ที่มา Thai E-News
โดย พาชื่น
23 พฤศจิกายน 2552
เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าข้อกล่าวหายุค"ขวาพิฆาตซ้าย"กลับมาสู่โลกยุคใหม่โดยพรรคประชาธิปัตย์??
ในช่วงวันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 ก่อนวันกระทบกระทั่งกัน พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ได้ใช้คอปเตอร์บินตรวจสถานการณ์พร้อมมีรายงานบอกว่านิสิตนักศึกษามีอาวุธอยู่ในธรรมศาสตร์มากมาย มีพวกคนต่างด้าวเข้ามาสมทบ มีหน่วย Zapper ของญวนเข้ามาผสมเพื่อโค่นล้มรัฐบาล ในที่สุดจากวันนั้นจนถึงวันนี้ทุกคนทราบข้อมูลดีว่ามันเป็นความเท็จทั้งสิ้น!!!
ในยุคสมัยปี 2517 ที่เราเรียกกันว่ายุคสมัย"ขวาพิฆาต"ซ้าย มีการต่อสู้อย่างแหลมคมระหว่างแนวคิดการปกครองและเศรษฐกิจแบบต่างๆ ยุคนั้นพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยที่ สุธรรม แสงประทุม-ชำนิ ศักดิืเศรษฐ์-อาคม สุวรรณพ เป็น สส. ถูกสโลแกนพรรคประชาธิปัตย์สาดใส่ว่า"...สังคมนิยมทุกชนิดก็คือคอมมิวนิสต์" นั่นเอง ทำให้ชาวบ้านที่กลัวคอมมิวนิสต์ขึ้นสมองพากันคลางแคลงใจ และเลขาธิการพรรคนั้นคือ ดร.บุณสนอง วัชโรทยาน ถูกสังหารกลางเมือง
ในช่วง 6 ตุลาคม 2519 ที่มีการล้อมปราบนิสิต-นักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถานีวิทยุยานเกราะของทหารบกที่มี พ.อ.อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็น ผอ.สถานี นสพ.ดาวสยามที่ ประสาน มีเฟื่องศาสตร์(นามปากกา กระแช่-สีเสียด) บริหารได้กล่าวหาว่าในกลุ่มนักศึกษามีคนต่างด้าวเข้ามาสมทบร่วมชุมนุมด้วยมากมาย ผลักดันให้กลุ่มประชาชน-ลุกเสือชาวบ้าน-นักเรียนอาชีวะมาร่วมล้อมปราบเข่นฆ่านักศึกษากลางสนามหลวงและกลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะคงหลงผิดว่าตัวเองกำลังเข่นฆ่าอริราชศัตรูต่างด้าวแทนที่จะเป็นพี่น้องไทยด้วยกันเองอยู่กระมัง??
การเสกคาถาว่า"มีคนต่างด้าวเข้าร่วมชุมนุม"ด้วยของฝ่ายผู้บริหารบ้านเมืองก็เพื่อปลุกกระแสรักชาติ-คลั่งชาติให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าข้างรัฐบาลและไปเกลียดตลอดจนเป็นศัตรูกับขบวนการนิสิตนักศึกษาผู้รักประชาธิปไตย
หลังจากเหตุการนอกเลือดผ่านพ้นไปหลายปีมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนสถานการณ์ ไม่เคยปรากฏว่ามีคนต่างด้าวเข้ามาร่วมชุมนุมสักครั้งเดียว
แต่คนที่กล่าวหายังคงลอยหน้า ลอยตา ชูคอเริดระหงอยู่ในแวดวงสังคมการเมืองไทยจนถึงปัจจุบัน
ผ่านมา 36 ปีมาถึงเมื่อวานนี้(ที่ 22 พฤศจิกายน 2552) สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ร่ายคำพูดปล่อยข่าวผ่านสื่อว่าการชุมนุมของ นปช.ในอีก 5-6 วันข้างหน้า"จะมีคนต่างด้าวเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย"
พอมาถึงวันนี้(ที่ 23 พฤศจิกายน 2552) อภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็เข้าร่วมขบวนการปล่อยข่าวว่า"ได้รับรายงานว่าการชุมนุมของ นปช. คราวนี้จะมีคนต่างด้าวเข้ามาร่วมชุมนุมประท้วงรัฐบาลด้วย"
น่าประหลาดใจมากที่สังคมไทยยังทนรับได้กับการที่นักการเมืองอาวุโสผู้บริหารประเทศนำข้อกล่าวหาระดับเต่าล้านปีที่ผ่านการพิสูจน์มาหลายครั้งหลายหนแล้วว่าไม่เคยเกิดขึ้นจริงมากล่าวหาศัตรูทางการเมืองของตน ที่น่าเวทนายิ่งกว่าที่ข้อกล่าวหานี้ประสานเสียงมาจากสิ่งที่พยายามเรียกว่า..นักการเมืองรุ่นใหม่...มีการศึกษาสูง...ไม่ว่าจะจบจาก Oxford หรือจบจาก ม.ช.+มหาวิทยาลัยในอเมริกา
เพียงเพราะพยายามซื้อเวลารักษาอำนาจของตนถึงขั้นกล้ากล่าวโกหกพกลมกลางเมือง?
เพียงเพราะมีสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พยายามนำมาหาประโยชน์ทำนองให้สังคมมองว่าสมเด็จฮุนเซ็น จะส่งคนมาร่วมประท้วงรัฐบาลไทยด้วย ทั้งที่ความจริงเขมรมีพลเมืองอยู่ 8 ล้านคนหากส่งมาช่วย นปช.ก็จะได้จำนวนสักเท่าไหร่เชียว ใช้เงิน 3-4 ล้านซื้อเอาในเมืองไทยให้มานั่งๆนอนๆเหมือนบางพรรคช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรฯไม่ง่ายกว่าหรือ??
เพียงเพื่อต้องการเอาชนะคะคานทางการเมืองเท่านั้น ถึงขั้นยอมเอาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติที่ง่อนแง่นมาเล่นลิ้นกล่าวหากันต่อไปอีก น่าสังเวชใจแท้ๆ?
เพียงเพราะไม่อยากเสียเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไทยไปเร็วๆ ทำให้คนที่อวดอ้างตัวว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ใสสะอาดถึงกับใช้วิชามารยุคโบราณที่ระดับ พล.อ.ประมาณ อดิเรกสาร เจ้าของขวาพิฆาตซ้ายต้นตำหรับเคยใช้ งัดออกมาใช้ใหม่อีก?
สุเทพ เทือกสุบรรณ อาจจะย่ามใจที่เคยกล่าวหาว่า"ทักษิณอยากเป็นประธานาธิบดี" เมื่อถูกทักษิณฟ้องร้องหมิ่นประมาทศาลยุติธรรมไทยพิพากษาว่าติชมด้วยสุจริตใจ คราวนี้จึงงัดมุขเดิมตามประสารัฐบาลเด้กเส้นมาใช้อีก??
โชคดีที่ชื่อ"คอมมิวนิสต์"ขายไม่ได้แล้วในยุคนี้ ไม่งั้นคนรุ่นใหม่ระดับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องงัดมากล่าวหา นปช. ว่ามีคอมมิวนิสต์ส่งคนมาร่วมประท้วงด้วยอีกข้อหาหนึ่งแน่?
เพราะเท่าที่เห็นมีแต่คอมมิวนิสต์หลงยุคแท้ๆอย่าง สุรชัย แซ่ด่าน ที่ใช้ไวอากร้าปลุกไม่ขึ้นแล้วอยู่คนเดียวเท่านั้น(...ฮา)
ครับ--ในสายตาผมผู้บริหารพรรค ปชป และผู้บริหารประเทศชุดนี้สิ้นความน่านับถือไปจากหัวใจแล้วหลังจากใช้วิชามารบ้องตื้นแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เชื่อมากล่าวหาศัตรู?
ดักดานอย่างนี้ก็เหมือนเพลงที่ เต็บไต เสนพงษ์ เปิดให้นักข่าวฟังประโยคที่ว่า"....วิญญาณปู่จะร้อง ว่าลูกหลานJunrai " จริงๆครับ