ที่มา thaifreenews
เมื่อคืนนี้ทำให้ผมรู้ว่าประชาธิปไตยจะไม่มีวันตายไปจากประเทศนี้
อึ้งรับประทานไปตาม ๆ กันแน่กับจำนวนเสรีชนคนรักประชาธิปไตยที่รวมพลังกันไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคนเมื่อคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เหยียดหยามปรามาสว่า คนเสื้อแดงหมดราคาแล้ว ไร้กำลังแล้ว เพราะทักษิณประกาศถอดใจ แกนนำเสื้อแดงก็แตก ไม่มีคนจ่ายเงิน ตามข้อกล่าวหาที่ง่ายที่สุด บ่อยที่สุด และหยามเหยียดศักดิ์ศรีของความเป็นคนได้มากที่สุดเช่นกัน สื่อมวลชนหลายค่าย ทั้งสื่อแท้ สื่อเทียมหลายสำนักต่างฟันธงว่าอย่างเก่งก็แค่หมื่น เสรีชนคนเสื้อแดง ก็เป็นคนมีความรู้สึก สิ่งชี้นำเหล่านี้ย่อมกัดกร่อนจิตใจไม่มากก็น้อย รวมทั้งตัวของผมด้วยจนอดถามตัวเองว่าเราจะยกธงขาวแล้วหรือ
ยอมรับครับว่านั่งฟังวิทยุ FM 97.75 เวลาบ่ายสาม ของคลื่นปลุกระดม ได้ยินพิธีกรชายชื่อนายอมร กับผู้หญิงอีกคน ไม่รู้จักชื่อ รู้แต่เสียงแปร๊น ๆ พยายามพูดหยามเหยียด ชี้นำคนเสื้อแดงว่า หมดกำลัง ไร้ราคา อันธพาล ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่ตัวเองพูดนั้นมันเป็นพฤติกรรมของม๊อบพันธมิตรที่ผ่านมาทั้งหมดอย่างไม่ละอายปาก โดยได้พูดทำมาหารับประทานเรื่อง Power of love ราคา 1 พันบาท แถมมือตบ 1 อัน เพื่อเป็นการช่วยเหลือพณท่านสนธิไปใช้จ่ายกับสวา ๆ ที่ท่านชอบ และพรรคพวกใน ASTV ที่จังหวัดสระบุรี โดยคุยข่มเป็นรยะว่าขณะนี้เวลาบ่ายสาม สายของพันธมิตรรายงานว่าเสื้อแดงที่สนามหลวงมีไม่ถึงพันคน แล้วก็เยาะเย้ย ต่าง ๆ นา ๆ ไร้ราคา ไร้พลังมวลชนแล้ว
นาทีนั้นผมจึงจำเป็นต้องล้อหมุนก่อนกำหนด (ความตั้งใจเดิมจะเดินทางในเวลา 17.00 น.) จากบ้านพักย่านนครปฐม ไปยังสนามหลวง เพื่อดูความพ่ายแพ้ด้วยตาหลังจาก ฟังมาหลายกระแสแล้วว่า หมดเงินคงไม่มีใครมา หลังจากชุลมุนใน มธ. เนื่องจากมีการจัดคอนเสริท ทั้งสองหอประชุม (ไม่มีที่จอดรถ) เวลา 16.00 น. ผมออกมาสังเกตุการณ์ ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวเสรีชนคนเสือแดงมีไม่มากจริง ๆ กะด้วยตาน่าจะไม่เกินสองพันคน ผมตัดสินใจเดินไปดูของที่ระลึก แถว ๆ ที่ขายของ เพื่อจะซื้อกลับบ้านสักชิ้นสองชิ้น สายตาเริ่มมองไปที่ป้ายรถเมล์
เชื่อมั้ยครับว่า รถเมล์แต่ละคันที่จอดป้ายสนามหลวงจะมีเสรีชนคนเสื้อแดง ทยอยเดินลงมาจนรถแทบว่าง เมื่อเคลื่อนออกไป รถส่วนตัวเริ่มทยอยจอดรอบ ๆ สนามหลวง เพราะไม่มีที่จอดจริง ๆ เกือบ 17.00 น.เริ่มมีคนเสื้อแดงเดินทางเข้ามาไม่ขาดสายเหมือนเม็ดฝนที่ตกลงมาให้หัวใจของเสรีชนอย่างผมชุ่มชื้นและมีกำลังใจในการต่อสู้ขึ้นมา ป้าย นปช. ทั่วสารทิศ ทุกจังหวัด ทุกเขต และเสรีชนคนเสื้อแดงที่ไม่แสดงตน ต่างทยอยเดินทางเข้าสู่สมรภูมิสนามหลวง...จากช่องว่างที่ 1 เต็มเลย ไปยังชองว่างที่ 2 และเต็มพื้นที่ไปจนถึงฝั่งจอดรถสุขา กทม. ซึ่งหากไม่เอามาตั้งกั้นไว้โน่นแหละ รับรองติดถนน ฝั่งวัดพระแก้วชัวร์
เผลอแป๊บเดียวเข้าสู่พื้นที่ตรงกลางไม่ได้แล้ว ก็ได้อาศัย เต๊นนักรบไซเบอร์ ที่ตั้งเรียงเป็นฐานบัญชาการไว้ได้แก่ แคมฟอรก ราชดำเนิน ปราบกบฏพันทิปราชดำเนิน และ Thaifreenews.com ซึ่งตั้งอยู่ในเต๊นท์เดียวกัน เพราะไม่แน่ใจว่าคืนนี้จะโดนอะไรบ้าง เนื่องจากมีการปล่อยข่าวหลายกระแสเหลือเกิน ปรากฏว่าเจอจริง ๆ ครับคืนนั้นกลุ่ม แคมฟอรก ราชดำเนินไมรู้แกขนอะไรนักหนา หมี่ซั่ว น้ำดื่ม ขนมเค๊ก ผลไม้ ฯลฯ มาแจกชนิดที่ว่าถ้าผมกลับไปขนครอบครัวที่บ้านมากินยังไม่หมดเลยครับ ผมขอถือโอกาสขอบคุณในน้ำใจไมตรีของนักรบไซเบอร์กลุ่มหนึ่งของเรามา ณ โอกาสนี้
เวลาผ่านไป..จนค่ำ มวลชนที่เข้าสู่พื้นที่ใจกลางสนามหลวงไม่ได้ ก็เริ่มบานออกข้าง ๆ แทน เนื่องจากนั่งอยู่หลัง ๆ ไม่ค่อยได้ยินเสียงบนเวที (ซึ่งผมขอตำหนิมา ณ ที่นี้ ว่าเครื่องเสียงคุณภาพไม่ดีพอ เพราะแถวหลัง ๆ จะไม่ค่อยได้ยินเสียง) เริ่มออกมานั่งปูเสื่อข้างเต๊นท์ ออกไปจนถึงถนนรอบสนามหลวงเรา
22.00 น. พวกเราก็ได้รับสัญญาณจากแกนนำบนเวทีว่า เราจะเดินเท้าไปทำเนียบ..พร้อมกับบนเวทีได้ขอสัญญาหัวใจชาวเสื้อแดงไว้ว่า(คุณวีระ)
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นคืนนี้ เราเสื้อแดงจะสันติอหิงสา
เราจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลในคืนนี้ด้วยหัวใจแน่วแน่ อย่างสงบ เปิดเผย และปราศจากอาวุธ
เสรีชน..กลุ่มคนไซเบอร์เริ่มประชุมกันบอกว่าเราอยู่ขบวนหลังสุดดีกว่า สงสัยกลัวแกสน้ำตา (ฮา) เพราะจะมีรถ 6 ล้อ 6 คันขับเคลื่อนกันไปช้า ๆ ก็เลยยืนรอให้จัดทัพกันอยู่ทีเตนท์ แล้วรอให้ทัพแดงในสนามหลวงเดินทางออกก่อน โดยมีกองทัพแดงที่เอารถส่วนตัวที่จอดไว้ ทั้งกลุ่มฮาร์เลย์ รถเก๋ง รถแท๊กซี่ ฯลฯ เคลื่อนตัวออกเป็นทัพหน้า กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษคือ พ่อค้าแม่ค้า ที่เคลื่อนที่ออกไปก่อน เพื่อไปรอดักลูกค้าข้างหน้า...ชนิดที่ว่าเป็นชิงไหวชิงพริบกันทุกนาที (ฮา)
จนคนเริ่มบางตา ไซเบอร์สีแดงเกือบ 30 รวมทั้งตัวผมก็เกาะกลุ่มกันไปโดยบอกว่าให้มาร์คไปที่น้องหมวกคาวบอยสีขาว หากหลง (ฮา) เดินไปยังทำเนียบรัฐบาลหันมามองพี่น้องของเรา มีอยู่ 1 ท่าน ขาเสีย ท่านต้องใช้ไม้เท้า ผมถามท่านว่าจะเดินหรือ ด้วยความเป็นห่วง (กะว่าจะฝากไปกับรถคันใดคันหนึ่ง)ท่านบอกว่าไม่เป็นไรครับผมทนได้ ผมอยากเดินกับพี่น้องของเรามากกว่า อึ้งเป็นครั้งที่สองครับ หัวใจครับ งานนี้หัวใจล้วน ๆ
ขบวนเริ่มเคลื่อนออกจากสนามหลวง โดยมีพี่น้องตำรวจ ออกมาอำนายความสะดวกได้อย่างไม่มีที่ติ ผ่านถนนราชดำเนิน ท่ามกลาง รถที่ติดอยู่ในถนนฝั่งตรงข้ามยาวเหยียด ไปเรื่อย ๆ มุ่งสู่ทำเนียบ ผมหันไปมองข้างหลังซึ่งเห็นได้แค่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (ตอนนั้นอยู่หน้าหอศิลป ฝั่งตรงข้ามวัดราชนัดดา) ยังไม่เห็นปลายแถวของท้ายขบวน ซึ่งก็ยัง งง ว่าเรากะอยู่ท้ายสุด ทำไมยังไม่เห็นปลายขบวนเลย
พวกเราเดิน ๆ ๆ ไปด้วยรอยยิ้ม ผ่านถนนราชดำเนินหัวใจมุ่งมั่นไปยังทำเนียบโดยไม่มีด่านสกัด ท่ามกลางคนเสื้อแดงที่ไม่ได้ร่วมชุมนุมแถว ๆนั้นออกมายินให้กำลังใจริมถนนทั้งสองฝั่ง บางท่านนุ่งขาสั้นออกมายืนโบกเท้าตบ บางท่านจับกลุ่มมายืนตบมือให้กำลังใจ บางท่านวิ่งไปเอากล้องมาถ่ายรูปพวกเราเพื่อเก็บบรรยากาศ พร้อมชู 2 นิ้วให้กำลังใจพวกเราให้ได้รับชัยชนะ
พอมาถึงแยกเกือบถึงหน้า UN เราก็รู้ว่ากลุ่มข้างหน้าติดด่าน แกนนำจึงตัดสินใจให้เราเลี้ยวขวาอ้อมไปข้างหลังแทน ตอนนี้บรรยากาศน่ารักมาก ๆ รถที่ติดอยู่แถวนั้น ลดกระจบตบมือ ส่งรอยยิ้ม.แท๊กซี่บางคัน เอาธง ขึ้นมาโบกทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีผู้โดยสาร และที่ผมประหลาดใจคือ มีรถเก๋งปาเจโรสีดำ คันหนึ่ง พยายามวิ่งเข้ามาใกล้ ๆ แถวเดินของพวกเรา (แบบระแวงว่าน่าจะโกรธที่พวกเราทำให้รถติด) พอถึงระยะประชิด ก็ลดกระจกลง เป็นผู้ชายขับ ผุ้หญิงนั่งข้าง เธอโผล่ออกมาเลยครับครึ่งตัว พร้อมกับอาวุธ โบกสบัด (ตีนตบ) ตะโกนว่าแดง สู้ ๆ พวกเราสู้ อย่ายอมแพ้
อื้อหือ ทีนี้ เกิดศึกดวลตีนตบกันเลยครับ พวกเราที่เดินอยู่ต่างสะบัด ตีนตบ หัวใจ ตบ ส่งรอยยิ้มให้แก่สาวคนนั้น ด้วยความปลื้ม.......
พอถึงสนามม้า ขบวนเจอตำรวจอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้นับหรอก พวกเราก็เดินเลี้ยวซ้ายไปบรรจบกับกองทัพแดงส่วนหน้า...ที่มาถึงพวกเราก่อนแล้วที่หน้าทำเนียบ ท่ามกลางรถตำรวจสองคันที่เอามาขวางไว้ที่หน้าสะพานขบวนเราชะงัก..แกนนำในรถคันที่ 5 -6 ร้องขอให้เรานั่งลง
ผมนั่งทันทีเลยเพราะเมื่อย (ฮา) พี่เจี้ยบ ของพันทิปตะโกนแซวว่ายิงมาเลย แก๊สน้ำตา เจ๊จะหนีบ ดูสิแผลจะเหมือนวีรสตรีหรือเป่า (ฮา..มากกว่า)
แต่ขางหลังยาวเหยียดยังไม่นั่งเพราะไม่ได้ยิน...ผ่านไปซักสิบนาทีจึงเริ่มทยอยนั่งลง น้องสาลี จากกลุ่มปราบกบฏเริ่มซื้อเสบียงแจก ๆ ไอติม ครับพี่น้อง จากท่อน้ำเลี้ยงส่วนตัว ผมหันไปมองพี่ที่ขาเสีย เขาไม่นั่ง เพราะนั่งแล้วจะลุกอีกยากมาก บอกว่านั่งเหอะ พวกเราจะประคอง
พี่เขาบอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้ เพื่อประชาธิปไตยแท้จริง เรื่องนี้เล็กน้อย..
หลังจากเจรจาแป็บเดียวตำรวจเอารถออก พี่น้องเราบางส่วนพร้อมประชิดทำเนียบ หากต้องมีการปีน ท่ามกลางเสียงของคุณวีระบอกว่า อย่าทำแบบนั้นเป็นอันขาดเรามาอย่าสันติ พวกเราไม่ใช่อันธพาล อย่าเอาตัวอย่างเลว ๆ ที่พวกเขาทำมาใช้ เราจะเจรจาอย่างเดียว
ในระหว่างที่นั่งรอตำรวจเปิดทาง ก็มีสตรีแดงผู้หนึ่งเดินถือโทรศัพท์ มาถามผม ว่า น้อง ๆ ปั้ม ESSO อยู่ไหนเพื่อนพี่ตามมาขบวนหลังบอกท้ายติดอยู่ตรงนั้น พี่จะไปหาเพื่อน (เธอมาขบวนแรก) ผมหันไปมองที่แยก ซึงไกลมาก บอกไปว่าพี่เดินไปสุดแยกตรงสนามม้าแล้วเลี้ยวขวา
ปั้มน้ำมันอยู่ทางขวามือ แต่ไกลนะ เธอก็อึ้ง ๆ บอกไม่ไหวรออยู่ตรงนี้ดีกว่า ผมเลยถามว่า ขบวนหน้าหละคนมากไหม เธอบอกว่านั่งเต็มพื้นที่จนล้อมทำเนียบไว้ได้หมดเลย
คนมากจริง ๆ เรานั่งรอการเจรจา จนเจ้าหน้าที่ยอมให้เสรีชนบางส่วน ทั้งแกนนำ (คุณวีระ) เข้าไปอ่านแถลงการณ์ 3 ข้อ ในทำเนียบจนแล้วเสร็จ แกนนำก็ประกาศสลายตัว เพราะหากต้านรับรองพังแน่ ๆ คนเยอะขนาดนั้นให้ทหารมาอีกสองกองพลก็เอาไม่อยู่
พวกเราตัดสินใจกลับบ้าน โดยเดินย้อนออกมาอีกทางหนึ่ง ออกมาทางวัดเบญจมบพิตร..มา
รอรถแท็กซี่ ในระหว่างนั้นเจอเหตุการณ์สำคัญ คือทหารยืนเรียงเป็นแถวพร้อมชุดปราบจลาจลและโล่ เรียงกันอยู่บนสะพาน..เสรีชนเดินผ่าน ๆ ไปเมียงมอง พร้อมรอยยิ้มให้ ปรากฏว่าผู้คุมหน่วย น่าจะเป็นนายสิบสองนาย เห็นมีวิทยุสนามหลัง หันมาชักอาวุธ เล็งไปที่รถแท๊กซี่คันหนึ่ง ที่เสื้อแดงเหมาแท็กซี่ กำลังขับออกไปอาวุธที่นายสิบทั้งสอง ยิงเข้าใส่คือ กล้องถ่ายรูปครับ พ่อเจ้าประคุณ มีการบอกให้ Action สวย ๆ สาว ๆเสื้อแดงในรถ ก็ใช่ย่อย ชูสองนิ้ว ลดกระจก ยิ้มสู้กล้อง พร้อมกับคนที่เดินอยู่ก็เข้าไปถ่ายรูปกับน้อง ๆ ทหารที่เขาสั่งให้มาปราบ แบบพี่น้องกัน ผมหันไปเห็นน้องทหารคนหนึ่งกำลังหาว บอกว่าพี่ขอโทษนะน้องเหนื่อยหน่อยคืนนี้ น้องมันยิ้มบอกไม่เป็นไรครับพี่ พวกพี่น่ารักกันทุกคน พวกเราไม่เหนื่อยเลย..
บรรยากาศระหว่างผู้ประท้วง กับผู้ต้องสกัด เมื่อคืนนี้ มันบอกไม่ถูกเลยนะ ว่ามันเครียด หรือมีแต่รอยยิ้ม มันดีกว่าบางกลุ่มบางพวกเยอะเลย ไม่ต้องเอาด้ามธง มาไล่ทิ่มพุงกะทิกัน ไม่ต้องแยกเขี้ยวใส่กัน “ผมว่านะ ทหาร ตำรวจ เมื่อคืนนี้ หัวใจสีแดงไม่น้อยเลย”
เวลาเราจะเข้าเราก็บอกพวกเขาดี ๆ เขาก็เปิดทางให้
สัญญาก็เป็นสัญญา พวกเขาก็ไม่เดือดร้อน
ม๊อบไพร่นี่มันพูดจากันง่าย อิบเป๋งเลย
ตัดมาที่ยืนรอรถ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ตามคาดไม่มีรถ เพราะซับพลายไม่ดุลยภาพกับดีมาน เสรีชนเริ่มมองหน้ากันเลิกลั่ก เริ่มนโยบายเจรจา ทางเดียวกันไปด้วยกัน ตอนนั้นมันตี 1 แล้ว
เรารอกับพี่แกมากับสามี รวมเป็น 6 คนก็มีรถปิคอัพปราดเข้ามาจอด บอกขึ้นมาเลยไปหารถแถวสนามหลวง (แกแดงแจ๋ในขบวนเหมือนกัน) เราก็เลยพร้อมใจกันขอไปด้วย มาลงที่สนามหลวง พร้อมหารถแท๊กซี่แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมถึงบ้านตีสองยี่สิบพอดี
ขอบคุณอีกครั้งครับ สำหรับบรรยากาศดี ๆ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับจิตใจคนเสื้อแดง
ขอบคุณครับ สำหรับน้ำจิตน้ำใจ และความปราถนาดี การเข้าร่วมต่อสู้แสดงออกถึงหัวใจของเสรีชนทุกคน
ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่เราต้องการคงไม่ไกลเกินกว่าที่เราหวัง
วันนี้ทุกหยาดเหงื่อที่ท่านเสียสละได้จารึกลงในประวัติศาสตร์การต่อสู้ครั้งสำคัญของคนในชาติแล้ว
ด้วยจิตคาราวะ
จากหยดน้ำเล็ก ๆ หยดหนึ่ง ในแม่น้ำสายประชาธิปไตยเมื่อคืนนี้