ที่มา Thai E-Newsพระมหากรุณาธิคุณ-พระราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในการวางพวงมาลา และพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ในการนี้มีรับสั่งว่า เสียใจ เสียดาย นายทหารที่ดี นับว่าเป็นการสูญเสียทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง และขอขอบคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาเป็นอย่างดี มีความภักดีต่อราชวงศ์
Cry for freedom-กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงนำโลงศพสีแดงมาทำพิธีไว้อาลัย ก่อนจะเคลื่อนขบวนโลงศพไปทั่วกรุงเทพฯเพื่อให้ประชาชนร่วมไว้อาลัยภาพข่าว:AP)
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 เมษายน 2553
ราชินีทรงตรัส"เสียใจ เสียดาย นายทหารที่ดี"
วันนี้ (12 เม.ย.) เวลา 17.45 น.สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มายังศาลา 3 สุวรรณวนิชกิจ วัดเทพศิรินทราวาส ในการวางพวงมาลา และพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการ พล.ร.2 รอ.ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา
โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ พร้อมด้วยครอบครัวธุวธรรม เฝ้าฯรอรับเสด็จฯ พร้อมกันนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 7 วัน และทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด
สำหรับบรรยากาศในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันนี้ ได้มีข้าราชการตำรวจ ทหาร พร้อมด้วยประชาชน เดินทางมาร่วมพิธี ทั้งนี้ เพื่อร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของ พ.อ.ร่มเกล้า กันอย่างต่อเนื่อง
โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า ทรงมีรับสั่งกับนางนิชา หิรัญบูรณะ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง กระทรวงวิทยาศาสตร์ ภรรยา รวมทั้งบิดาและมารดาของพ.อ.ร่มเกล้า ว่า เสียใจ เสียดาย นายทหารที่ดี และที่เสด็จพระราชดำเนินมาเพราะพ.อ.ร่มเกล้า เคยถวายงานในฐานะทหารเสือพระราชินีมาเป็นระยะเวลานาน นับว่าเป็นการสูญเสียทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง และขอขอบคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาเป็นอย่างดี มีความภักดีต่อราชวงศ์
จากนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 18.12 น.
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน พวงมาลาหน้าศพพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และมีพวงมาลาพระราชทานจากพระราชวงศ์ทุกพระองค์
พ.อ.ร่มเกล้าเคยสลายการชุมนุมเสื้อแดงเมษาปีกลาย
เวบไซต์ผู้จัดการรายงานข่าวว่า พ.อ.ร่มเกล้าเคยมีบทบาทสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อช่วงเมษาเลือดปี 2552 โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ และต่อมาต้องเดินสาย นำวิดีโอบันทึกภาพเคลื่อนไหว ที่เป็นทั้งการเคลื่อนกำลังพล การตั้งเป็นแนวกั้น ฉายเพาเวอร์พอยต์ อธิบายการทำงานของทหารถึงการสลายชุมนุม ที่มีการเจรจากับผู้ชุมนุม ทั้งจากทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ของ กทม.รวมถึงชาวบ้านย่านแฟลตดินแดง โดยย้ำว่า การทำงานของทหารเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินทุกประการ ซึ่งการเดินสายอธิบายถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เขาได้รับฉายาจากฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะ นายจักรภพ เพ็ญแข ว่า เป็น “เสธ.เพาเวอร์พอยต์”
กิ่งอ้อ เล่าฮง ผู้สื่อข่าวที่ได้โทรศัพท์กับพ.อ.ร่มเกล้าก่อนเสียชีวืตไม่กี่ชั่วโมงเขียนเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการว่า
กับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงช่วงเมษาฯเลือดปีที่แล้ว "พี่เปา"(พ.อ.ร่มเกล้า) ก็มีเรื่องเล่าเช่นกัน
"สลายม็อบตรงสามเหลี่ยมดินแดง ทหารพี่เองไม่มีเจ็บ ไม่มีตาย การทำงานมันต้องเด็ดขาด เวลารบกันพี่ไม่มีหรอกอยู่ข้างหลัง แล้วให้ลูกน้องออกหน้า" เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจผ่านสายโทรศัพท์หลังจบสิ้นภารกิจในครั้งนั้น
เดือนเมษายนปีนี้ พ.อ.ร่มเกล้า กลับมากรุงเทพฯอีกครั้ง
“ปิดไทยคมวันแรก (สถานีดาวเทียมไทยคม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี) พี่นำกำลังไปเอง เสร็จแล้วก็ถอนกลับ คนเสื้อแดงเลยเข้าไปยึดได้อีก” เป็นคำตอบเมื่อถูกถามว่า เกิดอะไรขึ้นที่ไทยคม
"พี่นำกำลังเดินทางสมทบไปไม่ทัน เลยเกิดเหตุการณ์ (บุกยึดสถานีดาวเทียม) ซ้ำอีก ไม่เป็นไร ขอให้ประชาชนอดทนอีกนิด เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น" คือคำพูดเปรยๆ เมื่อถูกถามถึงการทำงานที่ไม่เข้าตาของเจ้าหน้าที่ เพราะถูกกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ายึดสถานีดาวเทียมไทยคมได้อีกรอบ
แต่ภารกิจของทหารยังไม่จบ และ พ.อ.ร่มเกล้า ก็คุมกำลังออกปฏิบัติการที่สี่แยกคอกวัว...
นายทหารรุ่นน้องซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ถ่ายทอดให้ฟังว่า ขณะที่กำลังทหารผลักดันผู้ชุมนุมเข้าไปยังบริเวณสะพานผ่านฟ้า และเข้าพื้นที่สี่แยกคอกวัว ขณะนั้น พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) พ.อ.ร่มเกล้า และ พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 (ร.12 พัน 2) และนายทหารอีกจำนวนหนึ่ง กำลังหารือเรื่องการถอนกำลังกลับ แล้วเสียงระเบิดก็ดังขึ้นตูมสนั่น
"คนอื่นโดนแค่สะเก็ด แต่พี่เปาโดนไปเต็มๆ แล้วก็นิ่งไปเลย นาทีนั้นทุกคนคิดว่าแกเสียแล้ว ก็พยายามช่วยกันปั๊มหัวใจ ให้รถพยาบาลมาส่ง แต่ก็ติดม็อบแดง กว่าจะผ่านไปได้ พี่ไก่ (พ.ท.เกรียงศักดิ์) ก็ถูกยิงที่หัวอาการยังโคม่า"
24.00 น.หลังจากแพทย์และพยาบาลเร่งช่วยกันปั๊มหัวใจ สัญญาณชีพของ พ.อ.ร่มเกล้า เริ่มกลับมาอีกครั้ง แพทย์จึงตัดสินใจนำตัวเข้าห้องผ่าตัดด่วน แต่เนื่องจากแผลที่ถูกระเบิดบริเวณศีรษะค่อนข้างลึกและเสียเลือดมาก เวลา 03.00 น.ของวันที่ 11 เม.ย. กองทัพบกก็ต้องสูญเสียนายทหารผู้มากความสามารถไปอีก 1 คน
พสกนิกรทุกหมู่เหล่าซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณ-เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ไปในการพระราชทานเพลิงศพนางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดการชุมนุมและปะทะกับตำรวจ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม2551 ณ เมรุวัดศรีประวัติ ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
พระมหากรุณาธิคุณทื่มีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่านั้นยังความซาบซึ้งแก่เหล่าพสกนิกรเป็นล้นพ้น ทั้งนี้ในช่วงที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองไทยรอบหลายปีมานี้ ครั้งหนึ่งกลุ่มพันธมิตรฯได้เกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถได้พระราชทานเงินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นั้นเบื้องต้น2แสนบาท และต่อมาเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ไปในการพระราชทานเพลิงศพนางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดการชุมนุมและปะทะกับตำรวจ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม2551 ณ เมรุวัดศรีประวัติ ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
ในโอกาสดังกล่าวนายจินดา ระดับปัญญาชาติวุฒิ บิดาของนางสางอังคณา พร้อมด้วยนางสาวดารณี นางสาววิชชุดา บุตรสาวทั้งสอง เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่พลับพลาที่ประทับ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับครอบครัวระดับปัญญาวุฒิ ประมาณ 15 นาที ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินกลับ
หลังจากที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯกลับ นายจินดาให้สัมภาษณ์ โดยที่หนังสือพิมพ์มติชนรายงานว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งว่า นางสาวอังคณาเป็นคนดี เป็นคนเก่ง และขอชื่นชมที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวสู้ต่อไป
"พระองค์ทรงรับสั่งว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางสาวอังคณา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับรู้เรื่องราวโดยตลอด รวมทั้งกรณีพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานทรัพย์ช่วยเหลือมาด้วย ซึ่งผมและครอบครัวระดับปัญญาวุฒิรู้สึกภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทั้งสองพระองค์เสด็จในงานพระราชทานเพลิงของลูกสาว ซึ่งผมและครอบครัวจะน้อมนำเอาพระราชดำรัสที่ทรงห่วงใยมาเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป"
ต่อมานายจินดาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า "พระองค์ตรัสว่า อังคณาเขาทำดีน่ะ รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ พระองค์ท่านตรัสว่า เสียใจไม่น่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เลย"
"สมเด็จพระราชินีทรงถามสารทุกข์สุกดิบของครอบครัว พระองค์ตรัสถามถึงอาการของภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้าง ผมทูลฯตอบไปว่า รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช อยู่ในพระราชินูปถัมภ์ พระองค์ท่านยังทรงกล่าวอีกว่า ยังไงก็ต้องมางานนี้ เพราะทำเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระองค์ด้วย"
พระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทย
“ตี๋ ชิงชัย” วาดพระสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ด้วยมือซ้าย
พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯต่อพสกนิกรนั้นยังแผ่ไพศาลต่อมาอย่างสืบเนื่อง ในคราววันเฉลิมพระชนมพรรษา12สิงหามหาราชินีเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา เวบไซต์ผู้จัดการASTV รายงานข่าวว่า "พระราชินีตรัสชื่นชม"ตี๋ ชิงชัย"วาดพระสาทิสลักษณ์"เก่งมาก" โดยรายละเอียดข่าวมีว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ หรือ ตี๋ ชิงชัย ศิลปินผู้สูญเสียมือขวาจากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 พร้อมภรรยาเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบรมสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่นายชิงชัยวาดด้วยมือซ้าย ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารว่า “เก่งมาก”
พระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผลงานการวาดด้วยมือซ้ายของนายชิงชัย อุดมเจริญกิจ ศิลปินผู้สูญเสียมือขวาจากเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ เลือด
“ตี๋ ชิงชัย” เป็นหนึ่งในศิลปินนักสู้ที่เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนั้น “ตี๋ ชิงชัย” ถูกระเบิดแก๊สน้ำตาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจนมือข้างขวาที่เคยใช้วาดรูปขาดกระจุยและกล่องเสียงถูกทำลาย แต่มีตำรวจบางคนและสื่อมวลชนบางฉบับ ได้รายงานว่านายชิงชัยว่ากำระเบิดมาเอง แต่ผู้จัดการASTVระบุว่า ในความเป็นจริงสิ่งที่เขากำอยู่ในมือคือพวงกุญแจหนัง
“ตี๋ ชิงชัย” จึงต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรมด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายตำรวจและสื่อที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในข้อหาหมิ่นประมาท จนนายตำรวจคนดังกล่าวและสื่อมวลชนฉบับนั้นยอมขอโทษ และซึ่งด้วยความใจกว้างของ “ตี๋ ชิงชัย” เขาจึงยอมถอนฟ้องในเวลาต่อมา และใช้เวลาไปกับการฝึกฝนการวาดภาพด้วยมือซ้าย ซึ่งในที่สุดก็ได้ผลงานที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้การวาดด้วยมือขวาแต่อย่างใด จนได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายผลงานดังกล่าว
สุเมธเผยลูกๆตีกันทำให้พ่อทุกข์
มติชนออนไลน์ รายงานว่า นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บรรยายพิเศษเรื่อง "พระจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการจัดโครงการศิลปะพัฒนาชีวิต ด้วยอานาปานสติภาวนา" ที่เสถียรธรรมสถาน ซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา 55 เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 เมษายน โดยกล่าวตอนหนึ่งถึงกรณีความวุ่นวายทางการเมืองขณะนี้ว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเตือนอยู่ตลอดเวลาว่า อย่าพังบ้าน ซึ่งเวลานี้กำลังจะพังบ้านกันอยู่แล้ว ใครจะชนะช่างหัว แต่บ้านพังแล้ว ถนอมๆ กันหน่อยเถอะ เพราะเรื่องมันก็มีอยู่แค่นี้ เอาธรรมะเข้าจับ อย่าใช้แต่อารมณ์" นายสุเมธกล่าว และว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ตั้งอยู่บนความโกรธ แล้วสุดท้ายคนก็ล้มตายไป ตนเองยังตอบไม่ได้เลยว่า มันจะจบอย่างไร
"ตอนนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว แต่มีพ่อแม่คนไหนที่เห็นลูกตีกันแล้วมีความสุข ลูกไม่ดียังพอทนไหว ลูกทรพีพ่อแม่ยังทนได้ แต่ลูกตีกัน ผมว่าพ่อแม่คนไหนก็ทุกข์ทั้งนั้น ทุกข์ที่สุดของของพ่อแม่คือ เห็นพี่น้องตีกัน ทนไม่ได้หรอก ถ้าถามจิตใจของพระองค์ท่านตอนนี้ ผมว่าพระองค์ทุกข์ที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าโกรธกันเลย ถ้าโกรธเมื่อไร ประเทศพังเมื่อนั้น" นายสุเมธกล่าว
วันเดียวกัน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์รายงานข่าวเรื่อง 'องคมนตรี'เยี่ยมทหารบอกเสียใจคนไทยสู้กันเอง
องคมนตรีกำธน"เยี่ยมทหารบาดเจ็บ บอกเสียใจคนไทยสู้กันเอง เตือนสตินปช.หยุดทำผิดกม. คนอื่นเดือดร้อน ชี้เรียกร้องยุบสภาได้ แต่อย่าบังคับ
"ที่เราไปบังคับว่าต้องยุบสภาให้ได้ภายในกี่วัน อันนี้คือเป็นม๊อบถ้าเราไปบังคับเมื่อไหร่ ผลของการอยากให้ยุบตามใจเรา มันก็ขยายผลไปสู่การทำให้คนอื่นเกิดความเดือดร้อน ค้าขายไม่ได้ เศรษฐกิจก็ไปไม่ได้ บ้านเมืองเสียหาย จึงอยากขอให้เลิก เพราะเมื่อไม่เลิกก็เกิดปะทะกัน ดังนั้นถ้าเราจะแก้ปัญหาก็ต้องหยุดทำผิดกฎหมายที่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ส่วนความเห็นที่บอกว่าของใครจะทำให้บ้านเมืองดี หากยังมีอยู่ก็แสดงออกได้ แต่ขอว่าอย่ารุนแรง อย่าคิดว่าต้องเอาให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความรุนแรง ไม่ต้องเอาคนมาเป็น 3 หมื่นคน เพราะคนแค่พัน หรือหมื่นคนก็แสดงออกได้แล้ว ผลที่ออกมาก็จะเป็นไปตามเหตุผล ไม่ได้ใช้อำนาจ ถ้าเอาหลักตรงนี้ไปคิดก็จะหยุดการที่จะต้องสลายม๊อบที่ทำให้เกิดการปะทะ"