ที่มา thaifreenews บทความโดย...ลูกชาวนาไทย ภาพความจริง คลิปเหตุการณ์ต่างๆ ก็เริ่มทยอยกันออกมา เพื่อบอกข้อเท็จจริงของ “วันสังหารประชาชน” เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน2553 ที่แยกคอกวัว และซอยโรงเรียนสตริวิทยา จนมีอนุสาวรีย์แห่งความอัปยศ โดยทหารทิ้งรถสายพานลำเลียงพล Type-85 จำนวน6คน รถจี๊บฮัมวี่ 3 คัน และรถบรรทุกเครื่องกระจายเสียงอีกหนึ่งคัน ไว้ที่ซอยโรงเรียนสตรีวิทย์ ข้างอนุสาวรีประชาธิปไตย ยานยนต์เหล่านี้เป็นของ กองพันทหารม้าที่ 3 ร.อ. มีชื่อสังกัดติดไว้อย่างชัดเจน เป็นอนุสาวรีย์ เศษเหล็กที่มีฉากหลังเป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประชาชนมือเปล่า คนเสื้อแดง ได้หยุดทหารพร้อมรถถังไว้ที่นี่ ห่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียง 20 เมตร ด้วยเลือดและชีวิตของประชาชนจำนวนมาก วันนั้น หากไม่มีคนยิงระเบิด M 79 เข้าใส่กลางกลุ่มทหาร ลงกลางแถวทหารที่กำลังยิงประชาชนตรงๆ ดูจากภาพคลิปที่คนเอามาลง จะเห็นว่าทหารกำลังดาหน้าเข้ารุกไล่ยิงประชาชอย่างเมามัน อย่างฮึกเหิม เสียงปืนดังระงมไปหมด อยู่ๆ ก็มี ระเบิด M-79 เข้ามาช่วยประชาชนได้ทันเวลาพอดี http://www.youtube.com/watch?v=NnLf0GgYTu4&feature=player_embedded หากไม่มีระเบิดลูกนั้น ผมอาจตายไปด้วย เพราะผมกลับเพื่อนร่วมงานไทยฟรีนิวส์ คือ แม่ปังคุง ก็เดินอยู่ข้างๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลานั้น ต้องวิ่งหลบลูกปืนกันอย่างอกสั่นขวัญแขวน หากไม่มีระเบิดลูกนั้น ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่า คนจะตายแค่ไหน เพราะมีคนจำนวนมากที่บริเวณนั้น พวกเขาก็คงสู้ และโดนยิงตายไปเรื่อยๆ เป็นจุดที่โชกเลือดมากที่สุด หากไม่มีการ “หยุด” ทหารกลุ่มนี้ก่อน มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์เขาเขียนเล่าเหตุการณ์ในมุมมองของเขาได้อย่างละเอียดและเห็นภาพ ผมของเอามาลงไว้ เป็นบันทึกให้พวกเราได้อ่านกันนะครับ ----------------- ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดที่แยกคอกวัว ถ้าโกหกขอให้ชาติหน้าเกิดเป็นแมวน้ำ ผม อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งเพื่อนๆในนี้อีกหลายคนที่ไปแล้วเอารูปมาโพส แต่พยายามอธิบายอย่างเต็มความสามารถแล้ว เรื่องราวก็เหมือนจะบิดเบือนไปกันใหญ่ สื่อทีวีกระแสหลักยิ่งหนัก ทหารบนอาคารของกองสลากและโรงเรียนสตรีวิทย์ที่ยิงคนเสื้อแดงตายไปหลายคนแล้ว ถูกคนเสื้อแดงจับได้ จนนำตัวไปควบคุมที่หลังเวทีพร้อมอาวุทธ ข่าวช่อง 11บอกว่าทหารกลุ่มนี้ขึ้นไปสังเกตการณ์เฉยๆแถหน้าด้านๆช่อง 11 นี้ควายจริงๆ ผมขออธิบายเหตุการณ์คร่าวๆ พร้อมเวลาที่ประมาณเอานะครับ เพราะจังหวะที่ชุลมุนวุ่นวายผมไม่มีเวลาละสายตามามองดูเวลามากนัก เวลา ใกล้ 17.30-18.00 ทหารได้เคลื่อนพลมาที่แยกคอกวัว บนเส้นทางถนนตะนาว เจอกับกลุ่มคนเสื้อแดงและมีฮ.บินวนอยู่หลายรอบมากๆบินหาอะไรกูตกใจนะ ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้มืดยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรง ไม่มีใครตั้งตัวทหารได้ยิงแก๊สน้ำตาลงมาจากฮ.เป็นจำนวนมากใครไม่ไปไม่รู้ หรอกแก๊สน้ำตาโยนมาจากที่สูงมากคนเยอะขนาดนั้นถ้าโดนหัวเละครับเพราะหนักมาก เหมือนกันคนวิ่งฮือหนีแก๊สทุกทิศทุกทาง 18.00 – 19.00 ชั่วโมง แรกทหารได้รุก และ ยิงแก๊สน้ำตาและโยนมาจากฮ.ออกมาอย่างต่อเนื่อง คนเสื้อแดงก็รักษาที่มั่นอย่างสุดกำลัง ใครโดนแก๊สน้ำตาก็ออกมาก่อน คนชุดใหม่ก็เข้าไปไม่มีใครกลัวคนเสื้อแดงตอบโต้ด้วยขวดน้ำ ไม้ และ ก้อนหิน บางครั้งทหารก็โยนตอบโต้มาเหมือนกันทหาร เกือบจะหลุดเข้ามาในบริเวณแยกคอกวัวได้หลายครั้ง แต่เนื่องจากกระแสลมที่พัดกลับไปในทางทหาร ทำให้แก๊สน้ำตาฟุ้งกลับไปทางทหารตลอดสงสัยกรรมตามทัน ทำให้ทหารไม่สามารถยึดพื้นที่บริเวณแยกคอกวัวได้เต็มที่ 19.45 คนเสื้อ แดงได้เปรียบเรื่องทางลม ทำให้ทหารใช้แก๊สน้ำตาไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก จึงทำให้คนเสื้อแดงสามารถรุกคืบจนสามารถสร้างด่านกีดขวางหน้าถนนข้าวสารได้ ทหารเริ่มยิงแก๊สน้ำตาจากฮ.ลงมาบริเวณหน้าเวทีคนที่ไปชุมนุมวันนั่นคงจำได้ ว่าชลมุนแค่ไหนตอนคุณจาตุรงค์ ฉายแฉงพูดบนเวที 20.00 เริ่ม พบคนถูกยิงที่แยกคอกวัว มีคนถูกหามออกมาเรื่อยๆ บางคนเสียชีวิตทันที บางคนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาย เจ็บหนักก็เยอะ ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่ากระสุนมาจากไหนจริงๆ คนเสื้อแดงเริ่มโกรธไม่พอใจมากๆจับอะไรก็ได้ตอนนั่นกรูเข้าใส่ทหารแต่พวกเรา มีแค่มือเปล่า ก้อนอิฐ ไม้ ถังดับเพลิงเอาไปฉีดให้เป็นควันสกัดการมองเห็นของพวกทหาร 20.30 มีคนพบทหารแอบยิงคน เสื้อแดงอยู่บนตึกของกองสลากบนหัวของคนเสื้อแดงนั่นเอง แปลว่าทหารเขาเตรียมการไว้แล้ว ว่าจะล่อคนเสื้อแดงมาที่แยกนี้และให้ทหารข้างบนคอยเก็บแกนนำ คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งจึงได้แบ่งกำลังไปล้อมตึกเพื่อจับคนที่ฆ่าประชาชนให้ ได้ตอนนี้ชุลมุนจริงเสียงปืนมีทุกทิศทุกทางมีเสียงคล้ายระเบิดดังหลายครั้ง คนเสื้อแดงล้มทั้งยืนหลายคน ตามแนวอากาศมีเสียงปืนดังฟิววววไม่รู้จะอธิบายยังงัยตอนนั่นผมเริ่มหมอบและ วิ่งมาแนวหลังตรงอนุสวรีย์เพราะประทะกันรุนแรงจริงๆ 20.45 ตอนนี้สถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว มีเสียงปืนที่ไม่ใช่ลูกแบล์ง ผมมั่นใจว่าเป็นลูกจริง ( ตอนผมเป็นทหารเกณฑ์ ผมได้ไปประจำอยู่ที่สนามฝึกยิงปืน ผมได้ยินเสียงปืนแทบทุกวัน ผมแยกออกว่าเสียงไหนลูกจริง เสียงไหนลูกแบล์ง ) มีระเบิดไม่ทราบว่าจากฝ่ายไหนลงมาเป็นระยะบึ้มๆๆ แต่คนเสื้อแดงก็สู้ไม่ถอย ปาขวด และ ก้อนหินกลับไปเป็นระยะ แบบไม่กลัวตายยอมรับน้ำใจจริงๆบางคนสู้ด้วยน้ำตา ผู้หญิงคนแก่เด็กวิ่งใส่ลูกปืนแบบไม่กลัว แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าไหร่ 21.00 ช่วง นี้สถานการณ์เลวร้ายมาก ทหารเหมือนเหมือนตั้งเป้าว่าจะต้องยึดพื้นที่คืนให้ได้ เสียงปืน ระเบิด ดังอย่างกึกก้อง มีคนโดนยิงออกมาเรื่อยๆ ตอนนั้นคิดว่าเราคงต้องเสียพื้นที่ตรงนี้เป็นแน่ จนมีชายคนนึงที่เราคิดว่าเขาคือ “ทหารแตงโม” คอยยิงสกัดทหารบนตึกไม่ให้ทำร้ายคนเสื้อแดงได้ขอบคุณจริงๆแสดงว่ามีคนมาช่วย เราแล้วและมีเพื่อนๆจากราชประสงมาอีกหลายคันรถขบวนมอร์ไซด์มาเพียบกำลังใจ เริ่มดีขึ้นเราเริ่มรุกต่อ 21.05 ขณะที่คนเสื้อแดงกำลังหลบกระสุน และ วัตถุระเบิดอยู่บริเวณหน้าตึกกองสลาก มีชายนิรนาม 2 คนแต่งชุดดำถือปืน AK47 เข้ามาต่อกรกับทหารเราไม่รู้ว่าชาย 2 คนนี้เป็นใครเราถามกันเองว่าเขาเป็นใครแต่ก็ไม่มีใครรู้ มีแต่คนบอกว่าเขาคือ “ทหารแตงโม” 21.30 ทุกอย่างจบลง ทหารทั้งหมดได้ถอยกลับไปหมดแล้ว ชายนิรนามชุดดำทั้งหมดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเรา ได้สำรวจพื้นที่ ช่วยกันเก็บหลักฐาน เฉพาะที่แยกคอกวัวที่เดียว เราเก็บปลอกกระสุนกันได้เป็นลังใหญ่ เฉพาะกระสุนจริง M16 ก็เก็บได้เป็นถ้วยใหญ่ๆแล้วเรากันพื้นที่ตรงบริเวณที่คนเสื้อแดงถูกยิงจนบาด เจ็บ และ เสียชีวิต มีการไว้อาลัยให้กับผู้ล่วงลับคน เสื้อแดงได้เข้าไปบันทึกหลักฐานด้วยกล้องถ่ายรูป พบรอยกระสุนจริงเป็นจำนวนมากที่ทะลุตัวถังรถ เสาไฟ กำแพง ป้าย ประตู ซึ่งรอยกระสุนเหล่านั้นล้านมีวิถีพุ่งมาจากฝั่งทหาร พวกเราพยายามเก็บภาพถ่ายไว้ได้ให้มากที่สุดนักข่าวต่างประเทศได้เข้าไปทำ ข่าวอย่างต่อเนื่อง 22.00 มีการปล่อยโคมลอย เพื่อระลึกถึงคนเสื้อแดงที่จากไปบน เวทีได้โชว์หลักฐานอาวุธสงครามจำนวนมาก ที่คนเสื้อแดงยึดมาจากทหารได้(แต่มีสำนักข่าวบางแห่ง บอกว่านี่คืออาวุธที่คนเสื้อแดงเตรียมตัวเอาไว้ทำร้ายทหาร)ระหว่าง ที่พิธีกรได้แถลงการณ์ประนามรัฐบาลบนเวที ได้มีข่าวจากผู้หญิงเสื้อแดงคนหนึ่งที่แฟนของเธอถูกยิงเข้าที่ชายโครงต้องนำ ส่งโรงพยาบาลโดยด่วน โดยหน่วยแพทย์ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลวชิระ แต่ปรากฎว่าไม่ทันการณ์ชายคนนั้นได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล แล้วในขณะที่กำลังแต่งศพได้มีกลุ่มทหารเข้ามาแย่งศพแฟนของเธอไปต่อหน้า แกนนำจึงประกาศให้กลุ่มมอเตอร์ไซค์ออกตามหาศพคนเสื้อแดงทันทีผมเหนื่อยมาก จึงนั่งพักอยู่บริเวณแยกคอกวัวที่เกิดเหตุนั้นเอง นั่งดูความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากระบอบเผด็จการ 22.30 มี เสียงฮืฮาดังขึ้น เพราะกลุ่มการ์ด นปช ได้สามารถนำตัวทหารทั้งหมด 4 นายที่ได้ดักยิงคนเสื้อแดงอยู่บนตึกกองสลากลงมาได้แล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงฮือจะเข้าไปทำำร้ายด้วยความโกรธแค้น จนการ์ด นปช ต้องรีบกัน และ นำตัวไปที่เวทีผ่านฟ้าให้เร็วที่สุด 23.00 ผมรีบเดินทางกลับ เพราะต้องการกลับมาโพสรูปพร้อมเรื่องราวอย่างตรงความจริงที่สุดระหว่าง ทางผมได้แวะกินข้าว และ ซื้อของ มีคนเห็นผมผูกผ้าพันคอสีแดง และ เข้ามาถามถึงเหตุการณ์ พอผมเล่าถึงการปฏิบัติการของทหาร เขาก็สอบถามกันใหญ่ เพราะเขาบอกว่ามันไม่เหมือนกับที่ข่าวช่องหลักออกเท่าไหร่ (ผมก็ทำใจไว้แล้วล่ะ)นี่เป็นความจริงจากความทรงจำของผม ณ สี่แยกคอกวัวเมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553 ถ้าผมโกหกขอให้มีอันเป็นไปใน 3วัน 7 วัน ผม ไม่มีเจตนาอะไรในการตั้งกระทู้นี้มากไปกว่า ต้องการบอกความจริงที่ผมเห็น จากตาของคนคนหนึ่ง ที่เสียงมันอาจไม่ดังเท่าสื่อกระแสหลักทั้งหลาย แต่อย่างน้อยในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมได้ทำดีที่สุดแล้ว ” เมื่อฟ้าทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ” ---------------------------
ทหารก็วิ่งหันหลังกลับกันหางจุกตูด มีเสียงร้องโอดโอย และมีเสียงตระโกนให้ช่วยผู้พันด้วย (คาดว่าเป็น พ.ท.เกรียงศักดิ์ โพธินันทเดช หัวหน้าฆาตรกรเมื่อสงกรานต์เลือด)
หากไม่มีระเบิดลูกนั้น แถวทหารที่ดาหน้ายิงใส่ประชาชนจำนวนมาก คงถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่คนคงล้มตายระเนระนาด เพราะทหารยิงไม่เลี้ยง
คนยิงเอ็ม 79 ลูกนั้น "คือวีระบุรุษที่แท้จริง" แม้พวกเขาจะปิดทองหลังพระ ไม่มีใครรู้จัก เป็น" วีบุรุษนิรนาม" ผมก็ต้องขอขอบคุณ และ “กราบแทบเท้ามา ณ ที่นี้ด้วย”
ระเบิดลูกนั้นคือ จุดเปลี่ยนของสงคราม "สังหารหมู่ประชาชน" โดยแท้ ไม่มีระเบิดลูกนั้น ชีวิตคนจำนวนมากคงสังเวยความบ้าคลั่ง ของทหารเสือราชีนี กองพลทหารราบยานเกราะที่2 รอ. จากปราจีนบุรี ที่มี พล.ต. วลิต โรจนภักดี นำขบวนสังหารด้วยตนเอง ระเบิดลูกนี้ ลงกลางกลุ่มของพวกเขาพอดี เลยต้องชดใช้กรรม ตาย ขาขาด และสมองพิการ
จากภาพคลิป ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า หลังระเบิดลูกนั้น "บรรดาฆาตรกรเสื้อเขียว" ก็แตกทัพ วิ่งกลับกันหางจุกตูด
สิ่งที่ผมเห็นคือเขาดูไม่มีความกลัว ทั้งๆที่มากันแค่ 2 คน ดูมีความ“นิ่ง” มากกว่าทหารทั่วไป ยุทวิธีเหมือนหน่วยรบพิเศษตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดคือไม่อยากให้มีความรุนแรง แต่ใครใช้ความรุนแรงก่อนละ..!?ก็ทหารไม่ใช่หรือผมไม่รู้ว่าชาย 2 คนนั้นเป็นใคร เพราะเขาปิดหน้าสิ่งที่เขาทำว่ากันตามกฎหมายมันผิดแน่ๆ แต่ที่ยอมรับก็คือ “เขาช่วยคนเสื้อแดงไว้”ขอบคุณครับจากใจจริงผมร้องให้เห็นคนคนหนึ่งสมองไหล โดนหามออกมา
ยังมีการเจอหลักฐานใหม่อยู่เรื่อยๆ ทั้งกระสุนจริง อาวุธสงครามอื่นๆ จับตัวทหารที่ซุ่มยิงคนเสื้อแดงได้เพิ่ม