร และ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องดำเนินการตรวจสอบเรื่องการดองคดีของนายบุญจงและนายสุเทพในเรื่องนี้อย่างแน่นอน โดยการสัมมนาส.ส.ของพรรควันที่ 2 ก.พ.นี้ ตนจะหยิบยกเรื่องนี้เข้าหารือ ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าถ้ากกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญา ย่อมหมายความว่า กกต.ต้องมีหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลทั้ง 2 กระทำความผิดตามกฎหมายจริง จะต้องมีมติว่าจะเป็นอย่างไร จะให้ใบเหลือง ใบแดง หรือใบขาว แต่กรณีนี้ไม่ปรากฏมติเช่นนั้นมีเพียงให้ดำเนินคดีอาญาเท่านั้นซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อพิรุธอย่างหนึ่ง

นายพีรพันธุ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นนี้ปรากฏเป็นข่าวขึ้น ตนคิดไว้เลยว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยจะต้องมีการพูดคุยกันเพื่อตรวจสอบการทำหน้าที่ของกกต. ซึ่งการทำหน้าที่ของกกต.ที่แล้วมาไม่มีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้น หากจะมาอ้างว่าเป็นเรื่องงานธุรการคงไม่ใช่ เนื่องจากกกต.เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด เมื่อสั่งแล้วหน่วยงานที่ส่งเรื่องไม่ดำเนินการต่อผู้เป็นกกต.ก็ต้องมีหน้าที่เร่งรัด อย่างไรก็ตาม หากมีความชัดเจนว่ากกต.ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่จะถือว่าคุณละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ซึ่งจะต้องดำเนินคดีทางอาญาต่อไป

ขึ้นบัญชีอภิปราย3รมต.

ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้แกนนำพรรคเพื่อไทย กำลังพิจารณาการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายที่พรรคกำลังพิจารณานั้นประกอบด้วย นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีเรื่องความผิดปกติกรณีการแจกถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ จ.พัทลุง นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่แจกเงินช่วยเหลือประชาชนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมแนบนามบัตรตนเอง ที่บ้านพักในจ.นครราชสีมา และนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ที่เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิ

นายวิชาญ กล่าวว่า จำนวนเสียงส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 187 คนนั้นเพียงพอที่จะยื่นขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ส่วนจะยื่นเมื่อไรนั้นฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยกำลังพิจารณา หากนายอภิสิทธิ์ปรับครม.นำทั้ง 3 คนออกจากตำแหน่งก่อนเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้จะเป็นสิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนั้นไม่สามารถหนีความรับผิดชอบไปได้ และการปรับ ครม.จะทำให้กระทบเสถียรภาพภายในของรัฐบาล

เรียกร้องรัฐบาลยุบสภา

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ นายอภิสิทธิ์ ต้องประกาศยุบสภาได้แล้ว เพราะหมดความชอบธรรมในการได้มาซึ่งอำนาจ และที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์เคยเรียกร้องให้รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ลาออกหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯออกมาเคลื่อนไหว โดยอ้างว่าต้องฟังเสียงของประชาชน วันนี้เสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา นายอภิสิทธิ์ต้องฟังเสียงประชาชนโดยการยุบสภา ห้ามลาออก เพราะถ้าลาออกจากนายกฯปัญหาจะไม่จบ ไม่เกิดความปรองดองในชาติ นอกจากนี้อีกสาเหตุหนึ่งที่นายกฯต้องยุบสภา เนื่องจากบริหารงานยังไม่ถึง 1 เดือนปรากฏว่ามี รมต.หลายคนส่อทุจริตหากินจากโครงการต่าง ๆ

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรค นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการเพื่อไทยพบประชาชน โดยนายยงยุทธ กล่าวว่า พรรคได้เปิดตัวโครงการเพื่อไทยพบประชาชน 187 ศูนย์ทั้งประเทศซึ่งเท่ากับจำนวนส.ส.จะเปิดให้ครบ 400 ศูนย์ ในช่วงต่อไป พร้อมกันนี้ พรรคยังเปิดตู้ ป.ณ. 222 และเว็บไซต์ www.ptp.or.th โดยมีวัตถุประสงค์ให้ส.ส.ออกพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนเพื่อรับฟังและรวบรวมปัญหาความเดือดร้อนที่กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งจะให้ส.ส.ลงเก็บข้อมูลภาคสนามสอบถามถึงความเดือดร้อนของประชาชนด้วย

ขู่ลากไส้ปลากระป๋อง

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวว่า สำหรับเรื่องปลากระป๋อง ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นเรื่องต่อป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการกับส.ส.หญิง ชื่อย่อ บ. ที่เป็นเจ๊ใหญ่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯว่า กระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266 ในเรื่องผลประโยชน์ขัดกันระหว่างอำนาจหน้าที่ของส.ส. ส่วนข้าราชการการเมืองชื่อ อ. ก็จะยื่นดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยเรียกร้องให้นายกฯดำเนินการหาข้อเท็จจริงในเรื่องปลากระป๋องเน่า ไม่ว่าจะเป็นตัวของนายวิเชน สมมาตร ที่นายวิฑูรย์ ระบุว่าเป็นผู้บริจาค รวมถึงหลักฐานในการบริจาค หรือหากเป็นการจัดซื้อของกระทรวงก็ขอให้เอาหลักฐานการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษออกมา

นายพร้อมพงศ์ ยังระบุว่า ยังรวมทั้งเรื่องของป้าย พม.ที่ติดรูปนายวิฑูรย์ อันเป็นการเอางบราชการมาหาเสียงให้ตนเอง และที่จริงแล้วไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่มีอำนาจสั่งการเนื่องจากไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา หากนายกฯไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

รายงานผลประชุมดาวอส

เมื่อเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ซึ่งเป็นการบันทึกเสียงก่อนเดินทางกลับประเทศไทยหลังการเข้าร่วมประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก (ดับบลิวอีเอฟ) ครั้งที่ 39 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวขอบคุณส.ส.และส.ว.ที่ให้ความเห็นชอบผ่านกรอบข้อตกลงอาเซียน 41 ฉบับที่จะลงนามในการประชุมผู้นำอาเซียนในปลายเดือน ก.พ.นี้ พร้อมขอบคุณการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 ที่ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 1 ต่อไปจะเป็นการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 จากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้เล่าผลการเข้าร่วมประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส และการเชิญเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภาคพื้นยุโรปและแอฟริกาเหนือมาประชุม เพื่อให้รับทราบการทำงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาและนำไปชี้แจงต่อมิตรประเทศของไทยใน 2 ภูมิภาคนี้ให้มีความเข้าใจว่าไทยกำลังเดินไปข้างหน้า และแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์วันนี้ถือว่ากลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ และมีรัฐบาลที่สามารถเดินหน้าทำงานผลักดันนโยบายและแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้

ชูท่องเที่ยวไทยยังแกร่ง

นายกฯ กล่าวว่า ตนได้รับเชิญให้กล่าวนำในเรื่องธุรกิจการท่องเที่ยว ตนได้ยืนยันว่าธุรกิจการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อประเทศไทยในแง่ของการสร้างรายได้ของไทย อย่างไรก็ตาม ตนได้พูดถึงจุดแข็งของไทยในการเป็นประเทศที่สามารถท่องเที่ยวได้หลายรูปแบบ ซึ่งน่ายินดีว่ามีผู้บริหารขององค์กรที่ดูแลเรื่องการท่องเที่ยวของโลกมาร่วมประชุมด้วย อยากให้การสนับสนุนประเทศไทยและจะพูดคุยกับรัฐบาลไทยต่อไปว่าเขาอาจทำเหมือนเป็นรายงานให้ประชาชนทั่วโลกรับทราบว่าประเทศไทยได้แก้ปัญหาต่าง ๆ ในประเทศแล้ว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนได้ร่วมกล่าวนำในการอภิปรายเรื่องธุรกิจอาหาร ซึ่งตนได้พูดถึงศักยภาพของไทยในฐานะที่ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ ๆ และไม่ได้ประสบปัญหานี้ แต่จะมีโอกาสจากสภาพการณ์ ที่ความต้องการของโลกในเรื่องของอาหารมีสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนได้เรียกร้องถึงปัญหาการบิดเบือนตลาดและการปิดกั้นตลาดของหลายประเทศที่มีผลสำคัญต่อแรงจูงใจในเรื่องของเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้การผลิตอาหารมีน้อยกว่า ที่ควรจะเป็น รวมถึงการที่เราควรมีโอกาสได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีและทุน เพื่อทำให้เราสามารถปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตรได้

หวังดึงนักลงทุนเข้าไทย

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนได้พบกับบรรดาผู้นำภาครัฐของหลายประเทศ อาทิ การพบกับนางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กับนายไซยิด ยูซัฟ ราซา กิลลานี นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ซึ่งได้พูดคุยถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และตนได้ขอบคุณที่ปากี สถานช่วยเหลือทำให้ประเทศมุสลิม มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย อีกทั้ง ตนได้เข้าเฝ้าฯเจ้าชายแอนดรูว์ แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งทรงสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับไทย และมีความเป็นไปได้สูงที่พระองค์จะเสด็จฯเยือนประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสรับประทานอาหารเย็นร่วมกับ นายฮัน เซือง ซู นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังอยู่ในภาวะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเขาเอง โดยได้พูดว่าเกาหลีใต้กำลังจะมาลงนามเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับอาเซียน อีกทั้ง ตนยังได้พบปะกับนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ และนายคามาล นาถ รัฐมนตรีการค้าของอินเดีย โดยตนยืนยันว่าไทยจะจัดประชุมผู้นำอาเซียนช่วงเดือน ก.พ.นี้ ทางอินเดียพร้อมและยินดีลงนามข้อตกลงเอฟทีเอ อาเซียน-อินเดีย ซึ่งทั้งหมดนี้ตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการขยายความร่วมมือทางการค้าการลงทุน

เร่งอัดฉีดเงินเอสเอ็มแอล

ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 มีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เป็นประธานฯ โดยเริ่มพิจารณาต่อในส่วนของงบประมาณโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน หรือโครงการเอสเอ็มแอลเดิม 15,000 ล้านบาท ซึ่งกรรมาธิการฝ่ายค้านและรัฐบาลมีความเห็นสอดคล้องกันว่าหน่วยราชการไม่ควรวางหลักเกณฑ์อย่างเข้มงวดเกินไป แต่ควรให้อิสระชาวบ้านในแต่ละชุมนุมเสนอว่าโครงการใดจะเป็นประโยชน์สูงสุด ยกเว้นห้ามปล่อยกู้หรือเอาเงินไปแบ่งกันเองภายในหมู่บ้าน ให้ส่วนราชการคอยกำกับดูแลเท่านั้น แต่ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายความคิดของชาวบ้าน

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กรรมาธิการฯจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ถามถึงโครงการเอสเอ็มแอลเกือบ 1 หมื่นหมู่บ้าน วงเงินเดิมคือ 6,000 ล้านบาท เหตุใดจึงยังไม่มีการโอนเงินไปยังหมู่บ้าน โดยนายพงษ์เทพ ถิฐาพันธ์ ผอ. สำนักงานโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (พพพ.) ชี้แจงว่า มีเม็ดเงินพร้อมที่จะโอนให้อยู่แล้วเพียงแต่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนถูกยุบไปเสียก่อน ทุกอย่างจึงหยุดชะงักหากรัฐบาลชุดนี้อนุมัติเม็ดเงินก็พร้อมจะลงไปยังหมู่บ้านทันที ทั้งนี้กรรมาธิการฯหลายคนจากพรรคเพื่อไทย ได้สงวนความเห็นที่จะอภิปรายในสภาเกี่ยวกับชื่อแผนงานที่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อ โดยไม่มีการเสนอปรับลดงบประมาณในส่วนนี้แต่อย่างใด

กังวลฝึกอบรมคนว่างงาน

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาต่อในโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ กรรมาธิการจากพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า เป้าหมายที่จะช่วยผู้ตกงานจำนวน 2.4 แสนคนนั้น เกรงว่าไม่น่าจะครอบคลุมเนื่องจากเชื่อว่าภายใน 2 ปีจะมีคนว่างงานจำนวน 1.2 ล้านคน อาจเกิดปัญหาในเรื่องความเป็นธรรมในการคัดสรรผู้ตกงานเข้าฝึกอบรม และเห็นว่าเรื่องสำคัญเช่นนี้ควรจะให้กระทรวงแรงงานเป็นแม่งานในการดำเนินโครงการมิใช่สำนักนายกฯ

เช่นเดียวกับ นายชลน่าน ศรีแก้ว กรรมาธิการฯจากพรรคเพื่อไทยได้อภิปรายแสดงความเป็นห่วงในเรื่องการคัดสรรกลุ่มเป้าหมายว่าจะใช้วิธีใดในการเลือกผู้ว่างงาน และบัณฑิตจบใหม่ และเป็นห่วงในเรื่องความเป็นธรรมในการคัดเลือกผู้เข้าอบรมด้วย อย่างไรก็ตาม หลังการชี้แจงรายละเอียดจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทางพรรคเพื่อไทย ได้ขอสงวนคำแปรญัตติ ที่ขอให้ตัดงบประมาณ 6,900 ล้านบาททั้งหมด เพื่อรอแต่ละกระทรวงทำกรอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อน

เป็นห่วงสถานะการคลัง

ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะทีมเศรษฐกิจของพรรค แถลงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอย เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจส่อเค้าไม่ค่อยดี ทั้งขาดดุลการคลังและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อีกทั้งกระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.ในวันที่ 3 ก.พ.นี้ เพื่อกู้เงินทั้งในและต่างประเทศเพิ่มอีก 2.7 แสนล้านบาท และเงินคงคลังลดวูบลงเหลือเพียง 5.2 หมื่นล้านบาท เหลือเพียงพอแค่จ่ายเงินเดือนข้าราชการแค่เดือนครึ่ง จึงขอให้นายกฯออกมาพูดความจริง เนื่องจากประชาชนเป็นห่วงที่รัฐบาลกำลังจะไปสร้างหนี้ให้กับประเทศเหมือนที่เคยทำไว้ในคราววิกฤติเศรษฐกิจปี 2540

นายคณวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มนั้น ประชาชนฝากถามนายกฯว่า ได้ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแล้วหรือยัง แล้วเหตุใดน้ำมันในตลาดโลกลดลง แต่น้ำมันในประเทศแพงขึ้น หรือว่าแผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วันของพรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ได้จริง ที่ระบุว่าจะยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แบบนี้สร้างความสับสนให้ประชาชน

นายกฯให้มั่นใจเงินพอใช้

นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก ครั้งที่ 39 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถึงปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและเงินคงคลังที่ลดลงว่า เป็นเรื่องของกระแสเงินสด และตนเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ ขอให้มั่นใจตรงนั้น เมื่อถามว่าแต่รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้น้อย นายกฯ กล่าวว่า เราทราบมาตั้งแต่ต้นตอนที่วางแผนกรอบการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ตั้งสมมุติฐานแล้วว่าการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณร้อยละ 10

ต่อข้อถามถึงการที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่าต้องกู้ยืมเงินจากต่างประเทศด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรายังไม่ได้สรุปตรงนั้น และถ้าจะกู้เงินมาก็ไม่ใช่เพราะเราไม่มีเงินมาทำสิ่งที่เราตั้งใจจะทำ แต่ถ้าจะกู้มาก็เพื่อนำมาทำงานเพิ่มเติม เพราะเราไม่มีปัญหาในการที่เราจะต้องกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อมาบริหารจัดการกับโครงการต่าง ๆ อีกทั้งทุนสำรองระหว่างประเทศของเรามีอยู่เหลือเฟือ แต่เราไม่ได้นำออกมาใช้ และสิ่งที่รัฐบาลทำมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเงินฝืด.