WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, February 1, 2009

"มาร์ค"ต้องรีบ ตัดไฟแต่ต้นลม

ที่มา ข่าวสด
ออกจากจุดสตาร์ตได้แค่เดือนเดียว

รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี "เทพประทาน" ที่แบกความหวังของคนไทยทั้งประเทศไว้

ก็เริ่มออกอาการเครื่องรวน

เรื่องปลากระป๋องเน่า"ของนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมฯ กับเรื่องการแจกเงินหลวงแนบนามบัตรส่วนตัวของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาด ไทย

กลายเป็นวาระแทรกซ้อนไม่คาดฝัน

ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายกฯ จะต้องหาทาง "ตัดไฟแต่ต้นลม" โดยด่วน ก่อนจะขยายวงลุกลามไหม้วอดกันทั้งรัฐบาล

ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลชุดนี้เกิดขึ้นมาท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ

ภาวะเศรษฐกิจทรุดต่ำลงอย่างน่าใจหาย การเมืองขัดแย้งแตกแยกรุนแรง ส่งผลให้สังคมเกิดความร้าวฉานแบ่งฝักแบ่งฝ่ายตามไปด้วย

การที่ประชาชนในสังคมส่วนใหญ่พยา ยามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

มองข้ามการดิ้นรนเข้ามาเป็นรัฐบาลด้วยวิธีการที่ไม่ค่อยสง่างาม

รวมถึงการเลือกเฟ้นคนเข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรี บนเงื่อนไขต่างตอบ แทนกลุ่มคน 3-4 กลุ่ม ทำให้หน้าตารัฐมนตรีไม่ได้"ขี้เหร่"น้อยไปกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วมาเท่าใดนัก

ด้วยเพราะเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะเข้ามายุติปัญหา นำพาบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้

นายอภิสิทธิ์ประเดิมความเป็น"ผู้นำ" ด้วยการประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อ เพื่อควบคุมการทำงานของคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีองค์ประกอบจากหลายพรรค

เนื้อหาหลักๆ คือเน้นย้ำเรื่องการปฏิ บัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด

การทำงานต้องรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ ถึงจะเป็นรัฐบาลผสมแต่ต้องไม่แบ่งพรรค ต้องเป็นรัฐบาลที่รับผิดชอบร่วมกัน

ทั้งต้องพร้อมรับการตรวจสอบ ทั้งเชิงนโยบายหรืออื่นๆ

รัฐมนตรีไม่มีสิทธิเหนือประชาชนคนอื่นในแง่การปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ความรับผิดชอบทางการเมืองนั้น

จะต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมายด้วย

สังคมกำลังจับตา ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะหาทางออกจากมลภาวะ"สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ"นี้อย่างไร

การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งต่อกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ากฎเหล็ก 9 ข้อที่วางไว้

เป็นจริงในทางปฏิบัติมากน้อยขนาดไหน

โดยเฉพาะที่ว่าความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย

พรรคประชาธิปัตย์เองในสมัยเป็นฝ่ายค้าน ก็ใช้มาตรฐานดังกล่าวเป็นหลักยึดมั่นในการตรวจสอบฝ่ายบริหารมาโดยตลอด

สำหรับพรรคเพื่อไทยถึงจะเป็นมือใหม่หัดค้าน แต่ก็มองออกว่ารัฐบาลกำลังเดินสะดุดขาตัวเอง และแน่นอนว่าในฐานะพรรคฝ่ายค้าน

ย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสงามๆ เช่นนี้

หากนายกฯ ยังลังเลไม่ยอมจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที

เชื่อว่าชื่อของนายวิฑูรย์และนายบุญจง จะถูกนำมาใส่ไว้เป็นชื่อต้นๆ ในบัญชีอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน

สำคัญกว่านั้นตัวนายกฯ เองยังอาจจะพลอยติดร่างแหไปด้วย หากเป็นอย่างนั้นก็จะเท่ากับว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะ

กรณี"ปลากระป๋องเน่า"ของนายวิฑูรย์

น่าจะหมดสิทธิ์ไปเรียกร้องเอาอะไรจากเจ้าตัว ที่กล่าวยืนยันทั้งในสภาและนอกสภา ว่าจะรอผลชี้มูลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. ก่อน

เช่นเดียวกับการแจกเงินแถมนามบัตรของนายบุญจง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)

ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะได้ข้อสรุป

คำถามที่ตามมาคือระหว่างนี้ นายอภิสิทธิ์จะฝ่าแรงเสียดทานทั้งในสภาและจากสังคมภายนอกไปได้ด้วยวิธีใด และที่สำคัญคือจะต้องเป็นทางออก

ที่ไม่สร้างความผิดหวังให้กับประชาชนด้วย

เนื่องจากนายวิฑูรย์ เป็นรมว.การพัฒนาสังคมฯ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายอภิสิทธิ์ ทั้งในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าพรรค

ส่วนนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นั้นถึงจะเป็นรมช.มหาดไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย แต่ในกฎเหล็กของนายอภิสิทธิ์ก็ระบุไว้ชัด

ว่าถึงจะเป็นรัฐบาลผสมแต่ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

ขณะที่ประเทศกำลังประสบวิกฤตรุมเร้าหลายด้าน ความซื่อสัตย์สุจริตของคณะผู้บริหารประเทศ มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ามาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลนำออกมาใช้

สภาเพิ่งจะผ่านพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมกลางปีแสนกว่าล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายประชานิยม ที่เน้นการลด แลก แจก แถมสารพัด

ทั้งการแจกเงิน 2,000 บาท การแจกจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ที่จะต้องมีการแจกชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ฯลฯ

กรณีการแจกจ่ายถุงยังชีพบรรจุปลากระป๋องเน่า ให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วม จ.พัทลุง และการแจกเงินช่วยคนจนแถมนามบัตรรัฐมนตรี ที่จ.นครราชสีมา

ถึงจะเป็นการฉวยโอกาสเล็กๆ น้อยๆ แต่กลับสร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลอย่างใหญ่หลวง

แถมยังเป็นการจุดชนวนความหวาดระแวง ให้สังคมต้องจับตาถึงการกระจายงบประมาณกลางปีระดับหมื่นล้านแสนล้าน ว่าเอาเข้าจริงแล้ว

จะเหลือตกถึงมือประชาชนมากน้อยเท่าไหร่ จะกลายเป็น"แท่งไอติม"ที่เหลือแค่ไม้ไอติมให้ชาวบ้านหรือไม่

บทเรียนเรื่องส.ป.ก.4-01 เมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่นายกฯและรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยนั้น พยายามปกป้องพวกเดียวกันเองจนทำให้รัฐบาลพังคามือ

ไม่ใช่บทเรียนล้าสมัย

ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ ศึกษาบทเรียนนี้จนเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง

ก็น่าจะพบคำตอบสุดท้าย

ว่าจะหาทางออกจากปัญหาของรัฐ บาลในขณะนี้อย่างไร