WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, November 22, 2009

จากแผนการบินสู่แผนดำเนินการขั้นเผด็จศึก

ที่มา thaifreenews

กลายเป็นการสาดน้ำมันไวไฟเข้าไปในกองไฟที่ลุกโหมอยู่แล้วให้ยิ่งกระพือลุกโชนมากยิ่งขึ้น กรณีที่นาย
ศิวรักษณ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทยถูกจับข้อหาจารกรรมตารางและแผนการบินของท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ในช่วงที่เดินทางมาประเทศกัมพูชา..

มีการกล่าวหากันไปมาระหว่างทีมงานของรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ และทีมงานของรัฐบาลกัมพูชา โดยทีมงานของรัฐบาลกัมพูชากล่าวหาว่านายศิวลักษณ์ ได้ทำการจารกรรมข้อมูลทางการบินแล้วส่งมาให้กับรัฐบาลไทย อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อความมั่นคงของกัมพูชา ถึงขั้นมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาว่ามี
เทปลับดักฟังการสนทนาสั่งการระหว่างนายกษิต ภิรมย์ กับนายคำรบ ปาลวิวัฒน์ไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ....

เชื่อได้ไม่ยากว่านายศิวรักษณ์คงจะเป็นผู้ที่สนิทสนมกับนายคำรบไม่ใช่น้อย และคงจะไม่ค่อยชื่นชอบท่านนายกทักษิณสักเท่าใดนัก จากการที่ตนเองทำงานอยู่ในตำแหน่งวิศวกรการบินบรษัทสามารถ คอร์เปอเรชั่นประจำสนามบินกัมพูชาจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าถึงข้อมูลการบินดังกล่าว และขณะนี้รัฐบาลกัมพูชาได้แจ้งข้อหาในการจับกุมนายศิวรักษณ์อย่างเป็นทางการว่าได้กระทำ “จารกรรมเอกสารข้อมูลในทางลับของทางราชการที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง” ซึ่งในทางการทูตหรือการเมืองระหว่างประเทศแล้วถือว่าเป็นข้อหาที่รุนแรงมาก...ถ้าอยู่ในสภาวะสงครามโทษก็คือ “ประหารชีวิตสถานเดียว”

ข้อที่น่าสังเกตก็คือว่าโดยทางรัฐบาลไทย ยังไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำการจารกรรมข้อมูลแผนการบินของท่านนายกทักษิณ มีแต่นายสุเทพ ที่ออกมาบอกว่าตารางการบินเป็นสิ่งที่เปิดเผยและรับรู้ได้ ซึ่งตารางการบินของเครื่องบินพานิชย์กับแผนการบินของเครื่องบินเอกชนเป็นคนละเรื่องกันเลย แน่นอนว่าทางรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ โดยนาย กษิต และนายสุเทพ ต่างก็ออกมาประสานเสียงปฎิเสธกันอย่างแข็งขันว่ารัฐบาลไทยไม่ได้เป็นผู้สั่งให้กระทำเรื่องดังกล่าว และนายศิวรักษณ์ ไม่ใช่จารชนที่รัฐบาลไทยแฝงตัวเข้าไปทำงานในประเทศกัมพูชา...โดยโยนความผิดเรื่องนี้ให้กับท่านนายกทักษิณตามเคย.. กล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อปัญหาและยืมมือนายกฮุนเซนสร้างสถานการณ์ขึ้นมา...

จะอย่างไรก็ตามในทางการเมืองก็ว่ากันไป..แต่ในทางความเป็นจริงมีสิ่งที่ควรจะนำมาวิเคราะห์และพิจารณาประกอบการตัดสินใจมิใช่น้อยก็คือ...สิ่งที่รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ร่างทรงขออมาตย์ศักดินาต้องการมากที่สุดในเวลานี้ก็คือ การจับกุมตัวนายกทักษิณกลับมาประเทศไทยให้ได้ในทุกวิถีทาง โดยหวังว่าการทำดังกล่าวจะเป็นการจำกัดกิจกรรมการต่อสู้ของเหล่าคนเสื้อแดงทั้งหลาย...เมื่อหลายเดือนก่อนขณะที่เครื่องบินนายกทักษิณแวะเติมน้ำมันที่มาเลเซีย นายถาวร เสเนียม ได้เป็นผู้ติดตามกรณีดังกล่าวจนถึงกับออกแถลงการณ์ใหญ่โตว่า “เกือบจะจับนายกทักษิณได้” เรียกว่าหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิดทั้ง ๆ ที่เป็นการกระทำนอกอาณาเขตประเทศไทย

ขณะเดียวกันไม่ว่าท่านนายกทักษิณจะเดินทางไปประเทศใดกระทรวงการต่างประเทศก็จะยื่นหนังสือผ่านทางสถานทูตขอให้ประเทศนั้น ๆ ส่งตัวนายกทักษิณกลับมาประเทศไทย หรือไม่ให้การยอมรับเพราะอยู่ในสถานะผู้หลบหนีการจับกุม.. เหล่านี้คือสิ่งบอกเหตุที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่อมาตย์ศักดินาต้องการมากที่สุดก็คือ ทำลาย หรือจับกุมตัวท่านนายกทักษิณให้ได้...

ถ้าจะนำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นจากอดีตจนปัจจุบันมาเป็นสิ่งวิเคราะห์บอกเหตุก็จะเห็นได้ว่า การลอบสังหารนายกทักษิณไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...ตั้งแต่การระเบิดเครื่องบิน..การลอบยิง..ลอบวางระเบิดคาร์บอม..และล่าสุดก็คือวางแผนจะใช้เครื่องบินเอฟ 16 ไล่ยิงกลางอากาศ..

สิ่งที่น่าจะนำมาพิจารณาไม่น้อยก็คือว่า ทำไมในระยะเวลาที่ผ่านมาไม่กี่เดือนนี้ รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์จึง กระเฮียนกระหือรือ ที่จะกำจัดนายกทักษิณมากเหลือเกิน.. ชนิดที่เรียกว่าการตามล่านายกทักษิณกลายเป็นเรื่องหลักที่รัฐบาลต้องดำเนินการให้ได้ ยิ่งเสียกว่าการใช้สติปัญญาความคิดในการบริหารประเทศให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขมากขึ้น... หรือเป็นเพราะว่าขณะนี้อมาตย์ศักดินา กำลังเข้าตาจน และหมดหนทางในการที่จะพลิกกลับมามีอำนาจในทางการเมืองต่อไปแล้วใช่หรือไม่ ?

แม้ว่าท่านนายกทักษิณจะตกอยู่ในสภาพของผู้ต้องคดี และหลบหนีการจับกุม แต่กลับกลายเป็นว่าได้รับการยอมรับไปทั่วโลก จนล่าสุดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา...ขณะที่ฝ่ายอมาตย์ศักดินากลับเสื่อมถอยจากความเชื่อถือลงในแทบทุกด้าน ดังนั้นยิ่งปล่อยให้นายกทักษิณ และคนเสื้อแดงเติบใหญ่ไปมากกว่านี้ อมาตย์ศักดินาก็จะต้องหมดอำนาจไปจากประเทศอย่างแน่นอน และความเลวร้ายที่ได้กระทำ และปิดซ่อนเอาไว้ก็จะถูกเปิดเผยออกมาจนไม่อาจจะอยู่ในประเทศนี้ได้...

ด้วยเหตุนี้หนทางเดียวที่ อมาตยศักดินา ที่ยังคงมีอำนาจเหลืออยู่บ้างในเวลานี้ จะสามารถดำเนินการได้ก่อนที่จะหมดเวลาก็คือจะต้องยึดกุมอำนาจกลับเอามาไว้ในมือให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นความเลวร้ายอย่างไรก็จำเป็นต้องทำ ไม่งั้นตนเองจะไม่มีที่ยืนในประเทศนี้อย่างแน่นอน.. การใช้กำลังทหารที่มีอยู่ออกมายึดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จแล้วประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ จากนั้นก็ทำการปิดประเทศเพื่อทำการจัดระเบียบประเทศใหม่กำจัดผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามให้หมดสิ้น..นี่เป็นหนทางเดียวเท่านั้นในเวลานี้ที่ อมาตย์ศักดินา พอจะทำได้ในเวลานี้ ก่อนที่จะหมดโอกาส ...

พี่น้องคนเสื้อแดงกำลังฮึกเหิมเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน การชุมนุมที่โบนันซ่า..เปรียบเทียบกับการชุมนุมใหญ่ของ พธม. ทีสนามหลวง ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า อมาตยศักดินา หมดกำลังที่จะหลอกลวงมวลชนในประเทศนี้แล้วอย่างสิ้นเชิง..

เมื่อ 2 ปีก่อน พธม. โดยสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ส่งกองกำลังติดอาวุธเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ NBT และทำเนียบรัฐบาล แล้วพยายามจะสร้างภาพให้เห็นว่าเป็นการปฏิวัติโดยประชาชนผู้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองของรัฐบาลในขณะนั้น แต่ในความเป็นจริงก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาว่าเป็นการสร้างสถานการณ์โดยหลอกเอามวลชนมาเป็นเกราะป้องกัน และในที่สุดมวลชนนั้นก็ฝ่อจนหมดกำลังไป..

การชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน นี้ ต่างหากที่กำลังจะเป็นการปฏิวัติโดยประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนผู้ที่ได้หล่อหลอมความคิด, เข้าใจถึงความต้องการอย่างแท้จริงว่าประชาธิปไตยคือสิ่งใด ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะสามารถขัดขวางความต้องการของมวลมหาประชาชนผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ไปได้.. ดังนั้นการชุมนุมกดดันขับไล่รัฐบาลในครั้งนี้ คือแผนเผด็จศึกอมาตยศักดินาโดยแท้...

ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงจากอมาตยธิปไตยไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เพียงแต่ว่า “ประชาธิปไตยไม่เคยได้มาด้วยการร้องขอ” แต่ได้มาโดยการต่อสู้ของมวลชนเท่านั้น

ปูนนก