ที่มา ประชาทรรศน์
ระทึกวันแดงเดือด! ม็อบ นปช.นับหมื่นเคลื่อขบวนฝ่าสี่จุดสกัด ก่อนปาบึ้มแยกมิสกวัน กรีธาทัพทะลุแนวสกัดประชิดรั้วทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้เช็กบิล"พันธมาร" เดินหน้าปลด"กษิต" ลุยแก้รัฐธรรมนูญก่อนประกาศยุบสภา
วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวงว่า มีประชาชนทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมกับแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อย่างต่อเนื่อง และเริ่มหนาตาขึ้นในช่วงเวลา 15.00 น. ทั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. และทีมผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวถึงการชุมนุมของ นปช.ในวันนี้ว่า ทราบข่าวว่ามีความพยายามจะสกัดกั้นไม่ให้ นปช. เดินทางไปถึงทำเนียบฯ ทางแกนนำนปช.จึงมอบหมายให้ตนเป็นผู้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านสกัดอยู่ 4 จุด และอยากเตือนว่าถ้ารัฐบาลบีบให้ตำรวจกระทำการรุนแรงกับประชาชน จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการชุมนุมไม่เลิกราจนกว่าจะแตกหัก โดย นปช.จะใช้ทำเนียบรัฐบาล เป็นสมรภูมิ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีสมองพอก็ควรเปิดโอกาสให้ นปช. เข้าไปประกาศเจตนารมณ์
ตำรวจวางกำลังคุมเข้มสนามหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 35 กองร้อย เพื่อเตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวง พร้อมผสานกำลังจากเจ้าหน้าที่ทหารอีก 22 กองร้อยเพื่อเสริมทัพในกรณีฉุกเฉิน
ด้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กำลังตำรวจจะทำหน้าที่หลักดูแลสถานการณ์ หากเหตุการณ์ไม่รุนแรง ทหารก็จะอยู่ในที่ตั้งตามปกติ โดยจะใช้แผนอาร์มทองที่เคยใช้ในการดูแลความสงบเรียบร้อย แต่หากตำรวจประสานมาก็พร้อมให้การสนับสนุนในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
วางด่านสกัด 4 จุด
วันเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ได้ทำหนังสือขอกำลังจากกองทัพ ให้เข้าเสริมดูแลสถานการณ์ โดย พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพจะยึดแนวเดิม ในการดูแลการชุมนุม และจะจัดกำลังตามสถานการณ์ โดยมีการเตรียมกำลังไว้ในที่ตั้ง และกำลังสำรองหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเบื้องต้นกองบัญชาการตำรวจนครบาลใช้แผนกรกฎในการควบคุมสถานการณ์การชุมนุมในวันนี้ ขณะที่ ด้านนอกทำเนียบรัฐบาล ได้มีการจัดเตรียมกำลัง และแผงเหล็กรั้วกั้นไว้พร้อมเพื่อตั้งเป็นจุดสกัด ไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินทางมา เบื้องต้นกำหนดจุดสกัดไว้ 4 จุดคือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้าลีลาศ แยก จปร.และสะพานมัฆวานรังสรรค์
คาดมีผู้ชุมนุมไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน
ขณะที่ พล.ต.ท.ธีรเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ได้เพิ่มกล้องวงจรปิดโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ในการตรวจสอบความเคลื่อนไหว ประเมินด้านการข่าว การชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่จะเคลื่อนขบวนมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเย็นวันนี้ พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เตรียมรถไฟฟ้าส่องสว่าง หากการชุมนุมยืดเยื้อและผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนพล ก็ง่ายในการตรวจสอบ หากเกิดเหตุไม่ปกติขึ้น พล.ต.ท. กล่าวอีกว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสมทบการชุมนุม ซึ่งตำรวจสันติบาลประเมินว่าจะมีผู้เข้าร่วมในช่วงเย็นวันนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000 คน
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้เน้นย้ำในที่ประชุมร่วมกับกองทัพภาคที่ 1 วานนี้ โดยยืนยันว่า จะไม่ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเด็ดขาด เน้นการเจรจาต่อรองเป็นหลัก และให้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือที่สามที่อาจสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้น
มอบ"สุชาติ"เป็นผู้สั่งการ
ด้าน พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวถึงการเตรียมกำลังตำรวจในการดูแลความเรียบร้อยกลุ่มผู้ชุมนุม โดยระบุว่า ในช่วงนี้จะใช้กำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และ 2 รวม 2 กองร้อย เพื่อดูแลความเรียบร้อยในส่วนของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยจะนัดรวมพลกำลังตำรวจและรายงานตัวในช่วงเที่ยงนี้
ส่วนการตั้งจุดสกัดกลุ่มผู้ชุมนุมใน 4 จุด เพื่อเจรจาไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล จะมี พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คอยเจรจาอยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ส่วนอำนาจการตัดสินใจว่าจะให้กลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ผ่านในแต่ละจุดสกัดจะอยู่ที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ จะเป็นผู้สั่งการ
เผยยุติการชุมนุมเที่ยงคืน
ขณะที่ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( รอง ผบช.น.)ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลสรุปประเมินสถานการณ์ชุมนุม นปช.(ม็อบเสื้อแดง)ในเบื้องต้นว่า จากการหารือด้านการข่าวระหว่างกองบัญชาการตำรวจนครบาลกับหน่วยงานทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความสงบเรียบร้อยและหน่วยงานความมั่นคงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า การชุมนุมวันนี้ไม่มีความรุนแรงและไม่ยืดเยื้อ เพราะทุกหน่วยได้ประสานกับแกนนำผู้ชุมนุมชี้แจงว่าจะชุมนุมอย่างสงบและยุติการชุมนุมในเวลา 24.00 น.
สำหรับบรรยากาศการเดินทางมายังท้องสนามหลวง ของกลุ่มผู้สนับสนับสนุนในต่างจังหวัดนั้น ในส่วนของ จ.อุดรธานีมีกลุ่มประชาชนเสื้อแดง ได้เดินทางไปด้วยรถทัวร์มาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จำนวน 13 คัน รถตู้ 10 คัน รถไฟ และรถโดยสารประจำทางรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,100 คน โดยก่อนหน้านี้ได้มีประชาชนเสื้อแดงบางส่วนออกเดินทางล่วงหน้าไปแล้วกว่า 500 คน ซึ่งหากรวม กลุ่มผู้ชุมนุมจากจ.หนองบัวลำพู จ.หนองคาย จ.สกลนคร และจ.ขอนแก่น คาดการณ์ว่าน่าจะจำนวนมีประมาณกว่า 3,000 คน
แกนนำนปช.โวยเสื้อแดงถูกกลั่นแกล้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กลุ่มคนเสื้อแดง จ.นครพนม เดินทางไปชุมนุมที่ท้องสนามหลวงแล้ว แต่จำนวนมีไม่ถึง 100 คน โดยแกนนำ โดยได้รับคำตอบว่าที่ไม่สามารถเดินทางมาได้มากมายนั้น เนื่องจากระยะทางที่ไกลและค่าใช้จ่ายในการไปชุมนุมแต่ละครั้ง มีจำนวนมากประกอบกับกลุ่มเสื้อแดงบางส่วน จำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ แต่เชื่อมั่นว่าจะติดตามการชุมนุมในครั้งนี้ เป็นจำนวนมาก
ขณะที่ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปช. และประธานสถานีวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ เอฟเอ็ม 92.75 เมกะเฮริตซ์ กล่าวว่า ขณะนี้ กลุ่มคนเสื้อแแดงจากต่างจังหวัดทยอยเดินทางมาที่ท้องสนามหลวงแล้ว แต่ได้รับรายงานว่าบางพื้นที่เจ้าหน้าที่พยามสกัดกั้นการเดินทาง เช่น ที่จังหวัดสมุทรปราการ รถบัส ไม่กล้ารับงาน บางพื้นที่มีการโปรยตะปูเรือใบ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีผู้มาชุมนุมไม่น้อยกว่า 5 หมื่นคน ซึ่งแกนนำประกาศห้ามพกพาอาวุธ รวมถึงการขว้างปาไข่ด้วย ส่วนการจะเคลื่อนไปปิดทำเนียบรัฐบาลหรือไม่นั้น นายชินวัฒน์ กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ก่อน และหากไปจริง คนเสื้อเแดงก็จะไม่บุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เหมือนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยทำอย่างแน่นอน
นัดเคลื่อนพล 3 ทุ่ม
เมื่อเวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นกำหนดการเปิดเวทีอย่างเต็มรูปแบบ เมีประชาชนพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อแดงเดินทางเข้าสู่ท้องสนามหลวงเป็นจำนวนประมาณ 15,000 คน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ แกนนำนปช.ทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายวีระ มุกสิกพงษ์ นาจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข ได้เดินทางมาที่ท้องสนามหลวงในเวลาประมาณ 13.00 น. เพื่อทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นปช.จะเคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวงไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 21.00 น. โดยจะใช้เส้นทางถนนราชดำเนิน เพื่อเรียกร้องรัฐบาล 4 ประการคือ 1. เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ 2. เรียกร้องให้รัฐบาลปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา และให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ย้ำ"ทักษิณ"ไม่โฟนอิน
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร กล่าวย้ำว่า ในการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้จะไม่มีการต่อสายโทรศัพท์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน และจะใช้ยุทธวิธีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยเพื่อขอให้เปิดทางเพื่อเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล และจะไม่บุกเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล
"รัฐบาลชุดนี้ก็เหมือนกับปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอยที่เน่าไปทั้งคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ผมขอร้องอย่าให้มีการปลดนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะอยากให้เป็นจุดผิดพลาดของรัฐบาลไปทั้งคณะรัฐมนตรี ส่วนการออกว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสนามบินสุวรรณภูมิว่า รัฐบาลออกกฎหมายฉบับดังกล่าว จากบทลงโทษที่ระบุว่าผู้ก่อการร้ายต้องได้โทษประหารชีวิตเท่านั้น แต่รัฐบาลชุดนี้กลับมาเปลี่ยนบทลงโทษเป็นการปรับเงินแค่ 500 – 10,000 บาท ก็เพราะต้องการช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรฯ"
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบนเวทีว่า บรรดาแกนนำ นปช.ต่างสลับผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกันอย่างเผ็ดร้อน ขณะที่บริเวณด้านหลังเวทีปราศรัยกลับเนืองแน่นไปด้วยบรรดาแฟนคลับแกนนำ นปช. ทำให้การรักษาความปลอดภัยบริเวณหลังเวทีเป็นอย่างหละหลวม
"จักรภพ"ลั่นตั้งสถาบันเสื้อแดง
โดย นายจักรภพ เพ็ญแข ปราศรัยบนเวทีว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการพบปะกันระหว่างคนร่วมอุดมการณ์ โดยหลังจากนี้จะมีการจัดตั้งสถาบันเสื้อแดงเพื่อเผยแพร่อุดมการณ์ของชาวเสื้อแดงให้แผ่ไปทั้งแผ่นดิน ซึ่งเดือนหน้าจะมีการพบปะกันตามสถาบันการศึกษาประสานสื่อมวลชนสายประชาธิปไตย โดยมีภาระกิจเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นคนของประชาชน ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมของคนเสื้อแดงต่อไปจะมีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างประชาชนอย่างกว้างขวางเหมือนกับทุกคนได้เข้ามหาวิทยาลัยสีแดงกันทั้งประเทศที่อื่นมีมหาบัณฑิต ชาวสีแดงก็จะมีมหาประชาชนบัณฑิต ขอเรียกร้องให้คนที่กั๊กเลือกข้างให้ชัดเจนว่าจะอยู่ข้างประชาชนหรือไม่
ทั้งนี้ มีประชาชนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก โดยฝ่ายจัดการการชุมนุมได้ตั้งเวทีที่สนามหลวงฝั่งทิศเหนือ โดยประชาชนที่มาร่วมกว่าครึ่งสนามหลวง แต่จะหนาแน่นเฉพาะหน้าเวทีในขณะที่ด้านหลังจะนั่งรับฟังการปราศรัยอย่างหลวมๆ และบริเวณรอบการชุมนุมมีการตั้งเวทีปราศรัยย่อย รวมถึงมีร้านขายสินค้าที่ระลึกไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีแดง เท้าตบ หนังสือจำนวนมาก รวมทั้งมีซุ้มให้ประชาชนปาไข่ใส่รูปภาพนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายกษิต ภิรมย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณและรูปแม่นางเพื่อสื่อไปถึงนายกฯ โดยขายไข่ราคา 3 ใบ 20 บาท
ทัพเสื้อแดงเคลื่อนขบวนฝ่า 2 แนวสกัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ได้ทยอยลงมาตั้งขบวนบริเวณถนนข้างท้องสนามหลวงเพื่อเตรียมเคลื่อนตัวไปทำเนียบรัฐบาล โดยจัดรถจักรยานยนตร์ประมาณ 10 คันมาเพื่อนำหน้าในการเคลื่อนขบวน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็นำรถมาเตรียมอำนวยความสะดวกในการสัญจรไปมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหากมีการเคลื่อนขบวนออกจากสนามหลวงไปยังทำเนียบรัฐบาล
จากนั้น เมื่อเวลา 22.00 น. ขบวนผู้ชุมนุม นปช.ได้เคลื่อนขบวนโดยมาถึงด่านสกัดด่านแรกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 22.15 น. โดยนายจักรภพและนายจตุพรได้เข้าไปเจรจาเพื่อขอให้เปิดด่าน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยินยอมให้ผ่านไปได้ หลังจากนั้น ขบวนได้เคลื่อนไปที่ด่านสกัดบริเวณผ่านฟ้าในเวลา 22.30 น. ซึ่งในจุดนี้ระหว่างที่นายจักรภพและนายจตุพรเข้าไปเจรจากับตำรวจ นางลีน่า จังจรรยา อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ได้พยายามปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมฝ่าแนวรั้วไป กระทั่งในท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยินยอมเปิดด่านสกัดให้ผ่านไปได้จนกระทั่งเคลื่อนไปสู่ด่านสกัดบริเวณสะพานมัฆวาน
แกนนำเรียกร้องผู้ชุมนุมยึดสันติวิธี
ทั้งนี้ ระหว่างการเคลื่อนพล นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้ประกาศข้อเรียกร้องในการเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในครั้งนี้ว่า 1.ให้รัฐบาลดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรที่ยึดสนามบิน 2 แห่ง ปิดถนนราชดำเนิน ยึดเอ็นบีที 2. ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ออกมาจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศภายใน 15 วัน 3. ให้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร.ภายใน 15 วันหรือยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 และกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 40 ทันที 4.เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้วให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชนทันที โดยกลุ่มเสื้อแดงจะนำข้อเรียกร้องไปติดหน้าทำเนียบคืนนี้หากไม่มีการตอบสนองขอให้ชาวเสื้อแดง คอยฟังข่าวการชุมนุมต่อไปซึ่งจะยึดเยื้อหากไม่ได้ผล ก็จะไม่เลิกรา และจะยึดมั่น ในหลักสันติอหิงสา ส่วนการเคลื่อนไหวในคืนนี้ขอให้ทุกคนยึดหลัก 3 ไม่คือ ไม่โกรธ ไม่ตอบโต้ไม่รุนแรง ไม่ทำร้ายตำรวจ-ทหาร
ถนนราชดำเนินขาออกเป็นอัมพาต
ทั้งนี้ ได้มีแกนนำประจำรถปราศรัย 6 คัน คันที่ 1 มีนายณัฐวุฒิ ไสเกื้อและนายจักรภพ เพ็ญแข คัน ที่ 2 มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายพายัพ ปั้นเกตุ คันที่ 3 นายจรัล ดิษฐาอภิชัย คันที่ 4 นายวีระ มุสิกพงศ์และนายแพทย์เหลง โตจิราการ คันที่ 5 พ.ต.ท.สมชาย เพศประสริฐและ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คัน 6 นายวิภูแถลง พัฒนาภูมิไท นายชิณวัฒน์ หาบุญพาด โดยกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้เดินทางออกจากสนามหลวงมุ่งหน้าทำเนียบซึ่งส่งผลให้มีการปิดการจราจรบนถนราชดำเนินขณะที่ฝั่งถนนราชดำเนินขาออกการจราจรเป็นไปอย่างเนืองแน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่สุดขบวนของ นปช.ก็เคลื่อนพลมาถึงด่านสกัดบริเวณสะพานมัฆวานในเวลาประมาณ 22.50 น. ซึ่งจุดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังไว้ถึง 6 กองร้อย และมีรถที่ใช้สำหรับขนผู้ต้องหาอีกจำนวน 6 คัน รถดับเพลิง 7 คัน และมีการกั้นรั้วด้วยลวดหนาม ทั้งนี้ ในการเจรจาที่ด่านสกัดบริเวณสะพานมัฆวานได้มีการเปิดการเจรจานานถึง 20 นาทีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยอมเปิดทาง ส่งผลให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนผ่านแนวกั้นออกไป และไปถึงด่านสกัดสุดท้ายบริเวณสี่แยกมิสกวันโดยในจุดนี้มีกำลังทหารเข้ามาสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขว้างบึ้มฝ่าแนวมิสกวันประชิดรั้วทำเนียบรัฐบาล
ทันใดที่มาถึง ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้ง ส่งผลให้ตำรวจทหารที่ด่านมิสกวันต้องถอยร่นออกจากแนว และกลับไปรวมตัวกันภายในทำเนียบรัฐบาล ส่งผลให้ผู้ชุมนุมสามารถผ่านด่านนี้ไปได้แล้ว และสามารถเคลื่อนขบวนถึงหน้าทำเนียบรัฐบาลในเวลา 23.40 น.
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า นายชินวัตร หาบุญพาด ได้นำมวลชนจำนวนประมาณ 2,000 คน เคลื่อนขบวนเลี้ยวขวาที่แยกจปร.เพื่ออ้อมไปที่ทำเนียบรัฐบาลอีกทาง และสามารถนำขบวนมาถึงทำเนียบรัฐบาลได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน จากนั้น แกนนำ นปช.ได้ประกาศบนรถปราศัยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณแยกมิสกวันว่า เสียงระเบิดที่ดังขึ้นเกิดมาเกิดเพราะผู้ชุมนุมถูกสาดน้ำกรด และมีเหล่าแกนนำ นปช.สลับกันขึ้นปราศัย จากนั้นแกนนำได้มีการอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ปลด รมว.ต่างประเทศ เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จก่อนยุบสภา โดยให้เวลารัฐบาลดำเนินการ 15 วัน ถ้าหากไม่มีความคืบหน้าก็จะนัดชุมนุมใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้น นปช.ก็สลายการชุมนุม