ที่มา Thai E-News
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
19 กันยายน 2552
จักรภพ เพ็ญแข จบบทความของเขาเมื่อไม่นานมานี้ด้วยถ้อยคำสำคัญดังต่อไปนี้
“ประชาชน...อำมาตย์... สองเราต้องเท่ากัน”
น่าคิดนะครับ!!
ในความเห็นส่วนตัวของผม (ซึ่งคุณจักรภพไม่ต้องรับผิดชอบกับบทความนี้เพราะไม่ได้คุยกันมาเจ็ดเดือน) ประเด็นไม่ใช่ว่าฝ่ายอำมาตย์ “จะยอมหรือไม่” อย่างที่บางคนอาจนึกคิด
แต่ประเด็นที่บทความของคุณจักรภพชวนให้ผมคิด และผมขอชวนให้ท่านคิดต่อ... คือเรื่องลัทธิ “ความเสมอภาค” เพราะลัทธิหรือปรัชญา “ความเสมอภาค” เป็นอาวุธทางความคิดที่สำคัญที่สุดในการทำลายลัทธิอภิสิทธิ์ชนของอำมาตย์
คิดดูซิ อำมาตย์ทำรัฐประหารเพราะมองว่าพลเมืองส่วนใหญ่ “ต่ำและโง่เกินไป” “ไม่ควรมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกรัฐบาล” อำมาตย์เกลียดชังการที่รัฐบาลไทยรักไทยนำภาษีประชาชนมาบริการประชาชน เช่นในระบบสาธารณสุข เพราะอำมาตย์อยากเอาเงินภาษีพลเมืองมาใส่กระเป๋าของตนเอง มาเชิดชูตนเอง หรือซื้อเครื่องบินราคาเป็นล้านให้ตัวเองนั่ง อำมาตย์เกลียดระบบรัฐสวัสดิการและเคยพูดไว้เป็นหลักฐานด้วย เขาชอบให้คนจนพอเพียงกับความจน ไม่อยากให้มีการกระจายรายได้
ดังนั้นเราต้องรณรงค์ให้มีรัฐสวัสดิการและการกระจายรายได้
อำมาตย์อยากให้เราใช้ภาษาพิเศษกับเขา ชื่อเขาก็แปลกๆยาวๆ เพื่อไม่ให้ดูเท่าเทียมกับเรา เวลาเราไปหาอำมาตย์ก็ต้องคลานเหมือนสัตว์ นิยายอำมาตย์อ้างว่า เขาเหนือมนุษย์ธรรมดาเพราะเก่งทุกอย่าง
เราจึงต้องรณรงค์ให้ทุกคนเท่าเทียมกัน
ลัทธิความคิดเสมอภาคจะทำลายข้ออ้างและการสร้างความชอบธรรมของอำมาตย์ทั้งหมด เพราะลัทธิความเสมอภาคในระบบประชาธิปไตยแท้ ยืนยันว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ไม่มีใครต่ำ ไม่มีใครสูง ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ ทุกคนถูกติชมได้ ทุกคนต้องทำงานถ้ามีโอกาสหรือมีปัญญาพอ ทุกคนต้องเสียภาษี และที่สำคัญ ลัทธิเสมอภาคและประชาธิปไตยแท้ เสนอว่าพลเมืองทุกคนมีวุฒิภาวะที่จะปกครองตนเอง และเลือกผู้แทนของตนเองอย่างเสรี
ดังนั้นการทำรัฐประหาร การขัดขวางประชาธิปไตย และการมีคนถือตำแหน่งสาธารณะโดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างเสรี ย่อมเป็นสิ่งที่ผิด การสืบทอดสายเลือดอาจทำให้เรามีหน้าตาเหมือนพ่อแม่ปู่ย่าตายายเราได้ แต่มันไม่ใช่สาเหตุที่จะดำรงตำแหน่งพิเศษในสังคม
ถ้าลัทธิเสมอภาคเป็นอาวุธอันแหลมคมที่ใช้ทำลายอำมาตย์ได้ เราควรใช้มันทุกวัน ในทุกเรื่อง ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ดังนั้นทุกคนร่วมกันทำได้ ผมขอยกตัวอย่างอื่นๆ นอกจากตัวอย่างที่เสนอไปแล้ว เช่น
เราควรเสนอว่ามนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเชื้อชาติอะไร ศาสนาอะไร หรือใช้ภาษาอะไร เป็นคนเหมือนกันและเท่าเทียมกัน หยุดดูถูก ล้อเลียน หรือเอาเปรียบคนพม่า ลาว เขมร หยุดการมีความคิดอคติกับคนมุสลิมภาคใต้ หยุดคิดว่าการเป็น “ไทย” ยอดเยี่ยมที่สุด และหยุดคิดว่า “เราเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องสามัคคี” ตามแนว “ชาติ ศาสนา กษัตริย์” ของอำมาตย์
อย่าลืมว่าอำมาตย์มองว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศเป็นพลเมืองชั้นสอง สิ่งเหล่านี้สำคัญ เพราะทุกครั้งที่ท่านเสนอว่าทุกคนเท่าเทียมกัน คุณกำลังปฏิเสธแนวอำมาตย์ และเอาดาบทางปัญญาฟันความคิดของเขา
เราควรเสนอให้นักโทษในคุกไทยมีสิทธิ์สมกับการเป็นมนุษย์ อย่าดูถูกเขาว่าเป็น “คนเลว” เพราะเพียงแต่อยู่ในคุก คนติดคุกที่เป็นคนดีมีมากมาย เช่นคุณดา คุณสุวิชา คนจนที่โชคร้ายอีกหลายแสนคนติดคุก เพราะเขาเป็นเหยื่อสังคม คนเลวแท้ไม่ได้อยู่ในคุกแต่ปกครองประเทศ คนเสื้อแดงต้องรณรงค์ให้ปล่อยนักโทษส่วนใหญ่ และให้ปฏิรูปคุกซึ่งเป็นนรกของคนจน เราต้องยกเลิกโทษประหาร คนที่ทำผิดยังมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต และมีสิทธิ์ที่จะปรับตัว เราต้องเลิกอคติที่เรามีกับนักโทษ เลิกใช้แรงงานนักโทษเพื่อเอาโคลนออกจากท่อระบายน้ำ
เพราะทุกครั้งที่ท่านเสนอว่าทุกคนเท่าเทียมกัน คุณกำลังปฏิเสธแนวอำมาตย์และเอาดาบทางปัญญาฟันความคิดของเขา
เราควรยืนยันว่ามนุษย์ต้องเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมีรสนิยมทางเพศอย่างไร อำมาตย์พยายามสร้างภาพเรื่องครอบครัว และความสำคัญของศีลธรรมอนุรักษ์นิยมเรื่องเพศ แต่เขาเองก็ประพฤติไม่ได้ คนเสื้อแดงต้องเรียกร้องสิทธิเสรีภาพกับ หญิง ชาย เกย์ กะเทย ทอม ดี้ ทุกคนควรได้รับความเคารพเท่าเทียมกัน ผู้หญิงไทยควรมีสิทธิที่จะเลือกทำแท้งอย่างปลอดภัยถ้าต้องการ อย่าไปเชื่อจำลอง ศรีเมือง ในเรื่องนี้
แล้วทุกครั้งที่ท่านเสนอว่าทุกคนเท่าเทียมกัน คุณกำลังปฏิเสธแนวอำมาตย์และเอาดาบทางปัญญาฟันความคิดของเขา
เราควรคัดค้านการใช้อภิสิทธิ์ การปิดถนนเพื่อคนใหญ่คนโต เราต้องร่วมกันด่าร่วมกันวิจารณ์ ทั้งลับหลังและต่อหน้า เราต้องเสนอว่ารถพยาบาลเท่านั้นที่ควรได้อภิสิทธิ์แบบนี้ เราต้องเลิกคิดว่าในสังคมเราต้องมี “ผู้ใหญ่ กับผู้น้อย” เราควรเลิกก้มหัวให้ผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้ใหญ่ ผู้หญิงควรเลิกเรียกตัวเองว่า “หนู” เราควรจะสุภาพกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เรียกทุกคนว่า “คุณ” หรือ “ท่าน” อย่างเสมอภาค
เพราะทุกครั้งที่ท่านเสนอว่าทุกคนเท่าเทียมกัน คุณกำลังปฏิเสธแนวอำมาตย์และเอาดาบทางปัญญาฟันความคิดของเขา
เราควรรักเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กของใคร ควรรณรงค์ให้เด็กมีความสนุก มีโอกาสเรียนรู้อย่างเสรี และมีสุขภาพที่ดี เด็กๆควรสุภาพ แต่ไม่ต้องมาเคารพผู้ใหญ่ในรูปแบบที่อำมาตย์เสนอ เพราะมันไร้เหตุผลและสร้างความเหลื่อมล้ำ เด็กก็เป็นคน มีสิทธิ์มีเสียง และสมควรที่จะได้รับความเคารพ ผู้หญิงสาวๆ หรือชายหนุ่มๆ ที่ทำงานในร้านอาหารหรือที่อื่น ไม่ใช่ “เด็ก” อย่าเรียกเขาอย่างนั้น เรียกว่า “น้อง” หรือ “พี่” ก็ได้ เราต้องมีความเสมอภาคทางอายุ
เพราะทุกครั้งที่ท่านเสนอว่าทุกคนเท่าเทียมกัน คุณกำลังปฏิเสธแนวอำมาตย์และเอาดาบทางปัญญาฟันความคิดของเขา
ในสังคมปัจจุบัน การไหว้คนอื่นกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนชั้นสูง-คนชั้นต่ำ ผู้น้อยต้องไหว้ผู้ใหญ่ก่อนและต้องก้มหัว ผู้ใหญ่ก็จะรับไหว้ เลิกเถิด!! อาจไม่ต้องไหว้กันเลยก็ได้ โค้งนิดๆ ทั้งสองฝ่าย ยิ้มให้กันตามมารยาท จะเท่าเทียมกว่า
อย่าลืมว่าทุกครั้งที่ท่านเสนอว่าทุกคนเท่าเทียมกัน คุณกำลังปฏิเสธแนวอำมาตย์และเอาดาบทางปัญญาฟันความคิดของเขา
ในวันหยุดต่างๆ ไม่ต้องปักธงหรือเครื่องประดับของอำมาตย์ ถ้าจะฉลองวันสำคัญเน้นไปที่วันของประชาชน เช่น ๒๔ มิถุนายน หรือ ๑๔ ตุลาคมแทนก็ได้
พวกเราคงคิดถึงตัวอย่างอื่นๆ ได้อีกมากมายได้ และเราทุกคนสามารถร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความเท่าเทียม เพื่อค่อยๆ ทำลายความคิดของอำมาตย์ในสังคมได้ อย่ายอม อย่าก้มหัว เราไม่ใช่ราษฎร เราไม่ใช่ไพร่ เราไม่ได้อยู่ใต้ฝุ่นเท้าใคร เพราะเราเป็นพลเมืองของสังคมใหม่
ลัทธิ/ปรัชญาความเท่าเทียม ในความเห็นผม เป็นสิ่งเดียวกับ “สังคมนิยม” ดังนั้นเราต้องนำความคิดสังคมนิยมมารบกับความคิดอำมาตย์ แต่ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ตรงนี้ คนเสื้อแดงทุกคนสามารถใช้ลัทธิความเท่าเทียมได้
19 กันยา 2552