ที่มา มติชน ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ว่า ศูนย์ช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยประชาชน (ศชปป.) นำโดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ ร่วมแถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรณีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมไปถึงการเผยแพร่คลิปวีดีโอจำนวน 5 คลิป ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดยมีสื่อมวลชนต่างประเทศเข้ารับฟังกว่า 10 คน
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ข้อแรกในเรื่องที่ว่าใครเป็นคนสั่งให้มีการสลายม็อบ ในวันที่ 10 เมษายน เวลาประมาณ 16.00 น. ตนได้รับโทรศัพท์จากนักการเมืองระดับสูงว่านายทหารผู้มีอำนาจในการสั่งการต้องการหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง เพื่อหยุดยั้งสถานการณ์รุนแรงที่จะเกิดขึ้น โดยนายทหารบอกว่าจำเป็นที่จะต้องยึดพื้นที่คืนเพราะเป็นคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่การประชุมในช่วงเช้า ขณะนั้นทหารกับผู้ชุมนุมได้ปะทะกันที่แยกมิกสกวัน ทหารบอกว่าได้รับคำสั่งต้องปฏิบัติแต่ไม่ต้องการเดินหน้าต่อไป เขาอยากทำความตกลงว่าขอให้ใช้สะพานมัฆวานเป็นเส้นแบ่งกั้น ในที่สุดก็ตกลงกันโดยทหารอยู่ทิศเหนือประชาชนอยู่ทิศใต้ของสะพานและไม่มีการใช้กำลังต่อไป ถึงตอนนี้พิสูจน์ว่านายอภิสิทธิ์สั่งการ แต่ทหารไม่อยากปฏิบัติตามจึงเห็นการปฏิบัติแค่ครึ่งๆ กลางๆ เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยก็ถูกจะสอบวินัยและมีโทษรุนแรง
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า ในการประชุมที่สำคัญกว่านี้ตนก็ได้รับการตนได้รับติดต่อเข้ามาอีก ซึ่งตนเดินทางไปสะพานผ่านฟ้าฯในเวลา 19.00 น. เมื่อไปถึงเห็นคนเสื้อแดงจำนวนเป็นหมื่นคน คิดว่าไม่น่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นแล้วเพราะคนมาจำนวนมาก และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ว่าในขณะนั้นมีเฮลิคอปเตอร์บินเข้ามาและเริ่มโปรยแก๊สน้ำตาช่วงแรกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็บินมาปล่อยแก๊สน้ำตาที่เวทีปราศรัย โดยในขณะนั้นมีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าประสงค์ที่จะยุติการปฏิบัติการ ทางฝ่ายทหารบอกว่าจะขอหยุดปฏิบัติการโดยถอยไปคนละ 500 เมตร ตนก็ถามกลับไปว่ามาเริ่มต้นทำไมตอนกลางคืนซึ่งมันอันตราย เขาก็พูดเหมือนในช่วงบ่ายว่านายกรัฐมนตรีบอกว่าต้องยึดพื้นที่ทั้งหมดให้ได้ภายในวันนี้
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้อยู่ในจุดที่มีการยิงปะทะกันจริงๆ ก็ไม่ทราบปัญหา แต่ตอบกลับไปว่าจะแพ้แล้วหรืออย่างไรจึงขอเลิก เขาตอบมาว่าตนไม่รู้หรือว่ามีการยิงระเบิดเข้าไป 2 ลูก และทำให้ทหารของเขาบาดเจ็บ ก็ตอบว่าไม่รู้เพราะไม่คิดว่าเสื้อแดงจะมีระเบิด ถ้าไม่อยากจะปฏิบัติตามที่นายกรัฐมนตรีสั่ง ตนจะติดต่อกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ปราศรัยอยู่บนเวทีให้ประกาศให้ ระหว่างนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.มาถึงเวทีพอดี ก็บอกปลายสายไปว่าทางโน้นจำเป็นต้องแต่งตั้งผู้มีอำนาจมาเจรจาการแยกทัพ จะพูดกันแค่นนี้ไม่ได้ และภายใน 5 นาทีทางโน้นก็ตอบมาว่าจะให้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เจรจากับนายจาตุรนต์ และนายกอร์ปศักดิ์ก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าตกลงให้แยกกำลังออกจากกัน
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการพิสูจน์ว่าการตัดสินใจในการสลายการชุมนุมในเวลากลางคืน เป็นการตัดสินใจของฝ่ายการเมืองคือรัฐบาล ดังนั้น ความผิดพลาดทั้งหมดจึงเป็นความผิดพลาดของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ สำหรับทหารแม้ว่าจะต้องรับผิดบ้างแต่เป็นการทำตามคำสั่ง และเห็นว่าเป็นการทำหน้าที่เพียงครึ่งเดียวและก็หยุดดังที่ปรากฏทั้งในช่วงบ่ายและค่ำ อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วรัฐบาลก็ได้ปั้นภาษาขึ้นมาใหม่คือคำว่าผู้ก่อการร้าย โดยภายใน 1 เดือนที่ผ่านมา มีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ทุกคืน แม้แต่ห้อง ผบ.ทบ.ก็ถูกยิง 2 ครั้งรัฐบาลไม่เคยบอกว่าใครยิง และไม่เคยบอกว่าผู้ก่อการร้ายยิง หรือมีผู้ก่อการร้ายอยู่ใน กทม.แต่หลังจากคืนวันที่ 10 เมษายน รัฐบาลจึงประกาศว่ามีผู้ก่อการร้ายใน กทม.และยิงทหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
"อยากให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศอย่าได้ไปเชื่อคำพูดเหลวไหล เลอะเทอะ ของกวีเฮงซวยพวกนี้ เขาต้องอ้างผู้ก่อการร้ายเพราะกลัวความรับผิดชอบว่าต่อไปนี้ผู้ก่อการร้ายเป็นคนยิงทหาร และประชาชน แต่วันนี้ผู้ก่อการร้ายสาบสูญไปแล้วเพราะไม่มีตัวตน และหายไปพร้อมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี" นายปลอดประสพ กล่าว
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพื้นที่ราชประสงค์อันตราย มีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่พร้อมที่ยิงทหารและประชาชน และให้ประชาชนบอกญาติพี่น้องว่าอย่ามาร่วม แต่ปรากฏว่ายิ่งรัฐบาลประกาศคนก็ยิ่งมาเพิ่มขึ้น เพราะว่าทุกคนต้องการที่จะเขียนประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในครั้งนี้ เขารู้สึกเสียโอกาสที่ไม่ได้ร่วมต่อสู้ในวันที่ 10 เมษายน จึงรอโอกาสให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกโดยไม่กลัว และถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกก็ขอเชิญผู้สื่อข่าวต่างประเทศไปดูได้ คนเสื้อแดงจะสู้มากกว่าเดิมอีกมันจะได้จบๆ กันเสียที วันนี้มีชาวต่างจังหวัดเข้ามาจำนวนมากเพราะว่าหมดสงกรานต์แล้ว จึงอาจจะขยายพื้นที่การประท้วงให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่ว กทม.มันจะได้หมดเรื่องหมดราว ที่พูดตนไม่ได้ขู่แต่มันเกิดขึ้นจริง นอกจากนั้น ในการชุมนุมครั้งนี้มีทหารตำรวจเข้ามาในฐานะประชาชนธรรมดาอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะคนพวกนี้เขาก็ต้องช่วยเหลือพวกพ้องเพราะถูกฝึกมาอย่างนั้น แต่คนพวกนี้กลางวันอยู่กับรัฐบาล ในย่ามมีเสื้อสีแดงส่วนกลางคืนอยู่กับเรา และกินแตงโมด้วย ทั้งนี้ สำหรับคนที่โทรศัพท์มาพูดกับตน ถ้าได้เป็นรัฐบาลแล้วตนจะบอก คนที่รู้เรื่องนี้ดีก็มีนายกอร์ปศักดิ์ นายจาตุรนต์ และตน ซึ่งก็ขอขอบคุณทุกคนที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น