WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, November 22, 2009

มวยล้มต้มคนดู

ที่มา มติชน

คอลัมน์ เดินหน้าชน

โดย ภาคภูมิ ป้องภัย



เปื่อยครับเปื่อย จะไม่เปื่อยได้อย่างไร เมื่อเริ่มต้นดูขึงขัง จู่ๆ กลับมาตายเอาตอนจบ อย่างนี้คนดูก็เปื่อยซิครับ

อย่างที่ผมเขียนไปเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเอาจริงเอาจังกับการสอบสวนคดีทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงหรือไม่ ในเมื่อมีนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และกลุ่มธุรกิจภายใต้โครงข่ายของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันอย่างแนบแน่น

เขียนไม่ทันพ้นสัปดาห์เลยครับ...เป็นเรื่องแล้ว

เมื่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้รวบรวมพยานหลักฐานคดีดังกล่าวที่กองปราบปรามส่งมาให้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 เสร็จแล้ว และเห็นควรเสนอบอร์ดชุดใหญ่พิจารณาให้สำนวนนี้ตกไป เนื่องจากในสำนวนไม่ได้กล่าวหานักการเมือง ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ในขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) ผู้ถูกกล่าวหา มีสถานะเป็นเพียงลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจที่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบได้

อธิบายง่ายๆ คือ สำนวนของกองปราบฯ "โคตรอ่อน" ทั้งๆ ที่ผมอุตส่าห์เขียนชื่นชมฝีมือกองปราบฯ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สามีของ "แม่เลี้ยงติ๊ก" นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้มากมายเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

แต่เอาเข้าจริงกลับบ้อท่า ลงทุนส่งทีมไปสอบสวนผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ สพช.มาอย่างไร ถึงได้แค่ "ปลาซิวปลาสร้อย" มาเป็นผู้ต้องสงสัย ทั้งๆ ที่เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2552 นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ขณะเป็น ผอ.สพช.เข้าแจ้งความกองปราบฯ โดยนำเอกสารระบุรายชื่อพนักงานระดับบริหาร 3 คนของ สพช.มีพฤติกรรมส่อหาประโยชน์กับชุมชนโดยมิชอบ ระบุกลุ่มงานที่สังกัด ระบุกระทั่งให้ออกไปแล้ว 1 คน

จึงเกิดข้อสงสัยตามมาว่า 1.รัฐบาลจ้างลูกจ้างชั่วคราวมาคุมโครงการกว่า 2 หมื่นล้านบาทหรือ 2.กองปราบฯไปสอบสวนที่ สพช.อยู่หลายวัน ไม่รู้หรือว่าผู้ต้องสงสัยเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ถ้ารู้แล้วทำไมยังส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.

ไม่เพียงเท่านั้น ทีมข่าวพิเศษ "มติชน" ยังตรวจสอบพบข้อมูลเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกให้ออกตามคำให้การของนายสุมิทนั้น เป็นข้าราชการสังกัดมหาวิทยาลัยรัฐ แต่ถูกทีมงานรองนายกฯขอตัวมาช่วยราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ และมาทำงานที่ สพช. ดังนั้น คนคนนี้ไม่ใช่ลูกจ้างชั่วคราวแน่นอน

ตอกย้ำด้วยคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองผู้บังคับการกองปราบฯ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 ว่า ในสำนวนกล่าวหาเจ้าหน้าที่ สพช. 3 คน มีพฤติการณ์ส่อทุจริต นอกจากนี้ ตำรวจยังสืบสวนพบสมาชิกสภาเขต 1 คน มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

นอกจากนี้ ฝ่ายค้านยังได้นำหลักฐานทั้งภาพและเสียงมาแถลงเปิดโปง แล้วเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทำงานกันอย่างไรครับถึงไม่เอามาประกอบสำนวน กลับเชื่อไปตามสำนวนอ่อนๆ ของกองปราบฯ

ถึงที่สุดแล้วแม้ในสำนวนจะไม่ปรากฏชื่อนักการเมือง แต่ ป.ป.ช.ก็สามารถ "ต่อยอด" จากข้อมูลที่ตำรวจสืบพบสมาชิกสภาเขต และขยายผลได้ ที่สำคัญกฎหมาย ป.ป.ช.ยังให้อำนาจหยิบยกเรื่องขึ้นสอบสวนได้เองโดยไม่ต้องมีชื่อผู้ร้องด้วยซ้ำ

นี่ยังไม่นับข้อสงสัยว่า เมื่อครั้งที่บอร์ด ป.ป.ช.อ่านสำนวนของกองปราบฯแล้ว ไม่รู้หรือว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว

ถ้ารู้แล้วทำไมไม่วินิจฉัยให้ส่งเรื่องกลับ หรือมีมติให้สำนวนตกไป กลับรับเรื่องไว้พิจารณา

ถามว่า มีเจตนาอะไร มีเจตนา "ดอง" เรื่องไว้หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะใช้เวลาเกือบ 3 เดือนจน "เค็ม" ได้ที่ทีเดียว

ผมไม่รู้ว่าบอร์ด ป.ป.ช.จะนำความเห็นของเจ้าหน้าที่เข้าสู่ที่ประชุมเมื่อไหร่ และมีมติอย่างไร แต่ไม่ว่าจะมีมติให้สำนวนตกไป หรือมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน

ถือว่ากระบวนการจับทุจริตแบบ "ลับ ลวง พราง" ของทั้งอดีต ผอ.สพช. ตำรวจกองปราบฯ และ ป.ป.ช.ประสบความสำเร็จแล้ว

อย่าได้แปลกใจครับที่ดรรชนีการทุจริตคอร์รัปชั่นประเทศไทยจึงเสื่อมทรุดลงทุกปี จนเกือบเท่ากับพม่าและใกล้อูยูกานด้าเข้าไปทุกที