ที่มา ไทยรัฐ
อย่าเพิ่งตื่นเต้นตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูม เมื่อมีการเปิดเผยยอดเงินคงคลังของรัฐบาลมีเหลืออยู่แค่ห้าหมื่นสองพันล้านบาทเท่านั้นเอง
หมายความว่ารัฐบาลมีเงินสดในกระเป๋าไว้จ่ายเงินเดือนข้าราชการไม่ถึง 2 เดือน
ส่วนรายจ่ายจรอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึงให้เสียเวลา
แค่มีเงินพอจ่ายเงินเดือนข้าราชการก็บุญตายชักแล้วโยม
ที่น่าแปลกใจคือก่อนรัฐบาลใหม่จะเริ่มทำงานเต็มตัว ยอดเงินคงคลังยังเกินหนึ่งแสนล้านบาทอยู่เลย
เหตุไฉนเดือนเดียว เงินคงคลังจึงหายวูบเหมือนธรณีสูบไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์??
ยิ่งถ้าย้อนไปถึงช่วงต้นเดือนตุลาคม ยอดเงินคงคลังยังอยู่ที่สองแสนสามหมื่นล้านบาท สูงกว่าปัจจุบัน 4 เท่าตัว!!
นี่คือสัญญาณบ่งชี้ว่ามรสุมเศรษฐกิจมาเร็วและมาแรงเกินห้ามใจ
การที่ยอดเงินคงคลังลดฮวบๆๆ แสดงว่าเงินไหลออกไปแล้วไหลกลับมาช้า และกลับมาแบบกะปริบกะปรอย
อาการแบบนี้ถือว่าเป็นโรคชํ้ารั่วทางการคลัง ถ้าไม่รีบรักษาให้หายขาดก็อาจจะเป็นอันตราย
“แม่ลูกจันทร์” ต้องให้เครดิต “พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล” ส.ส.ประชาธิปัตย์ อดีต รมช. คลัง ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณ ที่เค้นคอกระทรวงการคลังให้เปิดยอดเงินคงคลังของรัฐบาลให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบความจริง
แต่ขุนคลังคนใหม่ “กรณ์ จาติกวณิช” ยืนยันว่าอย่าตกใจกับยอดเงินคงคลังที่เหลือน้อยเป็นประวัติการณ์
การคลังของประเทศยังอยู่ในสภาพปลอดภัย
เนื่องจากเงินคงคลังมีเข้ามีออก มีเพิ่มมีลด มีขึ้นมีลง
ในกรณีที่เกิดปัญหาเงินสดขาดมือรัฐบาลก็มีวิธีแก้คือ กู้เงินมาแก้ขัดชั่วคราว เมื่อมีรายได้ไหลเข้ามาก็จะหมุนกลับไปใช้หนี้เงินกู้คืน
ถ้าเชื่อมั่น “อภิสิทธิ์” เชื่อมั่นประเทศไทย ต้องมั่นใจรัฐบาลว่ามีเงินจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการอย่างแน่นอน!!
แต่ที่ “แม่ลูกจันทร์” ไม่มั่นใจคือการจัดเก็บภาษี ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัฐบาลอาจจะตํ่ากว่าเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะตํ่ากว่าเป้าไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์
เพราะไตรมาสแรกก็ต่ำกว่าเป้าไปแล้ว 16 เปอร์เซ็นต์
ถ้าสถานการณ์ยังไม่กระเตื้อง ปีนี้จะเป็นปีที่งบประมาณรายจ่ายของประเทศจะขาดดุลหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์
ดีไม่ดีอาจจะติดลบถึงสี่แสนล้านบาทในปีเดียว??
อนึ่ง การที่รัฐบาลมั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้โตได้ถึง 3 เปอร์เซ็นต์
“แม่ลูกจันทร์” ฟันธงว่ายากยิ่งกว่าอุ้มช้างอาบน้ำ 3 ตัว!!
เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็มีแต่ข้อมูลด้านลบอย่างเดียว
ถามว่ามีข้อมูลด้านบวกที่ฟังแล้วกระตุ้นต่อมความเชื่อมั่นบ้างหรือไม่??
คำตอบคือ “ยังไม่มี”!!
เพราะรัฐบาลมั่นใจว่านโยบายอัดฉีดเงินคือยาวิเศษที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเห็นผลทันตา
เมื่อเงินในกระเป๋าไม่พอก็ต้องกู้เงินมาอัดฉีดเพิ่มเติม
โดยรัฐบาลจะกู้เงินต่างประเทศ (แบงก์ โลก เอดีบี ไจก้า) อีกเจ็ดหมื่นล้านบาท เพื่ออัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ และลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ระยะกลางและระยะยาว
เติมเงินอัดฉีดใส่เข้าไปอีกเพื่อให้ เกิดการจ้างงาน
เพราะตัวเลขคนว่างงานซึ่งตอนแรกคาดว่าจะไม่เกินห้าแสนคน แต่แนวโน้มขณะนี้ จะมีจำนวนคนที่ถูกเลิกจ้างงานอาจสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้หลายเท่าตัว
ถ้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้ผล อาจจะมีคนตกงานบานทะโร่ถึงสองล้านห้าแสนคน
อุแม่เจ้า...ฟังแล้วหัวใจจะวาย.
“แม่ลูกจันทร์”