ที่มา มติชนออนไลน์
โฆษกพท.ปากแข็ง ไม่ใช่พรรค"ชินวัตร" "เจ๊แดง"ร่วมนั่งหัวโต๊ะประชุม ส.ส.ภาคกลาง บอกต่อไปจะให้ความอบอุ่นทุกเดือน หึ่งคนร่วมประชุมรับก่อนรายละ 5 หมื่น "ยิ่งลักษณ์" ร่วมวางยุทธศาสตร์รับฟังความคิดเห็นชาวบ้าน อ้างของเดิมถูก ปชป.ลอกไปหมดแล้ว ตั้ง"พายัพ"คุม ส.ส.อีสาน เพื่อสลายก๊วน "วิฑูรย์"ขู่กลับตรวจสอบเงินอบรมข้าวหอมมะลิ ระวังเจอพวกตัวเอง อาจตายยกพรรค
"เจ๊แดง" ให้ส.ส.อบอุ่นแจก5หมื่น
การประชุมคณะกรรมการประสานงานภาคกลาง พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) อาคารบีบีดี บิวดิ้ง ที่มีนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม เป็นประธาน โดยมีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษา ส.ส.ภาคเหนือและภาคกลาง เข้าร่วมประชุมด้วย
รายงานข่าวจากที่ประชุม ส.ส.ภาคกลาง แจ้งว่า นางเยาวภาได้กล่าวในที่ประชุมต่อไปนี้จะให้ความอบอุ่นกับ ส.ส.ทุกเดือน และขอให้ ส.ส.ภาคกลางลงพื้นที่หาสมาชิกให้ได้คนละอย่างน้อย 20,000 คนอย่างเร็วที่สุด สำหรับการประชุมครั้งนี้ ส.ส.ทุกคนได้รับสนับสนุนจากพรรคคนละ 50,000 บาทด้วย
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการภาคกลาง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า หารือถึงการวางยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการทำงาน ส.ส.ภาคกลาง ให้มีบทบาทในสภาฯมากขึ้น โดยนางเยาวภาบอกว่า วันนี้พรรคเราต้องเติมความอบอุ่นทุกภาค ทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน พร้อมทั้งถาม ส.ส.ว่าขาดเหลืออะไรบ้างหรือไม่
"พท." บอกต้องนิรโทษกรรม "แม้ว"
นายสุชาติกล่าวว่า จากการร่วมหารือเห็นว่าต่อไปจะต้องไม่มีกลุ่ม ไม่มีก๊วน แต่จะช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน หากจังหวัดใดมี ส.ส.ที่อาวุโสก็จะตั้งขึ้นมาเป็นตัวแทนประสานงานกับพรรค ในรูปแบบจากพรรคสู่ภาค จากภาคสู่จังหวัด
"ที่ผ่านมามีกลุ่มก๊วน หัวหน้าก๊วนก็ไปต่อรอง เมื่อไม่พอใจก็นำ ส.ส.ออกไป อย่างไรก็ตาม หากอยากให้พรรคเข้มแข็งต้องแก้รัฐธรรมนูญให้เหมือนเดิมคือ การโหวตของส.ส.ต้องฟังมติพรรค" นายสุชาติกล่าว
นายสุชาติกล่าวถึงกลุ่ม ส.ส.เสนอนิรโทษกรรมว่า ทุกครั้งที่มีการปฏิวัติ อาทิ ยุค พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร เคยทำปฏิวัติ ภายหลังยังมีการนิรโทษกรรม แล้วกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำความดีทำคุณให้กับประเทศไม่รู้เท่าไหร่ น่าจะได้รับการนิรโทษกรรม แต่จะได้หรือไม่ เป็นพระราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"ส่วนตัวและ ส.ส.กลุ่มภาคกลางเห็นด้วยหากมีการนิรโทษกรรม เพราะท่านไม่ได้ทำอะไรผิดมากมาย เหตุใดเราไม่เอาความรู้ความสามารถของท่านมาช่วยแก้วิกฤต การจะทำได้มีแค่วิธีเดียวคือต้องนิรโทษกรรม" นายสุชาติกล่าว
พท.เดินสายรับฟังความเห็นปชช.
นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทีมยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยมีประชุม โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธาน โดยกำหนดยุทธศาสตร์ให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชน โดย ส.ส.และสมาชิกจะเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น การตัดสินใจใดๆ จะไม่ขึ้นอยู่กับคนเพียงคนเดียวเหมือนในอดีต แต่จะเป็นรูปกรรมการ เพราะหารือกันแล้วหากทำให้เป็นพรรคชินวัตรก็จะไปไม่รอด จากนี้ไปจะจัดทีมผู้บริหารพรรคและ ส.ส. เดินสายลงพื้นที่ปราศรัย และจัดเสวนาโต๊ะกลม พูดคุยกับแกนนำในระดับชุมชนทั่วประเทศ จะเริ่มครั้งแรกในที่ 8 กุมภาพันธ์ คาดว่ าจะเป็น จ.นครพนม ตามด้วย จ.กาฬสินธุ์ และ จ.สกลนคร โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน เป็นหัวหน้าทีม และอาจมีนายจตุพร พรมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และอีกหลายๆ คนไปร่วมด้วย เพื่อรับความคิดเห็นของประชาชน นำมากำหนดเป็นนโยบาย โดยพรรคเพื่อไทยจะคิดนโยบายใหม่ เพราะนโยบายเดิมกว่าร้อยละ 90 ถูกพรรคประชาธิปัตย์ลอกไปแล้ว
เตรียมเลือกผู้นำฝ่ายค้าน10ก.พ.
นายประเสริฐกล่าวว่า สำหรับทีมที่จะเดินสายปราศรัยในจังหวัดต่างๆ นั้นจะมีคนในตระกูลชินวัตรร่วมด้วย โดยบทบาทจะอยู่ในฐานะผู้ดูแลและช่วยกันทำงานเป็นหลักไว้ก่อน โดยภาคอีสานจะมีนายพายัพ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์แบ่งกันดูแล ส่วนภาคเหนือจะเป็นนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ดูแล ภาคกลางมีนางเยาวเรศ ชินวัตร ดูแล ขณะที่ภาคใต้เนื่องจากพรรคมีสัดส่วน ส.ส.น้อย การดูแลจะเป็นรูปแบบของกรรมการ อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของพรรคจะอยู่ที่ภาคอีสาน และถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ ตามด้วยภาคเหนือ และภาคกลาง ทั้งนี้ พรรคจะขอให้คนในบ้านเลขที่ 111 รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ามาช่วยงานในเรื่องการให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ แต่จะไม่มีตำแหน่งอะไรในพรรค
นายประเสริฐกล่าวว่า สำหรับบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น ในการประชุมพรรควันที่ 10 กุมภาพันธ์ จะมีการหารือถึงบุคคลที่เหมาะสมจะมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน จากการหารือเบื้องต้นอาจจะเลือกผู้ที่เป็น ส.ส.ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านชั่วคราวไปก่อน อาจจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม และเมื่อถึงการเลือกตั้งหาก ร.ต.อ.เฉลิมไม่ไหวก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคคนใหม่ ส่วนการคัดเลือกผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น ทางพรรคจะคัดจากคนที่เสนอตัวเข้ามา และต้องให้ลงไปทำกิจกรรมในพื้นที่ก่อน จากนั้น 5-6 เดือน หากมีสัญญาณยุบสภาเกิดขึ้น พรรคถึงจะทำโพลก่อนตัดสินใจว่า จะให้ลงสมัครในนามของพรรคหรือไม่ จะไม่ให้คนเพียงคนเดียวตัดสินใจเท่านั้น
ตั้ง "พายัพ" ปธ.อีสานหวังสลายกลุ่ม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเบื้องหลังที่เสนอให้นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นประธาน ส.ส.ภาคอีสาน ก็เพื่อต้องการยุติความขัดแย้งและความไม่ลงรอยระหว่างกลุ่มอีสานพัฒนาที่ต้องการผลักดันนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม และนายสมศักดิ์ เกียรติสรุนนท์ ส.ส.ขอนแก่น ขึ้นมาเป็นประธานภาค แต่ ส.ส.ที่เป็นอดีตกลุ่มเพื่อนเนวินไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีบทบาทมากเกินไป จึงเสนอให้นายพายัพมาเป็นแทน เพื่อสลายกลุ่มการเมือง ซึ่งนายพายัพก็เห็นด้วย และรับปากจะมาดูแลด้วยใจเต็มร้อย
จับตาส.ส. "เพชรบูรณ์-สระบุรี"ปันใจ
ข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของ ส.ส.เพชรบูรณ์ ภายใต้การนำของนายสันติ พร้อมพัฒน์ เช่น นายเอี่ยม ทองใจสด นายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธุ์ ซึ่งสนิทสนมกับนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน รวมถึง ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี ที่จะปันใจไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีที่มีข่าวว่าคนในตระกูล "ชินวัตร" เข้ามาจัดการดูแลภายในพรรคจนถูกมองว่าเป็นพรรคชินวัตรนั้น ขอยืนยันว่าการบริหารภายในพรรค มีการจัดการอย่างเป็นระบบ ไม่มีพรรคชินวัตร อย่างที่หลายคนกล่าวหา
พท.ยื่นสอบอบรมข้าวโยง "มาร์ค"
ที่สำนักงาน กกต. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 10 กุมภาพันธ์ จะไปยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบโครงฝึกอบรมข้าวหอมมะลิเพื่อการค้า ใน 5 อำเภอที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่โกงไม่กิน ไม่ใช่เสือหิว เสือโหยนั้น แท้จริงแล้วรัฐบาลชุดนี้เป็นเสืออดอยาก
"การฝึกอบรมดังกล่าวมีการตั้งเงินงบประมาณไว้ถึง 16.2 ล้านบาท เช่น ค่าพาหนะ ค่าเช่าสถานที่ครั้งละ 3,000 บาท การดำเนินการดังกล่าว ส่อไปในทางที่จะหาประโยชน์ ให้กับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่สำคัญสถานที่ที่ใช้จัดอบรมยังเป็นสำนักงานของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย ผมมีหลักฐานทั้งเอกสาร และภาพถ่ายวิดีโอ โดยทั้ง 2 กรณีสามารถโยงไปถึงตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาปล่อยปะละเลย เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 และงบประมาณดังกล่าวยังใช้เกณฑ์คนเพื่อมาต้อนรับนายอภิสิทธิ์เมื่อครั้งที่มาร่วมงานศพยายเนียม พันธุ์มณี ที่ จ.อุบลราชธานี ด้วย" นายพร้อมพงศ์กล่าว
"วิฑูรย์" ขู่กลับระวังเจอพวกตัวเอง
นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า พร้อมให้ตรวจสอบโครงฝึกอบรมข้าวหอมมะลิเพื่อการค้าให้กับเกษตรกร ใน 5 อำเภอที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งงบประมาณดังกล่าวเป็นงบฯสมัยที่พรรคพลังประชาชนยังเป็นรัฐบาลเป็นไปตามระเบียบที่รัฐบาลจัดสรรให้กับทุกจังหวัดอยู่แล้ว ส่วนตัวเลข 16 ล้านบาท ที่พรรคเพื่อไทยอ้างนั้น คลาดเคลื่อน ที่ถูกต้องคือ 20 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่ลงในพื้นที่ที่มี ส.ส.ประชาธิปัตย์ อยู่ ส่วนพื้นที่อำเภออื่นที่มี ส.ส.จากพรรคพลังประชาชนนั้นได้ถึง 70 ล้านบาท
"ผมขอท้าให้ตรวจสอบได้เลยอย่าหยุด และอย่าตรวจสอบเฉพาะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อย่างเดียว แต่ให้ตรวจสอบ ส.ส.พรรคเพื่อไทยด้วย ถ้าพรรคเพื่อไทยคิดจะเอาเรื่องอย่างนี้มาเล่นกับผม ระวังจะตายกันยกพรรค เพราะเรื่องประเภทงบฯเกี่ยวกับเกษตรกร ส.ส.พรรคเพื่อไทยเขาทำไว้เยอะ โดยเฉพาะที่ จ.อุบลราชธานี สาวกันไปสาวกันมาระวังจะเจอพวกตัวเองจนได้" นายวิฑูรย์กล่าว
อดีตรมว.พม.เตรียมขอโทษชาวพัทลุง
วันเดียวกัน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. เดินทางไปอำลาข้าราชการ โดยมีนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวง พม. และข้าราชการบางส่วนให้การต้อนรับ พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ ภายหลังนายวิฑูรย์สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การตัดสินใจลาออกไม่ใช่เพราะผิด ทุจริต หรือทำอะไรไม่ดี แต่เนื่องจากกระแสสังคมที่ทำให้รู้สึกถึงผลกระทบจากการนำสิ่งของไม่ดี (ปลากระป๋องเน่า) ไปให้ประชาชน ดูเหมือนเป็นการซ้ำเติม ทั้งที่ตนและข้าราชการไม่รู้ว่ามีของไม่ดี การลาออกก็เพื่อความสบายใจ อย่างน้อยก็เป็นบรรทัดฐานและสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับประชาชน รวมทั้งให้นายกฯเดินหน้าบริหารประเทศต่อไป
"อะไรผมรับได้ผมจะรับผิดชอบ และวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ผมก็จะไปที่ จ.พัทลุงคนเดียวเป็นการส่วนตัวเพื่อไปหาข้อมูลและสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษพี่น้องชาวพัทลุงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย" นายวิฑูรย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงชื่อนายวิเชน สมมาต ที่เป็นผู้บริจาคจริงมีตัวตนจริงหรือไม่ นายวิฑูรย์กล่าวว่า ขอให้กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตรวจสอบ ตนไม่รู้จักนายวิเชน และตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่พยายามรู้จักหรือค้นหาเพราะจะดูเหมือนไปแทรกแซง แต่เชื่อว่านายวิเชนจะไปให้การกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ป.ป.ช.แจงยังไม่ตั้งอนุฯสอบ "บุญจง"
น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวชี้แจงสาเหตุที่ยังไม่ตั้งอนุกรรมการไต่สวนนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนางกาญจนา วงศ์ไตรรัตน์ ภรรยา กรณีแจกเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมแนบนามบัตรนายบุญจงไปด้วย ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ว่า ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน เนื่องจากกรณีนายบุญจงเป็นวาระเพื่อทราบเท่านั้น จึงให้ไปรวบรวมหลักฐานมาเพิ่มเติมและนำเข้าประชุมวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ก่อนที่กรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนหรือไม่
"สำหรับความผิดตามมาตรา 157 นั้น จะต้องพิจารณา 2 ตอน คือการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ทำให้เกิดความเสียหายหรือเกิดการทุจริตหรือไม่ ยืนยันว่าเราจะพิจารณาตามข้อเท็จจริง โดยไม่สนใจกระแสสังคมหรือแรงกดดันทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น" น.ส.สมลักษณ์กล่าว
ปัดเลือกปฏิบัติไม่สอบคนปชป.
ส่วนกรณีที่นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ยื่นขอให้สอบตัวเองกรณีนำปลากระป๋องเน่าบรรจุถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านใน จ.พัทลุงนั้น น.ส.สมลักษณ์กล่าวว่า เป็นกรณีที่แปลกมาก เพราะตั้งแต่เป็น ป.ป.ช.มาไม่เคยเห็นใครขอให้สอบตัวเองมาก่อน ที่ประชุมจึงตีกลับให้นายวิฑูรย์ไปเขียนคำร้องให้เรียบร้อยว่ากล่าวหาใคร มีความผิดอะไร และมีพยานหลักฐานอะไรบ้าง หากคำร้องเป็นไปตามมาตรา 84 และ 85 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ก็จะมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะรับสอบหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ช.เคยยกคดีใดขึ้นมาสอบเองหรือไม่ น.ส.สมลักษณ์กล่าวว่า ถ้ามีเรื่องใดที่กรรมการ ป.ป.ช.เกิดความสงสัยก็จะหยิบขึ้นมาสอบเองได้ ที่ผ่านมาก็เคยยกมาสอบเองหลายเรื่อง เมื่อถามว่ากรณีปลากระป๋องเน่าซึ่งแม้แต่นายกฯยังระบุว่าประชาชนเกิดความเสียหาย เหตุใด ป.ป.ช.ถึงไม่ยกขึ้นมาสอบเอง ทำให้สังคมมองว่า ป.ป.ช.เลือกปฏิบัติไม่กล้าสอบคนของประชาธิปัตย์ น.ส.สมลักษณ์กล่าวว่า กรณีของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. ยังถูกชี้มูลความผิดในคดีทุจริตการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงของ กทม. ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่เลือกปฏิบัติ เพียงแต่เราต้องทำตามข้อกฎหมาย
ปชป.รับ "บุญจง" มาขอปรึกษาสู้คดี
นายทิวา เงินยวง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะคณะทำงานด้านกฎหมาย กล่าวยอมรับว่า ก่อนหน้านี้นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาหารือถึงข้อกฎหมายที่จะใช้ต่อสู้คดีแจกเงินพร้อมแนบนามบัตร ที่ กกต.และ ป.ป.ช.เตรียมตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน จึงแนะไปว่ากรณีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่แทรกแซงการทำงานของราชการ ที่เป็นบทต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 นั้น นายบุญจงน่าจะหาทางออกได้ไม่ยาก โดยอ้างว่าการแจกเงินดังกล่าวเป็นการทำตามนโยบายที่ได้แถลงต่อสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ที่สำคัญเงินดังกล่าวกระทรวง พม.ขอไว้ตั้งแต่เดินเดือนพฤศจิกายน 2551 ก่อนที่นายบุญจงจะเข้ารับตำแหน่ง จึงไม่น่ามีความผิดอะไร เพียงแต่อาจถูกมองได้ว่าไม่เหมาะสมเท่านั้นที่นำเงินไปแจกที่บ้าน
"มาตรา 266 ถ้าตีความอย่างกว้าง ต่อไปรัฐมนตรีจะไม่สามารถไปทำอะไรได้เลย กรณีนี้น่าจะเหมือนกับกรณีของ 3 รัฐมนตรีที่ลงมติรับหลักการ พ.ร.บ.งบกลางปี ที่แม้แต่นายชูศักดิ์ (ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมกฎหมายพรรคพลังประชาชน) คนของเขาเองยังระบุเลยว่าไม่มีความผิด" นายทิวากล่าว
"พท." มั่นใจล่าชื่อครบยื่นถอด3รมต.
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงรายงานข่าวที่ระบุสาเหตุความล่าช้าของการล่ารายชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นหนังสือถอดถอน 3 รัฐมนตรีที่ลงมติเห็นชอบ พ.ร.บ.งบประมาณกลางปี ว่าเป็นเพราะกลุ่มเพื่อนเนวินมีข้อเสนอเป็นผลประโยชน์เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ไม่ลงรายมือชื่อรับรองว่า ตนยังไม่ทราบประเด็นนี้ แต่ยอมรับว่ามีปัญหาในการยื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาจริง เนื่องจากขาดองค์ประกอบบางอย่าง รวมถึงจำนวน ส.ส.ที่ยังไม่ครบ 114 คน ตามที่กฎหมายบัญญัติเอาไว้ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมายังไม่มีการพบปะ ส.ส.ของพรรคอย่างเป็นกิจจะลักษณะทำให้ ส.ส.บางคนไม่ได้ร่วมลงชื่อด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะรวบรวมรายชื่อได้ครบภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ในการประชุม ส.ส.ของพรรค ก่อนยื่นต่อประธานวุฒิสภาในวันที่ 11 กุมภาพันธ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ส.ส.โดยเฉพาะอดีตสมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวินไม่ร่วมลงชื่อเป็นเพราะ ส.ส.กลุ่มนั้นเอาใจออกห่างพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ไม่มีใครเอาใจออกห่าง แต่การลงชื่อรับรองเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. และการถอดถอน 3 รัฐมนตรีไม่ได้เป็นมติพรรค แต่เป็นการดำเนินการของนายจุมพฎ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร เท่านั้น เมื่อไม่ได้เป็นเรื่องของพรรค จึงไม่มีมติให้ ส.ส.ร่วมลงชื่อ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา
กกต.แจงวินิจฉัยคดีต้องใช้เวลา
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการทำงานของ กกต.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีดำเนินคดีอาญานายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งล่าช้าว่า ก่อนจะยื่นเรื่องดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง กกต.ต้องร่างคำวินิจฉัย ซึ่งที่ผ่านมามีคำวินิจฉัยคงค้างจำนวนมากและเราต้องทำตามลำดับ ในแต่ละสัปดาห์มีการพิจารณาคำร้องกว่า 70 เรื่อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำร้องไม่เพียงพอ จึงต้องตั้งสำนักวินิจฉัยและคดีขึ้น ซึ่งก่อนตั้งสำนักก็มีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่ประมาณ 900 เรื่อง ซึ่งแก้ปัญหาอะไรไม่ได้มาก ดังนั้น กกต.ต้องปรับปรุงการตรวจสอบคำวินิจฉัย
"กกต.แต่ละท่านจะลงนามในคำวินิจฉัยแต่ละครั้งต้องใช้เวลาเป็นเดือน เนื่องจากแต่ละท่านเป็นนักกฎหมาย จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด หากไม่พอใจก็จะไม่เซ็นและให้นำกลับไปเขียนคำวินิจฉัยใหม่ ยอมรับว่าการทำงานของ กกต.มีความล่าช้า แต่ก็พร้อมให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ" นายสุเมธกล่าว
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ที่นายเรืองไกรยื่นเรื่องตรวจสอบ กกต. เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ และเราไม่รู้สึกท้อ ยิ่งมีผู้มาตรวจสอบ ยิ่งทำให้เราเข้มแข็ง แต่หากเราไม่ผิดหรือเป็นการกลั่นแกล้ง เราก็จะฟ้องกลับทันที ที่ผ่านมาก็เคยทำมาแล้วหลายคดี