ที่มา ไทยรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา (5 ก.พ.) นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการคดีตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ได้เรียกประชุมคณะทำงานอัยการ เพื่อพิจารณา กรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำหนังสือ ถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้อัยการ ยื่นฟ้องศาลแพ่ง ยกเลิกสัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิง มูลค่า 6,687 ล้านบาทของ กทม. กับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียลหาห์ซอย์ จำกัด ประเทศออสเตรีย พร้อมขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ธนาคารกรุงไทยระงับการจ่ายเงินค่างวด
โดยคณะทำงานมีความเห็นเป็นที่ยุติเกี่ยวกับประเด็นการฟ้องคดีแพ่งเพื่อยกเลิกสัญญาว่า เนื่องจากการลงนามในเอโอยู (AOU) ข้อ 4 และสัญญาซื้อขาย ข้อ 13 ระบุไว้ว่า กรณีเกิดความขัดแย้งในการปฏิบัติตามข้อสัญญา คู่สัญญาจะต้องดำเนินการเจรจาระหว่างผู้แทนแต่ละฝ่าย และหากการเจรจาไม่เป็นผลจะต้องหาข้อยุติโดยการส่งเรื่องไปยังหอการค้านานาชาติกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อดำเนินการตั้งแต่อนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาท ดังนั้นคณะทำงานอัยการจึงเห็นว่า ยังไม่สามารถที่จะยื่นฟ้องคดีแพ่ง ยกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าว
ส่วนการจะยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวให้ธนาคารกรุงไทย ระงับการจ่ายค่างวดที่ 5 ซึ่งจะครบกำหนดชำระในสัปดาห์หน้า ประมาณ 700 ล้านบาทนั้น คณะทำงานอัยการมีความเห็นว่า การยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว จะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีการยื่นฟ้องคดีหลัก คือ การขอให้ยกเลิกสัญญาก่อน ดังนั้นเมื่อยังไม่สามารถฟ้องคดีแพ่งยกเลิกสัญญาได้ การยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการชำระค่างวดจึงดำเนินการไม่ได้เช่นกัน ทั้งนี้คณะทำงานได้รายงานผลดังกล่าวให้ทาง กทม.ทราบ ในเบื้องต้นแล้ว
ทางด้าน ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. กล่าวถึงคดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ว่า ตนเพิ่งมารับตำแหน่งจึงยังไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าที่ทำอยู่ และการเข้ามาจัดการเรื่องดังกล่าวถึงจะเปลืองตัว หรือถูกมองว่าเป็นการปกป้องพรรคประชาธิปัตย์ และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการ กทม. แต่สิ่งที่อยากจะยืนยันคือตนพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
ผู้ว่าราชการ กทม. กล่าวว่า แม้เรื่องที่เคยยื่นอัยการสูงสุดให้มีคำสั่งปกครองเพิกถอนสัญญา ระงับการจ่ายเงิน และการอนุญาตนำรถดับเพลิงออกมาใช้ ยังออกมาไม่ชัดเจน แต่ทาง กทม.จะระงับการจ่ายเงินงวดที่ 5 ซึ่งจะครบรอบในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ไปก่อนจนกว่าจะหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวได้ และหากอัยการสูงสุดเห็นด้วยที่ กทม.จะยื่นฟ้อง แต่ให้ กทม.เป็นผู้ฟ้องแต่เพียงผู้เดียว หาก กทม.เป็นนิติบุคคลก็สามารถกระทำได้ แต่ในฐานะที่ กทม.เป็นหน่วยงานของภาครัฐ จึงมีความจำเป็นต้องยื่นฟ้องร่วมกับอัยการสูงสุดหรือศาล ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องหาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้งเพื่อให้อยู่ในข้อ ตกลงที่เห็นชอบร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย